เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1516 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

บทที่ 1516 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1516 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

แปลโดย iPAT

ขณะที่ฟางหยวนกำลังถูกไล่ล่าโดยวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะที่ดูเยาว์วัยนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้นในสถานที่ห่างออกไป

เขาอยู่ในชุดคลุมสีเขียวและดูราวกับบัณฑิตที่ฉลาดเฉลียว

มันคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ถูกส่งมาโดยเทพธิดาจื่อเว่ย ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เฉินอี้

ตอนนี้เขาราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งกับสวรรค์พิภพ

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและปล่อยควันสีเขียวลอยออกมา

ควันสีเขียวค่อยๆก่อตัวเป็นรูปต้นไม้ใหญ่ที่มีผลไม้จำนวนมาก

แต่ผลไม้เหล่านี้มีรูปร่างที่แปลกประหลาดและแตกต่างกัน บางผลเหมือนลูกพืชสีดำ บางผลใหญ่โตเหมือนอ่างน้ำสีชมพู บางผลมีหนามแหลมอยู่รอบๆ บางผลโปร่งแสง

ครู่ต่อมาเฉินอี้ก็หยุดใช้ท่าไม้ตายของเขาขณะที่ต้นไม้ที่สร้างจากควันสีเขียวจางหายไป

เขาเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า “เป็นเช่นนั้น”

เขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว

เทพอมตะบัวสวรรค์เป็นเทพอมตะรุ่นหลังเทพปีศาจบัวแดงแต่เป็นรุ่นก่อนหน้าเทพปีศาจปล้นสวรรค์

สามแสนปีก่อนเทพอมตะบัวสวรรค์เดินทางมายังทะเลทรายตะวันตก ในช่วงเวลานั้นเขากลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าแล้วแต่เขาปลอมตัวเป็นผู้ใช้วิญญาณและเดินทางไปทั่วโลก

ครั้งนั้นเขามาที่โอเอซิสแห่งหนึ่งและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้คนในหมู่บ้าน

เขาพบเด็กผู้หนึ่ง เด็กผู้นั้นขอให้เขาชุบชีวิตมารดาที่เสียชีวิตไปของเขา

“ผู้คนไม่สามารถฟื้นคืนจากความตาย” เทพอมตะบัวสวรรค์ปฏิเสธและปลอบใจเด็ก

“หากไม่ช่วยก็ลืมมันไปซะ!” เด็กจากไปพร้อมกับความเกลียดชัง

เทพอมตะบัวสวรรค์ไม่สนใจ แต่ทันใดนั้นควันสีเขียวก็ลอยขึ้นจากศีรษะของเขา

เขาตกใจมาก “ข้าสร้างท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมนี้หลังจากได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกของเทพปีศาจไร้ขอบเขต ข้าใช้โชคชะตาเป็นรากและใช้โชคเป็นสารอาหาร ข้าสามารถใช้มันเพื่อค้นหาสาเหตุและผลกระทบของเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้”

“ข้าปฏิเสธเด็กผู้นั้น มันอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมกลับเกิดปฏิกิริยาต่อมัน นี่แสดงให้เห็นว่าสาเหตุเล็กน้อยนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงในอนาคต”

แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะรู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าเด็กผู้นั้นทันที

“ทุกสิ่งในโลกนี้เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่ปลูกอยู่ในดิน เมื่อเวลาผ่านไปมันจะเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ ด้วยการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน มันจะกลายเป็นป่าแห่งโชคชะตา”

“การปล่อยให้ต้นไม้เติบโตขึ้นตามธรรมชาติโดยไม่รบกวนเป็นวิถีแห่งธรรมชาติที่ดีที่สุด มันจะทำให้โลกเจริญรุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์”

“หากข้าเข้าไปยุ่ง มันก็เหมือนกับการขัดขวางลิขิตสวรรค์และกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับตนเอง”

เทพอมตะบัวสวรรค์เป็นผู้นำวังสวรรค์ เขาปฏิบัติตามลิขิตแห่งโชคชะตาอย่างเคร่งครัด

มนุษย์ที่ตายแล้วไม่อาจฟื้นคืนสู่ชีวิต นี่คือกฎที่ถูกกำหนดโดยชะตากรรม แม้เทพอมตะบัวสวรรค์จะทำได้ แต่เขาก็จะไม่ชุบชีวิตคนตาย

การเผชิญหน้าของเขากับเด็กผู้นี้คือชะตากรรม ไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องต่อต้าน

“อย่างไรก็ตามเมื่อต้นไม้เติบโตและสร้างผลไม้ที่ไม่ดี เราต้องตัดมันทิ้งและหยุดยั้งความชั่วร้ายไม่ให้มันแพร่กระจายออกไป ผู้อมตะก็เป็นเพียงยาฆ่าแมลงของโลกนี้เท่านั้น”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เทพอมตะบัวสวรรค์ก็ถอนหายใจและทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เบื้องหลัง

เขาไม่ได้มอบมันให้เด็กผู้นั้นแต่โยนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ลงไปในบ่อน้ำของหมู่บ้าน

แต่ในภายหลัง วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้ตกไปอยู่ในมือของมนุษย์และถูกส่งต่อไปจนถึงตระกูลชิง

ตระกูลชิงตระหนักว่ามันเป็นสมบัติของเทพอมตะบัวสวรรค์ พวกเขามีความสุขมากและเริ่มหยิ่งผยอง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกกวาดล้างโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณและทำให้โลกทั้งใบตกตะลึง

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลชิงเก็บมรดกของตระกูลไว้ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และพยายามหาโอกาสรอดชีวิต

ตระกูลชิงถูกลบออกไปแต่ความแค้นและความเกลียดชังของพวกเขายังอยู่ ดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนมากถูกดึงเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเวลาผ่านไปทะเลทรายผีเขียวก่อตัวขึ้นขณะที่ดวงวิญญาณของคนตายกลายเป็นอสูรวิญญาณ

สุดท้ายอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่มีสติปัญญาของมนุษย์และเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเทพปีศาจจิตวิญญาณก็ถือกำเนิดขึ้นในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ มันยังเรียกตัวเองว่าชิงโจว

น่าเสียดายที่เทพปีศาจจิตวิญญาณกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้าและจากไปในที่สุด

ชิงโจวต้องการแก้แค้นแต่ถูกขังไว้ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

เดิมทีผู้อาวุโสสุงสูดลำดับที่หนึ่งของตระกูลชิงต้องการหาโอกาสในการเอาชีวิตรอด เขาพึ่งพาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่เขากลับไม่เข้าใจมันอย่างท่องแท้

ในความเป็นจริงเทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้ายที่จะเป็นภัยต่อโลกใบนี้

ต้นกำเนิดของสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวคือการปฏิเสธการชุบชีวิตมารดาของเด็กที่เทพอมตะบัวสวรรค์พบในครานั้น

ชิงโจวถือกำเนิดขึ้นในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่มันก็ถูกขังอยู่ภายใน

มันใช้เวลาอย่างยาวนานพยายามปลดผนึกและควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดมันก็ได้รับผลลัพธ์บางอย่าง

มันสามารถบังคังวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และเปิดทางเข้าให้กับคนนอก

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นผู้โชคร้ายที่บังเอิญเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นทาสของมัน

“ชิงโจวผู้นี้ช่างโชคดีนัก มันเป็นอสูรวิญยาณแรกกำเนิดแต่สามารถบ่มเพาะและเลี้ยงดูวิญาณอมตะป่าจำนวนมากได้อย่างเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางพวกมันยังมีกระทั่งวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด”

“มันปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงนี้และมอบให้ผีเฒ่าไป่จุน มันต้องการรวบรวมกองทัพอสูรวิญญาณเพื่อช่วยมันกำหราบวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์”

“น่าเสียดายที่ผีเฒ่าไป่จุนพบผู้อมตะตระกูลฟางและซวนปู้จิน นอกจากแผนการจะล้มเหลว เรื่องนี้ยังถูกเปิดเผยอีกด้วย”

“ตระกูลฟางต้องการมรดกของตระกูลชิงเช่นกัน ชิงโจวอาจสังเกตเห็นและซุ่มโจมตี”

สายตาของเฉินอี้สั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ

สถานการณ์ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก

เดิมทีเขาต้องการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยใช้มรดกของบรรพชน แต่ตอนนี้มันกลับมีกองกำลังใหญ่และอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเข้ามาเกี่ยวข้อง

“น่าสมเพช”

“ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของข้ายังอยู่ในระดับแปด หากมันเป็นระดับเก้า ข้าจะเข้าใจทุกสิ่ง”

“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ชั้นเยี่ยมเพื่อตรวจสอบสาเหตุและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย”

เฉินอี้ถอนหายใจก่อนจะหายตัวไปจากจุดนั้น

เขาทำได้เพียงเฝ้ามองสถานการณ์และรอคอยโอกาส

ในสนามรบฝ่ายหนึ่งกำลังไล่ล่าขณะที่อีกฝ่ายวิ่งหนี

‘ศัตรูค้นพบร่างจริงของข้าได้อย่างไร?’ ฟางหยวนไม่สามารถตอบคำถาม

เขาไม่รู้ว่าเทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไว้เบื้องหลังเพราะมีเหตุผลใดอยู่เบื้องหลัง

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจวถือกำเนิดขึ้นจากอิทธิพลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

ดังนั้นชิงโจวจึงสามารถแยกแยะว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ

โดยพื้นฐานแล้วนี่ไม่ใช่วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งไม้

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ของเทพอมตะบัวสวรรค์

ในทางกลับกันฟางหวนเป็นผู้สืบทอดของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

เทพปีศาจจิตวิญญาณกวาดล้างตระกูลชิงขณะที่ความเกลียดชังของตระกูลชิงถูกส่งต่อมายังฟางหยวน

อย่างไรก็ตามแม้การซ่อนตัวของฟางหยวนจะไม่สามารถหลอกลวงชิงโจวแต่เขายังสามารถซ่อนตัวจากเฉินอี้

‘แม้ข้าจะมีเกราะหวนคืน แต่ข้าไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับศัตรูผู้นี้ มันเป็นศัตรูของตระกูลฟาง ข้าออกมาต่อสู้และเกือบตาย นี่เพียงพอแล้ว ตอนนี้มันเป็นปัญหาของตระกูลฟาง’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาบินกลับไปยังหอดอกไม้ร่วงโรยของตระกูลฟาง

ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย ฟางอันเล่ยสูดหายใจลึก นางรู้สึกกดดันอย่างมากต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

แต่การแสดงออกภายนอกของนางยังดูแน่วแน่ นางออกคำสั่ง “ฟางหยุน ฟางเล้ง ช่วยข้าควบคุมหอดอกไม้ร่วงโรย เราจะช่วยซวนปู้จินและต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!”

สถานการณ์ค่อนข้างน่าขัน

ชิงโจวต้องการฆ่าฟางหยวนแต่เขาไม่รู้เรื่องนั้น

ฟางหยวนคิดว่าชิงโจวไล่ล่าตระกูลฟาง

ตระกูลฟางก็คิดว่าชิงโจวต้องการโจมตีพวกเขา ซวนปู้จินช่วยเหลือพวกเขาด้วยความจริงใจ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องต่อสู้กับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์เฉินอี้ก็คิดเช่นเดียวกัน ในการรับรู้ของเขา ซวนปู้จินผู้นี้ค่อนข้างโชคร้าย เขาบังเอิญเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างมีเหตุและผล ตัวละครต่างๆเคลื่อนไหวไปตามโชคชะตที่ไม่สามารถคาดเดา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท