เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1508 วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

บทที่ 1508 วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1508 วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

แปลโดย iPAT

ทะเลทรายผีเขียว

ร่างที่ถูกทารุณกรรมบินผ่านพื้นทราย

“ซวนปู้จิน! เจ้าไม่ได้ไล่ล่าข้า ช่างเย่อหยิ่งนัก! ฮืม! ข้าจะแก้แค้นในไม่ช้า!” การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

แขนขาที่ถูกทำลายของเขาฟื้นคืนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขามีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ

แต่ในจังหวะนี้เขากลับกระอักเลือดออกมา

เขากัดฟันกล่าวด้วยความเกลียดชัง “อสูรวิญญาณของข้าไม่ง่ายที่จะรวบรวม แต่ตอนนี้พวกมันถูกฆ่าหมดแล้ว บัดซบ! นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ สิ่งสำคัญก็คือเวลาล่วงเลยไปแล้ว หากนายท่านตำหนิ ข้าจะทำอย่างไร?”

เมื่อนึกถึงนายท่านผู้นี้ ร่างของผีเฒ่าไป่จุนก็สั่นสะท้านขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ความกลัวและความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในใจของเขา

“ครั้งนี้ข้าทำพลาด ข้าจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ไม่ ข้าไม่สามารถแจ้งให้นายท่านทราบ ข้าควรปกปิดเรื่องนี้และรายงานหลังจากที่ข้ารวบรวมอสูรวิญญาณได้อีกครั้ง”

“เห้อ…แม้มันจะล่าช้า แต่ตราบเท่าที่ข้ากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณ อสูรวิญญาณตนใดจะสามารถหลบหนีจากข้า?”

ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ ร่างของหญิงผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าผีเฒ่าไป่จุน

“เป็นเจ้า สนมอินทรีย์! เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?” ผีเฒ่าไป่จุนตื่นตระหนกเมื่อเห็นหญิงผู้นี้

สนมอินทรีย์แต่งกายด้วยชุดรัดรูปสีดำและเผยให้เห็นเรือนร่างที่เย้ายวนใจ

นางเย้ยหยัน “ตาแก่ เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นหรือว่าเหตุใดข้าถึงมาที่นี่?”

ผีเฒ่าไป่จุนหวาดกลัวมาก

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขา “นายท่านรู้ได้อย่างไร?”

สนมอินทรีย์เย้ยหยัน “เจ้าคิดว่านายท่านมอบวิญญาณอมตะระดับแปดให้เจ้าโดยไม่ใช้วิธีตรวจสอบใดๆเลยงั้นหรือ? เจ้าประเมินนายท่านต่ำเกินไปจริงๆ”

“ข้าจะกล้าประเมินนายท่านต่ำได้อย่างไร! ฮืม สนมอินทรีย์อย่าพยายามสร้างความขัดแย้ง!” ผีเฒ่าไป่จุนตะโกนด้วยความโกรธ “ถูกต้อง ข้ายอมรับว่าครั้งนี้ข้าทำพลาดและทำให้แผนการของนายท่านล้มเหลว แต่ข้าจะแก้ไข ยังมีเวลา ข้าจะมอบคำตอบที่น่าพอใจแก่นายท่านอย่างแน่นอน!”

สนมอินทรีย์ส่ายศีรษะ “เจ้ายังต้องการแก้ไขความผิดพลาดอีกงั้นหรือ? ฮืม เจ้าไม่มีโอกาาสแล้ว เจ้าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นงั้นหรือ? มันเป็นนายท่านที่สั่งให้ข้านำตัวเจ้ากลับไป!”

“นายท่านเป็นผู้ออกคำสั่งงั้นหรือ?” ใบหน้าของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นซีดเผือด

สนมอินทรีย์พยักหน้า “เรื่องเช่นนี้ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไร? ไปกันเถอะ อย่าให้ข้าต้องลงมือ ตามข้าไปอย่างเชื่อฟัง”

“ตกลง ข้าจะกลับพร้อมเจ้า” ผีเฒ่าไป่จุนเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาไม่มีความคิดที่จะกบฎแม้แต่น้อย

ผู้อมตะทั้งสองเดินทางไกลและไปถึงบ่อทรายดูดแห่งหนึ่ง

หลังจากเข้าไปในบ่อทราย พวกเขายังเดินทางต่อไปอีกเกือบพันลี้ก่อนจะบรรลุถึงสถานที่ลึกลับที่เต็มไปด้วยแสงสีเขียว

ด้วยการใช้วิธีการบางอย่าง บันไดสีทองปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

ทั้งสองเดินขึ้นบันไดทีละขั้น

หลังจากเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ทั้งสองก็พบกับประตูขนาดใหญ่

มันเป็นวังที่สูงตระหง่านที่สร้างจากอิฐสีเขียวและกระเบื้องสีทองแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายของธรรมชาติออกมา

ที่ประตูวังสลักไว้ด้วยคำว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!

มันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเทพอมตะบัวสวรรค์ที่ตระกูลฟางค้นหามานานหลายชั่วอายุคน

ผู้อมตะทั้งสองไม่กล้าเปิดประตูแต่คุกเข่าลงบนพื้นและทำความเคารพขั้นสูงสุด

ประตูวังเปิดออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่

มีเสาไม้สีทองขนาดใหญ่หลายสิบต้นตั้งตระหง่านอยู่ในห้องโถง

อสูรวิญญาณที่มีร่างกายขนาดมหึมานอนอยู่ภายใน มันมีกระดองเต่า อุ้งเท้าพยัคฆ์ หางมังกร คออสรพิษ และศีรษะมนุษย์

เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ ผู้อมตะทั้งสองเร่งโค่งคำนับ “คารวะนายท่าน”

ร่างกายของผีเฒ่าไป่จุนสั่นเทาขณะที่เหงื่ออันเย็นเยียบไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

อสูรวิญญาณคำรามด้วยความโกรธขณะมองไปที่ผีเฒ่าไป่จุน

ผีเฒ่าไป่จุนไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาโกรธถึงระดับนี้มาก่อน เขาทรุดตัวลงกับพื้นและตะโกน “นายท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย โปรดอภัยให้ข้าด้วย!”

แต่อสูรวิญญาณไม่สนใจคำวิงวอนของเขา มันยกอุ้งเท้าขวาขึ้นและคว้าร่างของผีเฒ่าไป่จุนเอาไว้

การแสดงออกของผีเฒ่าไป่จุนกลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ “นายท่าน นายท่านโปรดฟังข้าด้วย วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณยังอยู่กับข้า ความล้มเหลวครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของข้า แต่โปรดให้โอกาสผู้รับใช้ผู้นี้ได้ลบล้างความผิดของตนเองด้วย!”

“กลินนี้ มันคือเขา ถูกต้อง มันคือเขา!” อสูรวิญญาณตระหนักถึงบางสิ่งขณะที่ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ใบหน้าของสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดขาวเมื่อนางสัมผัสได้ถึงความโกรธและความเกลียดชังจากผู้เป็นนาย

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ศัตรูที่กำจัดตระกูลของข้า ในที่สุดข้าก็พบเจ้า แม้เจ้าจะตายไปแล้ว แต่กลิ่นนี้ไม่ผิดแน่ มันต้องเป็นทายาทหรือผู้สืบทอดของเจ้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” อสูรวิญญาณเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งสร้างคลื่นกระแทกกระจายออกไปรอบๆซ้ำแล้วซ้ำอีก

สนมอินทรีย์ต้องล่าถอยออกไป

ผีเฒ่าไป่จุนตระหนักได้ว่าเจ้านายของเขาไม่ได้สั่งให้เขากลับมาเพื่อรับโทษแต่ดูเหมือนซวนปู้จินจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ทันใดนั้นวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมา

ลำแสงสีเขียวพุ่งเข้าโจมตีอสูรวิญญาณจากทุกทิศทาง

เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของอสูรวิญญาณหยุดลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงคร่ำครวญ “บัดซบ! วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สารเลว!”

มันคำรามด้วยความตื่นตระหนกและบ้าระห่ำ

ผีเฒ่าไป่จุนเกรงว่าตนเองจะถูกบดขยี้จนตาย ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกน “นายท่าน โปรดระงับความโกรธด้วย โปรดดูแลตนเองด้วย การดูแลร่างกายของท่านเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”

อสูรวิญญาณค่อยๆสงบลงและพึมพำ “คำกล่าวของเจ้าถูกต้อง ข้าต้องดูแลร่างกายของตนเอง ข้าจะฆ่าผู้สืบทอดหรือทายาทของเทพปีศาจจิตวิญญาณทั้งหมดเพื่อชำระความแค้นในอดีต!”

ในเวลาเดียวกัน วังสวรรค์

แสงสีขาวส่องประกายขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ดูเหมือนมันจะเกี่ยวข้องกับเทพอมตะบัวสวรรค์” เทพธิดาจื่อเว่ยเห็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกตินี้

นางอนุมานก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างมีความสุข “มันคือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้ในทะเลทรายตะวันตกโดยเทพอมตะบัวสวรรค์ วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ทรงพลัง มันกำลังจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เราไม่สามารถปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของผู้อมตะของทะเลทรายตะวันตก”

เทพธิดาจื่อเว่ยปิดเปลือกตาลงและอนุมานต่อไป

หลังจากได้รับคำตอบ นางก็เรียกผู้อมตะของภาคกลางเข้าพบ

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มชุดคลุมสีเขียวที่ดูเหมือนบัณฑิตแต่ในความเป็นจริงเขาอายุหลายพันปีแล้ว

“เฉินอี้ เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ ตอนนี้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปรากฏขึ้นที่ทะเลทรายตะวันตก ทำตามแผนการของข้าและไปนำมันกลับมา” เทพธิดาจื่อเว่ยออกคำสั่ง

“รับทราบ” เฉินอี้โค้งคำนับเล็กน้อยด้วยการแสดงออกที่ไม่เปลี่ยนแปลง

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “หลังจากภารกิจครั้งนี้ เจ้าจะเข้าสู่วังสวรรค์”

เฉินอี้เผยให้เห็นถึงร่องรอยของความสุขเล็กน้อย เขาโค้งคำนับอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณท่านหญิงจื่อเว่ย”

หลายวันต่อมา ทะเลทรายตะวันตก

ดวงวิญญาณของฟางหยวนออกจากร่างของเขา

เขาบังคับดวงวิญญาณและคว้าทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือ

“จากร่างที่โปร่งแสง ตอนนี้มันกลายเป็นร่างกายภาพที่แท้จริง ฮ่าฮ่า ในที่สุดรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าก็บรรลุถึงระดับหนึ่งร้อยล้านแล้ว!” ฟางหยวนมีความสุขมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท