เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1504

ตอนที่ 1504

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1504 พบผู้มีพระคุณ

แปลโดย iPAT

ในทะเลทรายผีเขียว ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำหนาทึก แสงแดดแทบไม่สามารถสาดส่องลงมา

ฝูงอสูรวิญญาณกลุ่มเล็กๆกำลังเคลื่อนที่อยู่ในทะเลทราย

มีผู้อมตะสามคนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

สองคนถูกจับเป็นเชลยขณะที่อีกหนึ่งเป็นเจ้านายของฝูงอสูรวิญญาณ

“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าสองคนจากตระกูลฟางคิดว่าสามารถผ่านไปได้งั้นหรือ?” ผู้อมตะในชุดคลุมสีเทากล่าว เขามีจมูกแหลม ตาบาง และมีเคราแพะ เขานั่งอยู่บนแผ่นหลังของอสูรวิญญาณบรรพกาลร่างกระทิง

ฟางเล้งและฟางหยุนเป็นผู้อมตะระดับหก พวกเขาดูสะอาดและเรียบร้อย แต่ในความเป็นจริงดวงวิญญาณของพวกเขาถูกผูกมัดด้วยโซ่วิญญาณสีเทาและไม่สามารถขยับเขยื้อน

ฟางเล้งอายุมากกว่าฟางหยุนเล็กน้อย เขาเงียบและไม่ตอบคำถาม

ฟางหยุนอยู่ในร่างเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา เขาเป็นคนมีชีวิตชีวา เขาตอบ “ผีเฒ่าไป่จุน ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถเขียนจดหมายถึงตระกูลของเรา แต่เจ้ามัดพวกเราเอาไว้ พวกเราไม่แม้แต่จะสามารถใช้วิธีการสื่อสาร คลายโซ่ลงเล็กน้อยเพื่อให้ข้าส่งจดหมาย”

ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “เจ้ากล้าหลอกลวงข้างั้นหรือ? หากข้าทำเช่นนั้นเจ้าจะหลบหนีทันที มันไม่ง่ายที่ข้าจะตามจับเจ้า เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลจริงๆงั้นหรือ?”

ฟางหยุนเร่งกล่าว “ข้าจะกล้าหลอกผู้อาวุโสได้อย่างไร? สิ่งที่ข้ากล่าวคือความจริง เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามัน…อา…”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ฟางหยุนก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

ผีเฒ่าไป่จุนหัวเราะขณะที่ฟางเล้งตะโกนด้วยความโกรธ “หยุด อย่าทำร้ายน้องชายของข้า!”

ผีเฒ่าไป่จุนรู้สึกรำคาญ “ดูเหมือนพวกเจ้าจะชอบการแสดง พวกเจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ของตนเองอีกงั้นหรือ? ฮืม! งั้นข้าจะมอบบทเรียนให้พวกเจ้า!”

จากนั้นเขาก็เริ่มทรมานฟางเล้งเช่นกัน

คิ้วของเขาขมวดแน่น แต่เขาไม่เปล่งเสียงใดๆออกมา เว้นเพียงร่างกายที่สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ผีเฒ่าไป่จุนทรมานพวกเขาชั่วขณะก่อนจะหยุด

เขาขมวดคิ้วคิด ‘หากเป็นผู้อมตะทั่วไปข้าสามารถสังหารพวกเขาได้โดยไม่ต้องคิด แต่สองคนนี้มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ตระกูลฟางเป็นกองกำลังใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก หากข้าฆ่าพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตระกูลฟางจะตามล่าข้า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีชื่อเสียงของทะเลทรายตะวันตก นอกจากนี้หากตระกูลฟางมาที่ทะเลทรายผีเขียว มันจะขัดขวางแผนการของนายท่าน’

‘แต่หากข้าปล่อยพวกเขาไปและนายท่านถามข้าในภายหลัง เขาอาจตำหนิว่าข้าขี้ขลาด สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ตอนนี้คือจับคนทั้งสองไปเรียกค่าไถ่ ด้วยวิธีนี้ข้าจะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ’ ผีเฒ่าไป่จุนครุ่นคิดและมองเชลยทั้งสองอีกครั้ง

ฟางเล้งและฟางหยุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและทรุดตัวลงบนแผ่นหลังอสูรวิญญาณจากการถูกทรมาน

ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “กระทั่งมนุษย์เหล็กไหลก็ไม่สามารถอดทนต่อการทรมานของข้า เป็นอย่างไร พวกเจ้าต้องการทดลองอีกครั้งหรือไม่?”

ฟางเล้งกัดฟันกล่าว “ผีเฒ่า ฆ่าพวกเราซะ!”

ฟางหยุนตะโกน “อย่า อย่า ข้าจะติดต่อตระกูล!”

ผีเฒ่าไป่จุนมองฟางหยุนและหัวเราะ “หากเจ้ายอมจำนนตั้งแต่แรก เจ้าคงไม่ต้องพบกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้”

ฟางหยุนตะโกนด้วยความโศกเศร้า “ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้หลอกลวง หากไม่คลายโซ่ลงเล็กน้อย ผู้เยาว์จะไม่สามารถส่งจดหมายกลับไปที่ตระกูล”

ผีเฒ่าไป่จุนคำราม “ยังจะแก้ตัวอีก!”

เขาทรมานผู้อมตะทั้งสองอีกครั้ง

หลังจากทรมาน ฟางเล้งและฟางหยุนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ทั้งสองทรุดตัวลงบนหลังอสูรวิญญาณราวกับซากศพ

“คิดได้หรือยัง?” ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน

ฟางหยุนกล่าว “คิดได้แล้ว แต่ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสคิดดีแล้วเช่นนั้นหรือ?”

“ข้า? ข้าต้องคิดสิ่งใด?” ผีเฒ่าไป่จุนถามด้วยความประหลาดใจ

“ผู้อาวุโส พวกเราเป็นสมาชิกตระกูลฟาง ขณะที่ผู้อาวุโสเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ หากท่านยั่วยุตระกูลฟาง ชีวิตของท่านอาจวุ่นวายมิใช่หรือ? เหตุใดท่านไม่ปล่อยพวกเราไปและสร้างสายสันพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟาง ไม่ใช่ว่าวิธีนี้จะดีกว่างั้นหรือ?” ฟางหยุนยิ้ม

ผีเฒ่าไป่จุนโกรธมาก “เจ้าคิดว่าข้ากลัวตระกูลฟางของเจ้างั้นหรือ? ฮืม! หากข้ากลัวตระกูลฟางของเจ้า ข้าจะจับพวกเจ้ามาเรียกค่าไถ่งั้นหรือ?”

“ผู้อาวุโสกำลังคิดที่จะทำสัญญาไม่รุกรานกับตระกูลฟางของเรา ผู้เยาว์ยอมรับว่าเรื่องของวันนี้เป็นความผิดของพวกเรา เราทำให้ผู้อาวุโสขุ่นเคือง เรากระทำความผิดอันใหญ่หลวง แต่โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” ฟางหยุนกล่าวอย่างอ่อนแรง

“ฮืม! ตอนนี้เจ้ายอมรับแล้วงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าสร้างปัญหาให้ข้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนนี้มันสายเกินไปแล้วสำหรับเรื่องนั้น!” ผีเฒ่าไป่จุนกล่าวด้วยเสียงที่มั่นคงแต่หัวใจของเขาลอบสั่นไหว

ความตั้งใจของเขาถูกคาดเดาโดยผู้อมตะตระกูลฟางทั้งสอง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะบังคับให้พวกเขายอมจำนน

ฟางหยุนยังโน้มน้าวต่อ “ผู้อาวุโสสามารถลงโทษข้าและข้าจะยอมรับการลงโทษ แท้จริงแล้วข้ามีสมบัติจำนวนมาก ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสปล่อยพวกเราไป เราจะทำข้อตกลงไม่รุกรานได้ทันที นอกจากนั้นเรายังจะมอบค่าชดเชยกับให้ผู้อาวุโส เราไม่จำเป็นต้องแจ้งตระกูล”

ผีเฒ่าไป่จุนเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าข้าพึ่งเกิดเมื่อวานนี้งั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าฟางเล้งพี่ชายของเจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์และเป็นผู้สืบทอดตระกูลฟางงั้นหรือ?”

หัวใจของฟางหยุนจมดิ่งลง เขาไม่ได้คาดหวังว่าผีเฒ่าไป่จุนจะรู้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพวกเขา

แต่เขายังกล่าวต่อ “หากไม่แก้ปัญหานี้เป็นการส่วนตัว ตอนจบมันอาจไม่ดีนัก”

ผีเฒ่าไป่จุนส่ายศีรษะ “ไม่ ข้าจะคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางเท่านั้น นอกจากค่าชดเชย พวกเจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้ามาในทะเลทรายผีเขียวไปอีกหลายร้อยปี!”

การแสดงออกของฟางเลิ้งและฟางหยุนเปลี่ยนไป

ฟางเล้งกล่าว “ผีเฒ่าไป่จุน ความอยากอาหารของเจ้าใหญ่โตเกินไป ระวังท้องเจ้าจะระเบิด!”

ผีเฒ่าไป่จุนหัวเราะ “แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ข้าก็เข้าใกล้ระดับแปดแล้ว”

ฟางเล้งส่ายศีรษะ “แล้วอย่างไร? เจ้ากล้าเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นหรือ?”

ผีเฒ่าไป่จุนลูบเคราแพะของตน “แน่นอน ข้าไม่กล้าในตอนนี้แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่กล้าในอนาคต”

เขาลังเลก่อนจะตัดสินใจ

“เอาล่ะ ข้าจะทำลายความหวังทั้งหมดของพวกเจ้า จงดูว่านี่คือสิ่งใด?”

ฟางหยุนและฟางเล้งเงยหน้าขึ้นและเห็นวิญญาณดวงหนึ่งอยู่ในมือของผีเฒ่าไป่จุน

หัวใจของทั้งสองสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“มันคือวิญญาณอมตะระดับแปด!” ฟางหยุนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ผีเฒ่าไป่จุนกล่าวด้วยความยินดี “ให้ข้าบอกเจ้า ชื่อของมันคือป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ มันสามารถสะกดข่นอสูรวิญญาณได้โดยตรง วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดสามารถสะกดข่มอสูรวิญญาณแรกกำเนิด สิ่งสำคัญคือมันไม่ต้องการพลังงานอมตะระดับแปด พวกเจ้าเข้าใจความหมายนี้หรือไม่?”

ฟางเล้งและฟางหยุนมองหน้ากับด้วยความตกใจ

ด้วยวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ ผีเฒ่าไป่จุนสามารถสร้างกองทัพอสูรวิญญาณขนาดใหญ่หรือกระทั่งสามารถครอบครองทะเลทรายผีเขียวทั้งหมด

ทะเลทรายผีเขียวมีอสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน นี่เป็นสถานที่อันตรายสำหรับคนอื่นๆ แต่มันเป็นสวรรค์สำหรับผีเฒ่าไป่จุน

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ามีความทะเยอทะยานเช่นนี้ เจ้าต้องการยึดครองทะเลทรายผีเขียวและใช้อสูรวิญญาณเพื่อช่วยเจ้าก้าวข้ามภัยพิบัติและก้าวเข้าสู่ระดับแปด” เสียงของฟางเล้งแหบแห้ง

ฟางหยุนเร่งกล่าว “แต่ตระกูลฟางของเราเป็นกองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลทรายผีเขียว ตราบเท่าที่ผู้อาวุโสบรรลุข้อตกลงกับพวกเรา ท่านจะได้รับสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการบ่มเพาะ”

“นั่นเป็นเรื่องจริง ข้ารู้ดี” ดวงตาของผีเฒ่าไป่จุนส่องประกายขึ้น “แท้จริงแล้วข้าต้องขอบคุณพวกเจ้าทั้งสองที่มาในเวลาที่เหมาะสม หนึ่งเป็นเหลนสายตรงของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง อีกหนึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง แม้พวกเจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่พวกเจ้าก็มีค่าเพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการเจรจา”

ฟางเล้งและฟางหยุนเงียบ

ฟางเล้งคิด ‘ผีเฒ่าไป่จุนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ ผีเฒ่าไป่จุนจะได้รับการปฏิบัติในฐานะกึ่งผู้อมตะระดับแปด ตระกูลต้องรับมือเขาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญคือพวกเราตกเป็นเชลยของเขา เห้อ…หากข้ารู้มาก่อน ข้าจะไม่มาที่นี่ตามคำขอของน้องชาย’

ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ เสียงตะโกนของฟางหยุนกลับดังขึ้น “พี่ใหญ่ ดูนั่น!”

ฟางเล้งมองไปข้างหน้าด้วยความสงสัย เขาเห็นเมฆสีขาวบินผ่านกลุ่มก้อนเมฆสีดำที่ปกคลุมทะเลทรายผีเขียว

ฟางเล้งชะงักงันไปเล็กน้อยขณะที่เขาคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของฟางหยุน

ในเวลานั้นฟางเล้งกล่าว “เจ้าช่างน่าหาญนัก เจ้าอยากไปผจญภัยที่ทะเลทรายผีเขียวงั้นหรือ?”

ฟางหยุนหัวเราะ “อย่ากังวล ข้าขอให้ท่านพ่ออนุมานการผจญภัยครั้งนี้มาแล้ว ท่านสรุปว่าการเดินทางครั้งนี้จะมีอันตรายแต่มันก็ไม่อันตราย เราจะได้พบกับผู้มีพระคุณและสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมาย”

ฟางเล้งขมวดคิ้ว “แม้เราจะพบบางคนที่ทะเลทรายผีเขียว แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้มีพระคุณุ?”

ฟางหยุนตบไหล่ฟางเล้ง “ข้าถามท่านพ่อมาแล้ว ท่านบอกว่าผู้มีพระคุณจะมาพร้อมกับเมฆสีขาว”

ฟางเล้งมึนงงก่อนจะเย้ยหยัน “เมฆสีขาว? ทุกคนรู้ว่าทะเลทรายผีเขียวถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ มันจะมีเมฆสีขาวได้อย่างไร?”

เมื่อคิดถึงบทสนทนานี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางเล้งจะคิดว่า ‘อาจเป็นผู้มีพระคุณที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองกล่าวไว้?’

ผีเฒ่าไป่จุนมองเมฆสีขาวด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม “เมฆสีขาวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายบนเส้นทางแห่งโชค แต่มันไม่ใช่เพียงเส้นทางแห่งโชค เห็นได้ชัดว่ามันเป็นท่าไม้ตายอมตะ ผู้ใดเป็นเจ้าของสิ่งนี้?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท