เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1495 พักผ่อน
แปลโดย iPAT
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ ฟางหยวนนั่งไขว้ขาปิดเปลือกตาอยู่อย่างเงียบๆ
ไห่ลั่วหลันและคนอื่นๆพร้อมด้วยถังฟางหมิงกำลังควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้อยู่
ฟางหยวนคำนวณกำไรขาดทุนของเขา
‘ประโยชน์ที่ได้รับจากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มีมากมาย นอกจากผลลัพธ์ของการทดสอบท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจำนงสวรรค์จะน่าพอใจ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้ายังพุ่งขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์!’
‘แต่ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเช่นกัน จิตวิญญาณของข้าตกลงสู่ระดับเก้าล้านคน มันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่’
‘ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันให้ความช่วยเหลือข้าได้ไม่มากนักในอาณาจักรแห่งความฝันนี้’
จากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันในครั้งนี้ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดหนึ่ง
เขาอาจมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน แต่วิธีนี้ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
‘ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันถูกใช้งานเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอมตะของข้าจึงค่อนข้างน้อย แต่ข้าต้องใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ฟางหยวนก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวทันที
‘วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก!’ ดวงตาของถังฟางหมิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความอิจฉาและปรารถนา
เขาเคยสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มาหลายครั้งแล้ว เขาเข้าใจถึงประโยชน์ของวิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างดี แต่เขาแทบไม่สามารถซื้อหามันมาได้เพราะอุปทานในตลาดต่ำกว่าอุปสงค์มาก แต่ตอนนี้เขากำลังมองฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมากราวกับการกินขนม
‘เห้อ…หลังจากทั้งหมดเขาเป็นคนขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวแต่เพียงผู้เดียว’ ถังฟางหมิงลอบคร่ำครวญ
ในเวลาเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรแห่งความฝัน
อาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ใหญ่โตราวกับภูเขา แต่ตอนนี้บางส่วนของมันได้หายไปแล้ว
นี่เป็นผลมาจากความสำเร็จของฟางหยวน
ถังฟางหมิงถอนหายใจ
เขาสำรวจและค้นคว้าอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์มานับพันครั้ง แต่ความสำเร็จทั้งหมดของเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเศษเสี้ยวของการสำรวจเพียงครั้งเดียวของฟางหยวน
ถังฟางหมิงเป็นผู้บุกเบิกการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของตระกูลถัง เขาสามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและมีความสำเร็จมากมาย แต่เขากลับไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวนได้แม้แต่น้อย
ถังฟางหมิงรู้สึกละอายใจ แต่นอกเหนือจากนั้นเขารู้สึกชื่นชมฟางหยวนเป็นอย่างมาก
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ฟางหยวนก็เปิดเปลือกตาขึ้น
ดวงตาของเขาส่องประกายแหลมคม
ด้วยการใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวโดยไม่สนใจค่าใช้จ่าย รากฐานจิตวิญญาณของฟางหยวนก็เพิ่มขึ้นถึงระดับสิบล้านอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเขากลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาบริสุทธิ์มากกว่าก่อนหน้า
‘ดูเหมือนการกัดกร่อนของอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะช่วยขัดเกลาจิตวิญญาณของข้า แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียด ประสิทธิภาพของมันยังด้อยกว่าหุบเขาเหล่าโปอยู่มาก’
ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการบ่มเพาะจิตวิญญาณที่ถูกประกาศโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกมันไม่ใช่ทรัพยากรที่สิ่งใดจะสามารถทดแทน
สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางหยวนนำหุบเขาเหล่าโปมาด้วย!
ก่อนออกเดินทาง เขาได้พิจารณาทุกแง่มุมอย่างรอบคอบแล้ว ด้วยธรรมชาติที่ระวังตัวของเขา เขาจะไม่เตรียมตัวมาอย่างเพียงพอได้อย่างไร?
‘สำหรับภูเขาตงฮัน มีสวรรค์สีเหลืองที่สามารถส่งผ่านวิญญาณความเด็ดเดี่ยวมาให้ข้า จะนำมันมาด้วยหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน’
ในความเป็นจริงไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการนำภูเขาตงฮันมาด้วย
แต่มันมีความต้องการปราณสวรรค์พิภพสูงมาก
ในปัจจุบันมิติช่องว่างของเขามีแม่น้ำหวนคืน หุบเขาเหล่าโป และเมืองจิ๋วอยู่แล้ว ด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพทุกสามวัน
หากไม่เติมปราณสวรรค์พิภพตามกำหนดเวลา มิติช่องว่างของเขาจะสูญเสียรากฐาน ในกรณีเลวร้ายที่สุดมันอาจพังทลายลง
‘ความยากลำบากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์สูงเกินไป ฉากแรกก็น่าหนักใจมากแล้ว ฉากที่สองย่อมยากลำบากมากขึ้น’ ด้วยความเข้าใจนี้ฟางหยวนจึงตัดสินใจเพิ่มรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาขึ้นอีกระดับหนึ่งก่อนจะสำรวจต่อไป
ดังนั้นในช่วงเวลาต่อมาเขาจึงจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ
ด้วยการใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง รากฐานบนเส้นทางจิตวิญญาณของเขาจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ฟางหยวนกำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันฉากที่สอง ในทะเลตะวันออก ฉิงเย่จื่อเฉิงได้เข้าพบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่เพื่อขอความช่วยเหลือ
“จื่อเฉิง ดูเหมือนเจ้าจะมีความตั้งใจอันแน่วแน่ต่อฉินไป่อี้” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งมองทายาทผู้นี้และถอนหายใจ
“ถูกต้อง ข้าตัดสินใจแล้ว หวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะช่วยข้า!” ฉิงเย่จื่อเฉิงกล่าวอย่างหนักแน่น
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับส่ายศีรษะเบาๆ “มันยังไม่ถึงเวลาที่ข้าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นความจริงยังไม่ปรากฏ แม้ข้าจะเคลื่อนไหว ข้าก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้มากนัก”
ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกประหลาดใจ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่ผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับแปดแต่เขากลับบอกว่าไม่สามารถช่วยได้มากนัก นี่หมายความว่าอย่างไร?
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับกล่าวบางสิ่งที่ทำให้เขาเข้าใจทันที
“ผู้เยาว์ขอบคุณผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งสำหรับคำแนะนำ ตอนนี้ข้าจะไปขอความช่วยเหลือ” ฉิงเย่จื่อเฉิงกล่าวอย่างมีความสุข
“ไปเถอะ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งหัวเราะเบาๆและโบกมือ
ฉิงเย่จื่อเฉิงบินออกจากฐานทัพใหญ่ของตระกูลฉิงเย่และเดินทางไปยังอาณาเขตของตระกูลหนานกง
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฉิงเย่บอกเขาว่าฉิงไป่อี้และโหยว่ชานยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ยังไม่ชัดเจน สถานการณ์ที่พวกนางเผชิญยังไม่แน่ชัด ดังนั้นสิ่งที่เขาควรทำคือไปขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อค้นหาความจริง เมื่อรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหญิงทั้งสอง พวกเขาจึงจะสามารถตามหาผู้กระทำผิดและแก้แค้น
ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรื่องนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของทะเลตะวันออก ผู้อมตะฮัวอัน ที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหนานกง คนผู้นี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโหยว่ชาน หากโหยว่ชานมีปัญหา เขาต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน
ฉิงเย่จื่อเฉิงรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงเร่งไปขอความช่วยเหลือจากฮัวอันทันที
แต่ระหว่างทางเขาพบกับผู้อมตะระดับหกของตระกูลหนานกง
ผู้อมตะผู้นี้นำข้อความมาจากฮัวอัน “นายน้อยจื่อเฉิง นายท่านฮัวอันอนุมานแล้วว่าท่านต้องการพบนายท่านของข้า ดังนั้นนายท่านของข้าจึงส่งข้าออกมาต้อนรับท่าน ตอนนี้นายท่านกำลังรออยู่ข้างหน้า”
ฉิงเย่จื่อเฉิงดีใจมาก เขาต้องถอนหายใจด้วยความชื่นชมในความสามารถของฮัวอัน
ไม่นานทั้งสองก็ได้พบกัน
ฮัวอันกล่าว “ข้าจะกล่าวตามตรงกับท่าน ไม่นานมานี้เทพธิดาโหยว่ชานมาขอความช่วยเหลือจากข้า แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถช่วยนางได้”
ฮัวอันและฉิงเย่จื่อเฉิงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและผู้ต้องสงสัยคนแรกขที่พวกเขานึกถึงก็คือฟางหยวน
เพราะการตายของโหยว่ชานจะทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์ในธุรกิจปลามังกร
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้รับคำแนะนำจากวังสวรรค์และรู้เพียงว่าผู้อมตะลึกลับที่ขายปลามังกรอยู่ในสวรรค์สีเหลืองน่าสงสัยและมีแรงจูงใจมากที่สุด แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือฟางหยวน
“ข้าอนุมานอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข้าเกรงว่าสถานการณ์ของโหยว่ชานและฉินไป่อี้จะไม่สามารถมองในแง่ดี” ฮัวอันกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ “คราวนี้ข้าจะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาอีกสองคน เราจะรวมมือกันอนุมานตัวผู้ร้าย”
ฉิงเย่จื่อเฉิงส่ายศีรษะ
“ไม่ ข้าเชื่อว่าเทพธิดาทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ พวกนางยังไม่ตาย! ท่านฮัวอัน โปรดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เทพธิดาทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วผู้ใดจะสังหารพวกนางได้อย่างง่ายดาย?”
ฮัวอันเข้าใจความรู้สึกของฉิงเย่จื่อเฉิงและพยักหน้าปลอบใจ “คำกล่าวของท่านก็มีเหตุผล”
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ข้ามีแผน เราอาจกระจายข่าวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเทพธิดาทั้งสองออกไป หากพวกนางยังมีชีวิตอยู่ พวกนางจะรู้ว่าพวกเรากำลังตามหาพวกนางและต้องการช่วยเหลือ หากพวกนางกำลังถูกไล่ล่า เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ผู้ร้ายจะสับสนและจะหันความสนใจมาที่พวกเรา”
“แผนเยี่ยม!” ฉิงเย่จื่อเฉิงปรบมือชื่นชม
ครึ่งเดือนผ่านไป
จิตวิญญาณของฟางหยวนพุ่งขึ้นถึงระดับเก้าสิบล้านคน มันห่างจากระดับหนึ่งร้อยล้านคนเพียงเล็กน้อย
ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้ฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะใดๆแต่ใช้เวลาทั้งหมดกับการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
แม้เขาจะใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ทางการเงินของเขากลับดีขึ้นเรื่อยๆ
เหตุผลเป็นเพราะธุรกิจปลามังกร
ฟางหยวนฆ่าโหยว่ชานและฉินไป่อี้ กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของเขา
ในสวรรค์สีเหลือง ฟางหยวนกลายเป็นผู้ขายอันดับหนึ่งในธุรกิจปลามังกรและไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขัน
ดังนั้นธุรกิจปลามังกรของเขาจึงคึกคักมากโดยเฉพาะปลามังกรเงินที่กระตุ้นยอดขายได้อย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ราคาของมันเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าตกใจ
‘สิ่งที่น่าสังเกตคือข่าวการเสียชีวิตของโหยว่ชานและฉินไป่อี้ได้แพร่กระจายออกไปในทะเลตะวันออก ดูเหมือนบางคนกำลังวางแผนจากเงามืด’
‘ลืมมันไปซะ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คืออาณาจักรแห่งความฝันของเทพปีศาจปล้นสวรรค์’
ด้วยจิตวิญญาณของมนุษย์เก้าสิบล้านคน ฟางหยวนมั่นใจมาก หลังจากพักผ่อนอีกหนึ่งวัน เขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งเพื่อสำรวจฉากต่อไปของมัน