เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1493

ตอนที่ 1493

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ฟางหยวนไม่พบกับดักใดๆ

เขาค่อยๆเข้าไปใกล้ซากศพ เมื่อเขาอยู่ห่างจากมันห้าหรือหกก้าว การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

ฟางหยวนลอบสาปแช่งเพราะเขาสูญเสียการควบคุมร่างกายและกลายเป็นผู้ชมอีกครั้ง

เด็กหนุ่มพึมพำ “คนผู้นี้ตายในบ่อน้ำ เขาถูกสัตว์ป่าดักจับและไม่สามารถหลบหนีงั้นหรือ?”

เขาเดินเข้าไปหาศพและก้มศีรษะลงเคารพก่อนจะค้นร่างกาย

ไม่มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด มันเป็นศพธรรมดา ไม่มีกับดักใดๆ

เด็กหนุ่มพบว่าศพนี้เคยเป็นผู้ใช้วิญญาณและดูเหมือนจะเป็นคนระดับสูง

เขาไม่มีวิญญาณเหลืออยู่แต่ในเสื้อของเขามีแผนที่หนังแกะ

เด็กหนุ่มไม่ได้รับสิ่งใดนอกจากแผนที่หนังแกะผืนนี้

ในห้องใต้ดินที่มืดสลัว เด็กหนุ่มไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้อย่างชัดเจน

เขาเก็บแผนที่หนังแกะเอาไว้และตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งแต่ยังไม่พบสิ่งใด

แต่เด็กหนุ่มก็พอใจมาก

เพราะมีแหล่งน้ำที่ล้ำค่าอยู่ที่นี่

เขาตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนจะค่อยๆดื่มมันเล็กน้อย

แหล่งน้ำอยู่ใต้ดิน ศพได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา

เด็กหนุ่มดื่มน้ำหนึ่งคำ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่ไหลออกมา นั่นทำให้รสเลือดในปากของเขาจางหายไปอย่างมาก

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย น้ำหนึ่งคำดึงดูดความปรารถนาของเขา เขาก้มลงและฝังใบหน้าลงไปในบ่อน้ำเล็กๆ

“อึก อึก อึก”

หลังจากดื่มน้ำเข้าไปหลายคำ เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำที่สาดกระเซ็นไปทั่ว

เขานั่งลงบนพื้นโดยไม่กล่าวสิ่งใด เขาวางมือลงบนพื้นและปิดเปลือกตาลง เพียงไม่นานเขาก็ถอนหายใจออกมา

หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าและยืนขึ้น

เขากลับขึ้นไปด้านบน ที่นี่หนาวกว่าในห้องใต้ดินมาก

แต่เด็กหนุ่มมีเหตุผลของตนเองที่มาที่นี่

เขามองกระโจมที่สร้างขึ้นจากกระดูกและหนังสัตว์ แต่ลมแรงมาก หนังสัตว์หลายผืนถูกพัดออกไปและสร้างเป็นรูช่องโหว่

จากภายใน เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า

เขาถอนหายใจและนำเศษไม้มาจุดไฟ เปลวไฟไม่ใหญ่นัก แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น

เด็กหนุ่มปรุงเนื้อสัตว์และกินเนื้อสุก

หลังจากินอาหารจนอิ่มท้อง เขารู้สึกง่วงนอนมาก

แต่เด็กหนุ่มยังควบคุมตนเองและใช้แสงสลัวสังเกตแผนที่หนังแกะ

“แผนที่หนังแกะผืนนี้คงอยู่มานานแล้ว”

“หือ? นี่มันโอเอซิสของเผ่าข้ามิใช่หรือ?”

เด็กหนุ่มตะลึง

โอเอซิสเล็กๆเป็นจุดสำคัญของแผนที่หนังแกะ มีภาษาของทะเลทรายตะวันตกหลายคำถูกบันทึกไว้

แต่ถ้อยคำส่วนใหญ่พร่าเลือนไปแล้วตามกาลเวลา มีเพียงสองสามคำที่ยังเห็นได้ชัด

เด็กหนุ่มแทบไม่สามารถถอดความหมายของมัน เขากล่าวอย่างไม่แน่ใจ “ดินแดนแห่งสุสานอมตะ…คำสาป…อัปมงคล…”

“แปลก!” หลังจากสังเกตเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มก็ยังไม่พบเบาะแสเพิ่มเติม เขาขมวดคิ้ว

“ข้าอยู่บนโลกใบนี้มานานนับสิบปีแล้ว ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้อมตะมาจากผู้อาวุโสของตระกูล นั่นไม่ได้เป็นเพียงตำนานแต่มีผู้อมตะอยู่จริงๆงั้นหรือ?”

“มันอาจไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หากพิจารณาถึงตัวตนของผู้ใช้วิญญาณ ข้าสามารถมองเห็นความแปลกประหลาดและความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังโลกใบนี้ สิ่งใดก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น”

“ดินแดนแห่งสุสานอมตะ…อย่าบอกว่าที่ที่ข้าเคยอาศัยอยู่มีสุสานของผู้อมตะอยู่ที่นั่น!?”

“แต่คำสาปและสิ่งอัปมงคลคือสิ่งใด?”

“แผนที่หนังแกะผืนนี้แปลกจริงๆ โลกนี้มีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลสำหรับจัดเก็บแผนที่หรือข้อมูล ศพนั้นต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดเขาถึงใช้แผนที่หนังแกะแทนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล?”

“แผนที่หนังแกะชิ้นนี้ถูกเย็บติดกับเสื้อผ้าของเขา หากเสื้อผ้าของเขาไม่ขาด ข้าคงไม่พบมัน”

“เขาซ่อนมันไว้อย่างระมัดระวัง มันต้องสำคัญมาก แต่มันเสี่ยงเกินไป มันจะปลอดภัยกว่าหากเขาเก็บมันไว้ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล”

เด็กหนุ่มพึมพำ

ฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่เคยคิดถึงคำถามเดียวกันนี้มาก่อนแล้ว

“ลืมเรื่องนี้ไปซะ แผนที่หนังแกะผืนนี้ยังระบุตำแหน่งของบ่อน้ำ หากข้าใช้มันนำทาง ข้าจะสามารถกลับไปที่เผ่า”

แม้เด็กหนุ่มจะไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเผ่า แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่เพียงลำพังกลางทะเลทราย

นอกจากอันตรายยังมีเรื่องของอาหาร เด็กหนุ่มมีเนื้อในปริมาณที่จำกัด

โอเอซิสแห่งนี้เล็กเกินไป มันไม่เหมาะกับการพักอาศัย

เป็นเพียงเวลานี้ที่ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มพร่ามัว หลังจากชั่วครู่เขาก็งีบหลับไป

เขาเหนื่อยมาก ไม่เพียงร่างกายแต่ยังรวมถึงจิตใจ

เมื่อเขาหลับ วิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็กลายเป็นมืดมิด

ท่ามกลางความมืดมิด ฟางหยวนรู้สึกถึงพลังการกัดกร่อนจากอาณาจักรแห่งความฝัน จิตวิญญาณของเขาถูกกัดกินอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนอดทนกระทั่งความมืดมิดจางหายไป

เวลาในอาณาจักรแห่งความฝันยากที่จะคาดเดา เมื่อความมืดจางหาย จิตวิญญาณของเขาก็ถูกกัดกร่อนไปแล้วเป็นจำนวนมาก

หลังจากกลับมามองเห็นอีกครั้ง ฟางหยวนก็ตกใจเมื่อเขาพบว่าเด็กหนุ่มถูกมัดไว้ในห้องใต้ดิน

ด้านหน้าเขามีผู้ใช้วิญญาณชราที่กำลังแสดงออกอย่างเคร่งขรึม

ผู้ใช้วิญญาณชรากำลังมองแผนที่หนังแกะด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโลภ

ร่างของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านขึ้น

“เจ้าคือผูใด? เหตุใดต้องมัดข้า?” เด็กหนุ่มตะโกนถาม

เขารู้สึกหดหู่มาก หลังจากตื่นขึ้น เขาก็พบว่าตนเองถูกมัดและตกเป็นเชลยไปแล้ว

“เจ้าควรดีใจที่ข้า ชาเซี่ยว ยังไม่ฆ่าเจ้า” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

เขาเก็บแผนที่หนังแกะไว้ในกระเป๋าอย่างระมัดระวังและมองเด็กหนุ่ม “เด็กน้อย เจ้าเป็นสมาชิกของเผ่านี้งั้นหรือ?”

เด็กหนุ่มไม่ตอบ

เพราะเขาตระหนักว่าผู้ใช้วิญญาณชราผู้นี้ต้องรู้ความลับและเห็นคุณค่าของแผนที่หนังแกะ ชายชราไม่ฆ่าเขาแต่มัดเขาไว้เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา

การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชรากลายเป็นมืดครึ้มเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบ

เขาลอยเข้าไปหาเด็กหนุ่มราวกับภูตผี

“เด็กน้อย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดสิ่งใดอยู่ หากเจ้าเงียบ…เห้อ…เจ้าคงไม่เคยได้ยินชื่อของข้า เช่นนั้นข้าจะมอบบทเรียนให้เจ้าเป็นอันดับแรก”

ผู้ใช้วิญญาณชราหัวเราะอย่างชั่วร้ายก่อนจะยกขาขึ้นเตะหน้าอกของเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มถูกส่งลอยออกไปราวกับก้อนหิน เขาพุ่งชนกำแพงและล้มลงบนพื้น

ความเจ็บปวดเกือบทำให้เด็กหนุ่มหมดสติ เขาเริ่มกรีดร้อง

เด็กหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขากลายด้านชา ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกราวกับถูกแทงด้วยเข็มน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน

ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เด็กหนุ่มกรีดร้องออกมา เขาขดตัวราวกับกุ้งพร้อมกับน้ำมูกและน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

“เด็กน้อย ตอนนี้รู้แล้วหรือยังว่าข้าแข็งแกร่งเพียงใด?” ผู้ใช้วิญญาณชราเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

เขามีความสุขมาก

เสียงกรีดร้องและเสียงร้องไห้ของเด็กหนุ่มทำให้เขารู้สึกพึงพอใจมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท