เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1501

ตอนที่ 1501

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1501 กึ่งปรมาจารย์เอก

แปลโดย iPAT

ทะเลทรายตะวันตก อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์

เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ก้าวเข้าสู่สนามประลองอีกครั้ง

การปรากฏตัวของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆตกใจ

“นี่หมายความว่าอย่างไร?”

“เหตุใดร่างกายของเด็กที่น่ารังเกียจผู้นี้ถึงถูกพันด้วยผ้าพันแผล?”

“ดูเหมือนเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!”

แม้เด็กหนุ่มจะได้รับวิญญาณลอบโจมตีด้วยความช่วยเหลือจากฟางหยวน แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังไม่ได้รับการรักษา ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมการแข่งขันในสภาพนี้

เด็กหนุ่มรู้สึกขมขื่น แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป แต่ชาเซี่ยวบังคับให้เขาดำเนินการต่อ

เด็กหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตาม

คู่ต่อสู้ของเขาในครั้งนี้คือหลานชายของผู้อาวุโสของเผ่า เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่ม เขาถอยกลับหลายก้าวและระวังตัวมากขึ้น

“เจ้ากำลังวางแผนใดอยู่?” หลานชายผู้อาวุโสตะโกน “เจ้าคิดว่าการแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บจะหลอกข้าได้งั้นหรือ? เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป!”

“ถูกต้อง เจ้าต้องระวัง อย่าถูกเขาหลอก!”

“วิธีการนี้อ่อนหัดเกินไป แต่พิจารณาจากอายุของเขาแล้วก็สามารถเข้าใจได้”

“เด็กผู้นี้ช่างโง่เขลานัก”

เสียงสนทนาปะทุขึ้น

เด็กหนุ่มกลอกตาและรู้สึกพูดไม่ออก

ผู้ใช้วิญญาณที่ดูแลการแข่งขันพูดไม่ออกเช่นกัน เขาใช้วิญญาณตรวจสอบแล้วและยืนยันว่าเด็กหนุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ

แต่การแสดงออกของฟางหยวนก่อนหน้านี้ทิ้งภาพจำไว้ในหัวใจของผู้คน ดังนั้นแม้เด็กหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บจริงๆ ผู้คนก็ไม่กล้าเชื่อ คู่ต่อสู้ของเขากระทั่งระวังตัวมากขึ้น

‘ในกรณีนี้…’ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป

ฟางหยวนเข้าควบคุมร่างของเด็กหนุ่มอีกครั้ง

‘เอาล่ะ ให้ข้าทดสอบวิญญาณลอบโจมตีในการต่อสู้จริง’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณลอบโจมตีระดับสองทันที

ภูตเด็กร่างสีฟ้าที่โปร่งแสงกระโดดออกมาจากทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม

“อันใด!?” หลานชายของผู้อาวุโสอุทานด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาขณะที่ภูตเด็กกระโจนเข้าสู่ร่างกายของเขา

‘โชคดีที่ข้าระวังตัวและกระตุ้นใช้วิญญาณสายป้องกันไว้แล้ว’ หลานชายของผู้อาวุโสคิดแต่นี้กลับเป็นความคิดสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไป

หลานชายของผู้อาวุโสกระอักเลือดออกมาและล้มลงบนพื้น

ฟางหยวนชนะ!

เงียบ!

ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นภูตผีสีฟ้าพุ่งเข้าและออกจากร่างของหลานชายผู้อาวุโสก่อนจะกระโดดไปมาและกลับเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม

“น่ารังเกียจ! เขาใช้เล่เหลี่ยมสกปรกอีกแล้ว!”

“เขาใช้สิ่งใด? มันเร็วเกินไป ข้ามองเห็นไม่ชัด”

“ดูเหมือนมันจะเป็นวิญญาณระดับสอง!”

“มันคือสิ่งใด? ข้าเห็นเพียงเงาร่างสีฟ้า”

“สัญชาตญาณของข้าบอกว่าภูตผีตนนี้ไม่ธรรมดา!”

การปรากฏตัวครั้งแรกของวิญญาณลอบโจมตีทำให้ทุกคนตกตะลึง

ในการแข่งขันรอบต่อๆไป เด็กหนุ่มยังใช้วิญญาณลอบโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีก

ชัยชนะของเขาสะอาดหมดจดและรวดเร็ว มันมีเพียงไม่กี่ขั้นตอน ก้าวเข้าสู่สนามประลอง ใช้วิญญาณลอบโจตี ฝ่ายตรงข้ามหมดสติ และได้รับชัยชนะ

เด็กหนุ่มสามารถกำหราบคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้ทันที

ไม่มีเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด เด็กหนุ่มคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์นี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

“เขาซ่อนไพ่ใบนี้เอาไว้!”

“เด็กผู้นี้แสร้งทำเป็นอ่อนแอ เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายเกินไป”

“ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเขาแข็งแกร่ง แต่เขากลับใช้อุบาย ฮืม…นี่แสดงให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา!”

เด็กหนุ่มได้รับอันดับหนึ่งในการแข่งขัน แต่ผู้คนรู้สึกไม่พอใจ

คนทั่วไปวิพากษ์วิจารณ์ขณะที่ตัวตนระดับสูงให้ความสนใจกับวิญญาณลอบโจมตี

“วิญญาณดวงนี้ทรงพลังมาก มันมีความเป็นมาอย่างไร?”

“เด็กผู้นั้นเป็นสามัญชน เขาได้รับวิญญาณระดับสูงเช่นนี้มาได้อย่างไร?”

“ข้าตรวจสอบมาแล้ว เขาอาศัยอยู่ในเผ่าของเรามาตั้งแต่เกิด แต่ก่อนหน้านี้เขาถูกเนรเทศก่อนจะกลับมา ข้าคิดว่าเขาได้รับวิญญาณดวงนี้มาในช่วงเวลานั้น”

“เจ้ากำลังกล่าวว่าเด็กผู้นี้ได้รับมรดกจากผู้อาวุโสบางคนงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง มีโอกาสสูงที่จะเป็นเช่นนั้น”

“เจ้านั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือวิญญาณระดับสองดวงนี้ทรงพลังจริงๆ พวกเจ้าเคยเห็นพลังโจมตีที่โดดเด่นของมันมาแล้ว มันสามารถใช้งานโดยผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งซึ่งหมายความว่ามันพึ่งพาพลังวิญญาณน้อยมาก นี่คือวิญญาณชั้นสูง ตราบเท่าที่เผ่าของเรามีวิญญาณดวงนี้จำนวนมาก ความแข็งแกร่งของพวกเราจะพุ่งทะยานขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะสามารถเข้ายึดครองโอเอซิสที่ใหญ่กว่านี้” ผู้นำเผ่ากล่าวด้วยความตื่นเต้น ไฟแห่งความทะเยอทะยานของเขาถูกจุดขึ้นแล้ว

วิญญาณลอบโจมตีเป็นวิญญาณระดับสอง เมื่อมันปรากฏขึ้น มันสามารถดึงดูดความสนใจของตัวตนระดับสูงได้ในทันที

ฟางหยวนคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว

เมื่อเขาเข้าควบคุมร่างของเด็กหนุ่ม เขาสามารถหลีกเลี่ยงการใช้วิญญาณลอบโจมตีในการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริงเขากลับเลือกที่จะใช้และเปิดเผยมัน เขามีมีแผนการของตนเองสำหรับเรื่องนี้

‘ข้าอยากรู้ว่าอาณาจักรแห่งความฝันจะตอบสนองต่อการตัดสินใจของข้าอย่างไร?’

‘วิญญาณลอบโจมตีถูกเปิดเผยและดึงดูดความโลภของผู้คน ตัวตนระดับสูงของเผ่าย่อมต้องการผลิตวิญญาณดวงนี้เพื่อติดอาวุธให้ผู้ใช้วิญญาณของเผ่า’

วิญญาณลอบโจมตีเป็นวิญญาณระดับสอง นี่เป็นระดับที่สมบูรณ์แบบ

วิญญาณระดับหนึ่งอ่อนแอเกินไป มันไม่มีความหมายใดๆ

วิญญาณระดับสามสูงเกินไป พวกมันมีค่ามากเกินไปและยากต่อการผลิตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้วิญญาณระดับสามอยู่ในเผ่าเพียงไม่กี่คน

มีเพียงวิญญญาณระดับสองที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่เหมาะสมที่จะผลิตออกมาเป็นจำนวนมากสำหรับผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดของเผ่า

เช่นนี้แล้วตัวตนระดับสูงของเผ่าจะไม่ถูกล่อลวงได้อย่างไร?

‘ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องการเคล็บลับการหลอมรวมวิญญาณมากกว่าตัววิญญาณเอง’

‘เมื่อตัวตนระดับสูงต้องการเคล็บลับการหลอมรวมวิญญาณลอบโจมตี พวกเขาจะเอาใจเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกเขาจะไม่พยายามฉกชิงมันมาด้วยกำลังและแรงกดดัน’

นี่เป็นตรรกะทั่วไป

หากถูกกดดัน มันอาจะทำให้เด็กหนุ่มต่อต้าน

หากเขาตายโดยไม่ยอมส่งมอบเคล็ดลับการหลอมรวม แผนการของพวกเขาจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ หากเขามีความคับข้องใจ เขาสามารถมอบเคล็ดลับที่ไม่สมบูรณ์หรือดัดแปลงและทำให้เผ่าพบความสูญเสียครั้งใหญ่

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือทำให้เด็กหนุ่มเต็มใจมอบให้กับเผ่า

ดังคาด ตัวตนระดับสูงยื่นข้อเสนอให้เด็กหนุ่ม พวกเขาเชิญเด็กหนุ่มเข้าพบและมอบของขวัญมากมาย นอกจากนี้บางคนยังเสนอให้บุตรสาวแต่งงานกับเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากทันที

“หลานชายที่ดีของข้า เจ้าทำได้แล้ว! เจ้าสามารถใช้เคล็ดลับการหลอมรวมนี้เพื่อแลกกับผลประโยชน์ ใช้มันให้ถูกต้อง ฮ่าฮ่า” เสียงของชาเซี่ยวดังขึ้น

อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มกลับไม่ยินดีส่งมอบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ออกไป

“หากข้าส่งมอบมัน เด็กทารกที่บริสุทธ์จำนวนมากจะเสียชีวิต!”

แม้เด็กหนุ่มจะเป็นคนซื่อตรงและซื่อสัตย์แต่เขาก็มีประสบการณ์จากชีวิตก่อนหน้าและเข้าใจความคิดที่สกปรกขององค์กร

“เช่นนั้นเจ้าก็ถ่วงเวลาออกไปซักพัก อีกสองสามวัน เจ้าจะสามารถเข้าไปที่ทะเลสาบเพื่อรับรางวัลของผู้ชนะ อย่าลืมคำกล่าวของท่านปู่ผู้นี้” ชาเซี่ยวหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ลืม” เด็กหนุ่มสัญญา

สามวันต่อมาเด็กหนุ่มกับคนอื่นๆก็ถูกนำไปที่ทะเลสาบ

ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญของเผ่า นอกจากน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติซึ่งผลิตหินวิญญาณ มันยังเป็นแหล่งน้ำที่ใช้สำหรับการดำรงชีวิตของผู้คนในเผ่า

เด็กหนุ่มเป็นผู้ชนะ ดังนั้นเขาจึงถูกพาไปยังถ้ำใต้ดินเพื่อเลือกวิญญาณคุณภาพสูงที่อยู่ภายใน

เพียงก้าวแรกที่เขาเข้าไป เสียงที่ตื่นเต้นของชาเซี่ยวก็ดังขึ้น “อยู่ที่นี่ มันอยู่ที่นี่ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะ!”

“กระไรนะ!? วิญญาณอมตะ?” เด็กหนุ่มถาม

ฟางหยวนประหลาดใจเช่นกัน

แต่ในเวลาต่อมาวิสัยทัศน์ของฟางหยวนก็มืดลง

จิตวิญญาณของเขาถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วโดยอาณาจักรแห่งความฝัน

หลังจากอดทนรอเป็นเวลานาน ดวงวิญญาณของฟางหยวนก็ออกจากอาณาจักรแห่งความฝันมาแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว

‘เหตุใดข้าถึงออกมา?’ ฟางหยวนประหลาดใจ

‘หมายความว่าข้าผ่านฉากที่สองแล้วงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

‘กึ่งปรมาจารย์เอก! ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าพุ่งขึ้นสู่ระดับกึ่งปรมาจาย์เอกในครั้งเดียว!’ ดวงวิญญาณของฟางหยวนกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความยินดี

กึ่งปรมาจารย์เอก!

นี่เป็นระดับใหม่ของฟางหยวน

ท่ามกลางเส้นทางที่หลากหลายของฟางหยวน ระดับความสำเร็จสูงสุดของเขาคือปรมาจารย์ กระทั่งในชีวิตแรก เขาก็ไม่เคยบรรลุสู่ความสำเร็จระดับนี้!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท