เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ

บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1515 ร่างจริงถูกพบ

แปลโดย iPAT

“คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด!” เผชิญหน้ากับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนแสดงความตกใจออกมา

“นี่…นี่…”

“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!”

“นี่เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”

ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย สามผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึง

ตระกูลฟางพยายามค้นหามันมานานหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน

มันคือมรดกของตระกูลชิงที่พวกเขาปรารถนา

ดวงตาของสามผู้อมตะตระกูลฟางแทบหลุดออกมาจากเบ้า พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

“ทายาทแห่งเทพปีศาจจิตวิญญาณ ตายซะเถอะ!” อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามอยู่ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับเจตนาสังหารอันแรงกล้า

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้คือนายเหนือหัวของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ มันมีร่างกายใหญ่โตเหมือนภูเขา มีกระดองเต่า กรงเล็บพยัคฆ์ หางมังกร คออสรพิษ และศีรษะมนุษย์

ฟางหยวนตระหนักถึงความเกลียดชังและเจตนาสังหารที่ระเบิดออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ขณะเดียวกันมันก็ถูกผนึกเอาไว้โดยวังหลังนี้เช่นกัน

ไม่ว่ามันจะคำรามอย่างไร เสียงของมันก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปภายนอก

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าไปหาฟางหยวนจากด้านหน้าขณะที่สนมอินทรีย์พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง

ผีเฒ่าไป่จุนคำรามและออกคำสั่งอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว

แมงมุมเหินและอสรพิษมีปีกพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว และปีศาจอมตะระดับเจ็ดอีกสองคนโจมตีฟางหยวนพร้อมกัน

อันตรายมาก!

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดที่พลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์

เขาไม่ได้คาดหวังว่าในจังหวะที่เขาออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ เขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้

“ผู้อาวุโส ระวัง!”

“โอ้ ไม่!”

สามผู้อมตะตระกูลฟางกรีดร้อง สถานการณ์เลวร้าย พวกเขาเป็นห่วงฟางหยวนมาก

ศัตรูเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือฟางหยวน พวกเขาลอบโจมตีอย่างกะทันหัน สามผู้อมตะตระกูลฟางไม่สามารถช่วยฟางหยวนได้ทันเวลา ในจังหวะสำคัญฟางหยวนสามารถพึ่งพาเพียงตนเองเท่านั้น

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาผู้อื่น

เขาเป็นคนระวังตัว เขาเตรียมร่างแยกจำนวนนับไม่ถ้วนไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาสามารถใช้งานเกราะหวนคืนได้ทันทีหากเขาต้องการ

‘แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่สามารถใช้มัน’

ฟางหยวนอยู่ในทะเลทรายผีเขียวพร้อมกับสามผู้อมตะตระกูลฟาง เขาไม่สามารถเปิดเผยเกราะหวนคืนได้โดยง่าย แต่หากเขาไม่ใช้มัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด เพียงอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว พวกมันก็สามารถกำจัดเขาได้อย่างง่ายดาย

ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย ฟางหยวนไม่ตื่นตระหนก ตรงข้ามความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาพุ่งทะยานขึ้นภายในตัวเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คาดคิด

เสียงหัวเราะของฟางหยวนทำให้สามผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกถึงความเย่อหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองของเขา

ท่าไม้ตายอมตะร่างแยกความคิด!

ร่างแยกที่เรืองแสงสีฟ้าจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบๆ

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ฟางหยวนได้รับมาจากราชันภูเขาม่วง เดิมทีมันเป็นแสงสีม่วงแต่มันถูกดัดแปลงให้เป็นแสงสีฟ้า

เหตุผลก็คือฟางหยวนผสานวิญญาณลอบโจมตีเข้าไปและทำให้มันทรงพลังมากขึ้นไปอีก

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

“เป็นการตอบโต้ที่ยอดเยี่ยม!” ฟางหยุนยกย่องขณะที่ฟางอันเล่ยและฟางเล้งเงียบ

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าเผชิญหน้าราวกับดาวตก

“ปัง ปัง ปัง ปัง…”

ร่างแยกสีฟ้าระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับฟองสบู่แตกโดยไม่สามารถต่อต้าน

สนมอินทรีย์และอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินหลบออกไปเพราะไม่ต้องการกีดขวางเส้นทางของคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด

แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกช้าที่สุด มันยังอยู่ที่เดิม

ไม่ว่าจะเป็นสนมอินทรีย์หรือผีเฒ่าไป่จุน พวกเขาสูญเสียเป้าหมายในการโจมตีเพราะไม่สามารถค้นหาตัวจริงของฟางหยวน

‘โอ้?’ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน

เขากำลังวางแผนและไม่ได้หลบหนี อย่างไรก็ตามวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับพุ่งเข้ามาหาร่างจริงของเขาโดยตรง

‘บังเอิญ?’ ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทาง

แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กลับเปลี่ยนทิศทางตามเขาไปอีกครั้ง

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาปล่อยหมอกออกมาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้

ท่าไม้ตายอมตะหมอกสับสน!

ผู้อมตะทั้งหมดถูกปิดล้อมด้วยหมอกหนาทึบ

สนมอินทรีย์กรีดร้องขณะที่นางหยุดเคลื่อนไหว

ผีเฒ่าไป่จุนเรียกอสูรวิญญาณแรกกำเนิดกลับไปปกป้องตนเอง

“หมอกเหล่านี้ทำลายการรับรู้ทิศทาง เราได้รับผลกระทบจากมันแม้เราจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ตาม ช่างน่าประทับใจนัก!” ฟางเล้งอุทาน

แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนโดยไม่ได้รับผลกระทบ

เดิมทีท่าไม้ตายนี้เป็นหมอกสีม่วงที่มีขอบเขตเล็กๆแต่มันสามารถสร้างความสับสนให้กับผู้อมตะระดับแปด แต่หลังจากถูกดัดแปลงโดยฟางหยวน นอกจากสีที่เปลี่ยนไป ขอบเขตของมันยังขยายออกไป แต่มันจะส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้น

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สามารถเข้าประชิดตัวฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะสองท่า แต่พวกมันกลับไม่ส่งผลกระทบต่ออสูรวิญญาณแรกกำเนิดลึกลับที่อยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนพยายามหลบด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแต่มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสองกำลังจะปะทะกัน!

ริมฝีปากของฟางหยวนยกตัวขึ้น

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นจากการปะทะที่รุนแรง

แต่มันไม่เกี่ยวกับฟางหยวน

ปรากฏว่าสิ่งที่ปะทะกันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีก

‘แม้ข้าจะไม่สามารถทำให้เจ้าสับสน แต่ข้าสามารถทำให้คนอื่นๆสับสน’

ขณะเดียวกันเขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและแฝงตัวอยู่ท่ามกลางร่างแยก

‘อัศจรรย์นัก!’ เมื่อหมอกจางลง ฟางอันเล่ยมองไปที่เกิดเหตุและต้องยกย่องโดยไม่รู้ตัว

ฟางหยวนสามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมากได้ด้วยตัวเขาเองเพียงผู้เดียว เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง

“บัดซบ!” ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดคำรามด้วยความโกรธ

ร่างของอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีกตกลงบนพื้น

การปะทะครั้งนี้ทำให้ความเร็วของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลดลงอย่างมาก แต่อสูรวิญญาณแรกกำเนิดยังควบคุมมันออกไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวนอย่างไม่ลดละ

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ศัตรูยังตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าได้อีกงั้นหรือ?’ ฟางหวนตกตะลึง

ตั้งแต่ฟางหยวนครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปดและพัฒนาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย มันก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน

แต่ตอนนี้ศัตรูกลับเพิกเฉยต่อมันและสามารถไล่ล่าร่างจริงของฟางหยวน นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งแรกของเขา

‘กระทั่งในภัยพิบัติ ข้ายังสามารถหลอกลวงเจตจำนงสวรรค์ ศัตรูใช้วิธีใดในการค้นหาข้า?’

ฟางหยวนไม่เข้าใจ

‘ไม่ มันไม่ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา’

‘ข้ามีอาภรณ์วิญญาณที่สามารถป้องกันการอนุมาน หากผู้ใดต้องการอนุมานเกี่ยวกับข้า พวกเขาต้องทำลายอาภรณ์วิญญาณเป็นอันดับแรก แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของการอนุมานใดๆทั้งสิ้น’

‘ศัตรูใช้วิธีใดกันแน่?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท