เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1500

ตอนที่ 1500

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1500 วิญญาณลอบโจมตี

แปลโดย iPAT

“ไม่ ท่านปู่เข้าใจข้าผิด! ข้าไม่สามารถควบคุมความรุนแรงของเปลวไฟนี้ได้จริงๆ” เทพปีศาจปล้นสวรรค์วัยเยาว์ตะโกน

“ฮ่าฮ่า เจ้ากล้าหลอกลวงข้า เจ้ากำลังดูถูกข้า เอาล่ะ ข้าจะไม่ปลิดชีพเจ้าและปล่อยให้ไฟเผาผลาญเจ้า เจ้าคิดว่าการหลอมรวมวิญญาณเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยงั้นหรือ? เจ้ากำลังหาเรื่องให้กับตนเอง ผลลัพธ์ของความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณคือความตาย นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกด้วยตนเอง” ชาเซี่ยวหัวเราะ

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค ไฟก็โหมกระหน่ำขึ้นและกลืนกินเด็กหนุ่มเข้าไป

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” เด็กหนุ่มตกตะลึง

ขณะที่เขากำลังจะถูกเปลวเพลิงกลืนกินเข้าไปทั้งหมด ฟางหยวนก็พบว่าเขาสามารถควบคุมร่างเด็กหนุ่มได้อีกครั้ง

‘เหตุใดข้าถึงรู้สึกราวกับเป็นผู้เก็บกวาดสิ่งสกปรกของเขา?’ ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

แต่เขาไม่ตื่นตระหนก

ฟางหยวนเห็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ชาเซี่ยวมอบให้เด็กหนุ่มมาแล้ว

มันเป็นเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งขณะที่ฟางหยวนเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ดังนั้นเขาจึงเข้าใจหลักการของมันอย่างชัดเจน

แม้เด็กหนุ่มจะทำพลาดไปแล้ว แต่ในมุมมองของฟางหยวน มันไม่ใช่ว่าไม่สามารถกู้คืน

วิญญาณหลุมทราย!

ฟางหยวนโยนวิญญาณหลุมทรายเข้าไปในกองไฟ

เขาไม่ได้กระตุ้นใช้งานมันและโยนมันเข้าไปเหมือนวัสดุในการหลอมรวม

วิญญาณดวงนี้ดึงดูดเปลวไฟเข้าไปก่อนจะถูกเผาทำลายกลายเป็นฝุ่นผง

ความรุนแรงของเปลวไฟลดลงอย่างรวดเร็ว ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้กระโดดออกมา

เขากลิ้งไปบนพื้นเพื่อดับไฟที่เหลืออยู่บนร่างกายของตน

อาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นใบหู ลำคอ แขน และร่างกายส่วนอื่นๆ พวกมันถูกเผาไหม้ในระดับที่น่าสังเวช

แต่ฟางหยวนเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บเหล่านี้และให้ความสนใจกับกองไฟ

เด็กหนุ่มยังไม่พ้นขีดอันตรายเพราะกระบวนการหลอมรวมวิญญาณยังไม่เสร็จสิ้น

ฟางหยวนนำวิญญาณควันไฟออกมาและปลดปล่อยกลุ่มควันออกไปปกคลุมกองไฟเอาไว้ นั่นทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น

‘ควันไฟจะทำให้ไฟดับมอด การหลอมรวมวิญญาณจะหยุดลง แม้จะได้รับผลกระทบย้อนกลับอยู่บ้าง แต่ข้ายังสามารถรักษาชีวิตของร่างนี้’

ฟางหยวนทำทุกอย่างที่สามารถทำได้

ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็ประมาทเกินไป เขาพยายามทำให้การหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้ล้มเหลวโดยเจตนา

การหลอมรวมวิญญาณครั้งนี้ทำให้พลังการต่อสู้ของเด็กหนุ่มลดลงเพราะตอนนี้เขาสูญเสียวิญญาณหลุมทรายไปแล้ว อย่างไรก็ตามเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นโดยไม่คาดคิด ควันไฟถูกดูดเข้าไปกองไฟ

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ กระทั่งฟางหยวนยังคาดไม่ถึง

แต่ไม่นานฟางหยวนก็เห็นดวงวิญญาณของเด็กทารกอยู่ในกองไฟ เขาตระหนักว่า ‘ปัญหาอยู่ที่ทารก มันค่อนข้างแปลก’

ศพทารกถูกใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ

ฟางหยวนเฝ้าสังเกตจากด้านข้างและไม่สามารถตรวจสอบศพของทารกอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่าง

ความผิดปกตินี้เกินกว่าความคาดหมายของฟางหยวน

ไฟโหมกระน่ำขึ้นอีกครั้ง ผีเด็กทารกกระโดดไปมาอยู่ในกองไฟก่อนจะกระโจนเข้ามาหาฟางหยวน

‘บัดซบ! อันตราย!’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ หากเด็กหนุ่มตาย การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของเขาจะล้มเหลว

แต่ฟางหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจทันที

‘เข้าใจแล้ว!’

เขาโยนวิญญาณควันไฟออกไป

ผีเด็กส่งเสียงพึมพำและพุ่งเข้าไปหาวิญญาณควันไฟก่อนจะเริ่มกัดกินมัน

ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ล่าถอยออกมาสองสามก้าว

แต่ในไม่ช้าผีเด็กที่กินวิญญาณควันไฟเรียบร้อยแล้วก็พุ่งเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนหัวเราะ “มีวิญญาณน้ำใสอยู่ที่นี่”

เขาโยนวิญญาณน้ำใสออกไป ผีเด็กกลืนกินมันอย่างรวดเร็ว

เป็นเพียงเวลานี้ที่กองไฟสีแดงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและพุ่งเข้าหมุนวนรอบๆผีเด็ก

ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้า

‘หลุมทรายกลายเป็นผง หลอมรวมร่างกาย ควันไฟปกคลุมและหยุดยั้งเปลวไฟ น้ำใสกวาดล้างโลก เลือดผนึกหยินหยาง วิเศษมาก!’

ฟางหยวนกัดลิ้นและพ่นเลือดออกไป

“กี๊!” ผีเด็กกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงก่อนจะกระโจมเข้าหาฟางหยวน

ฟางหยวนไม่หลบและปล่อยให้มันพุ่งเข้ามา

ผีเด็กร่างสีฟ้าพุ่งเข้าสู่ทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่มและกลายเป็นวิญญาณระดับสอง!

“มันคือสิ่งใด?” เด็กหนุ่มกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งด้วยความงุนงง

‘อันใด!?’ ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออก ทันทีที่เด็กหนุ่มปลอดภัย เขาก็ถูกโยนออกมาด้านข้างและกลายเป็นผู้สังเกตการณ์อีกครั้ง

“เจ้าหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้โดยบังเอิญจริงๆ!” ชาเซี่ยวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ ไม่ถูกต้อง” ไม่นานชาเซี่ยวก็ตระหนักถึงบางสิ่ง “เจ้าหนู ดูเหมือนอีกบุคลิกหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าจะเข้าควบคุมร่างกายของเจ้าในสถานการณ์คับขัน จากนั้นเจ้าก็ตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดด้วยสัญชาตญาณ มันเหมือนในการแข่งขัน”

“เจ้าเป็นเด็กไร้เดียงสาและดื้อรั้น เจ้าทั้งโง่เขลาและไร้ประโยชน์ แต่ธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้าฉลาดแกมโกงและเด็ดเดี่ยว นั่นเป็นพรสวรรค์ที่เจ้าไม่สามารถเข้าถึง! ข้าค่อนข้างชื่นชมธรรมชาตินี้ของเจ้า น่าประทับใจมาก!”

ชาเซี่ยวหัวเราะ

“ข้าหลอมรวม…วิญญาณชนิดใหม่งั้นหรือ?” เด็กหนุ่มยังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์

“ถูกต้อง ลองดูวิญญาณของเจ้า มันเป็นวิญญาณระดับสอง มันเป็นวิญญาณชนิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน”

วิญญาณที่ไม่รู้จักเป็นสิ่งอันตราย

วิญญาณกาลเวลาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

เด็กหนุ่มพึ่งเริ่มบ่มเพาะ เขาไม่มีความรู้ ด้านชาเซี่ยว เขาเข้าใจเรื่องนี้ แต่เขาไม่สนใจความปลอดภัยของเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มกระตุ้นใช้งานวิญญาณดวงนี้อย่างโง่เขลา

ทันทีที่วิญญาณถูกกระตุ้นใช้งาน มันก็กลายเป็นภูตเด็กร่างสีฟ้า มันส่งเสียงกรีดร้องที่น่าขนลุกก่อนจะกระโจนออกมาจากทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม

ภูตเด็กพุ่งเข้าไปในเก้าอี้หินที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะออกมาและกลับเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่ม

เก้าอี้หินดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหาย

แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปและสัมผัสมัน

“ครืน”

เก้าอี้หินกลับพังทลายลงและกลายเป็นเศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เด็กหนุ่มตกตะลึงและก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ

“มหัศจรรย์!” ชาเซี่ยวยกย่อง “วิญญาณดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณระดับสองแต่มันทรงพลังมาก ดูเหมือนมันจะมีความสามารถในการทะลวงผ่านการป้องกัน นั่นทำให้เก้าอี้หินถูกทำลายจากภายใน”

ชาเซี่ยวเป็นคนฉลาดและมองเห็นรายละเอียดมากมาย

เด็กหนุ่มยังสับสนอยู่บ้าง

ชาเซี่ยวมองเข้าไปในทะเลวิญญาณของเด็กหนุ่มและชื่นชมอีกครั้ง “ยอดเยี่ยม! มันใช้พลังวิญญาณของเจ้าเพียงสิบส่วน มันเป็นวิญญาณระดับสองที่ทรงพลังแต่มันกลับต้องการพลังวิญญาณระดับหนึ่งเพียงสิบส่วนเท่านั้น!”

“แต่ข้ามีพรสวรรค์นภาที่สี่ พลังวิญญาณของข้ามีประมาณยี่สิบส่วน ข้าสามารถใช้วิญญาณดวงนี้ได้เพียงสองครั้ง” เด็กหนุ่มกังวล

“เจ้าไม่เข้าใจ ด้วยวิญญาณดวงนี้ อันดับหนึ่งของการแข่งขันจะเป็นของเจ้า ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากวิญญาณดวงนี้” ชาเซี่ยวเย้ยหยัน

“ข้าจะได้อันดับหนึ่งงั้นหรือ?” ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้น

“เมื่อวิญญาณดวงนี้ถูกระตุ้นใช้งาน มันจะกลายเป็นภูตผี เจ้าเห็นความเร็วของมันหรือไม่ มันเร็วมากจริงๆ กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสามก็ยากที่จะหลบการโจมตีของมัน สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและสอง ตราบเท่าที่เจ้าอยู่ใกล้พวกเขาในระยะหนึ่ง พวกเขาจะถูกโจมตีและไม่มีเวลาหลบเลี่ยง”

ชาเซี่ยวยังวิเคราะห์ต่อไป “อืม…เมื่อพิจารณาจากพลังและผลกระทบ เราอาจเรียกมันว่าวิญญาณลอบโจมตี!”

วิญญาณดวงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเด็กหนุ่มแต่ชาเซี่ยวกลับถือสิทธิตั้งชื่อวิญญาณดวงนี้

“วิญญาณลอบโจมตี…” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วและต้องการคัดค้าน

“ถูกต้อง เรียกมันว่าวิญญาณลอบโจมตี ชื่อนี้เหมาะสมกับความสามารถของมัน ข้าช่างตั้งชื่อได้ยอดเยี่ยมนัก ฮ่าฮ่าฮ่า” ชาเซี่ยวกล่าวอย่างเอาแต่ใจขณะที่เด็กหนุ่มทำได้เพียงกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท