เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1518 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (2)

บทที่ 1518 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (2)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1518 การปะทะระหว่างคฤหาสน์วิญญาณ (2)

แปลโดย iPAT

หอดอกไม้ร่วงโรยด้อยกว่าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้กำแพงทิศตะวันตกของหอดอกไม้ร่วงโรยจึงเกิดรูช่องโหว่ขนาดใหญ่

ชิงโจวบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เข้าโจมตีด้วยความโกรธอีกครั้ง

ในเวลาเดียวกันแมงมุมเหินก็พยายามเจาะทะลวงเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยและทำให้ผู้อมตะตระกูลฟางตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ในยามคับขันฟางอันเล่ยกรีดร้องและกระตุ้นใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของนางออกมา

ท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า!

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหลังหดเล็กลงกระทั่งมีขนาดเท่ากับของเล่นเด็กไปในพริบตา

มันตกลงบนพื้นทรายและสร้างหลุมขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันดอกกล้วยไม้ก็เติบโตขึ้นบนพื้นผิวของหอดอกไม้ร่วงโรยและส่งกลิ่นหอมกระจายออกไป

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์รวมถึงสนมอินทรีย์และอสูรวิญญาณอสรพิษมีปีกรู้สึกราวกับหอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ไกลมาก แม้พวกเขาจะเห็นหอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขากลับไม่สามารถลดระยะห่างลงได้

ราวกับห้วงมิติถูกขยายออกไป

ฟางอันเล่ยปิดเปลือกตาลงด้วยใบหน้าซีดขาว เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของนางอย่างต่อเนื่องขณะที่นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอย่างไม่หยุดยั้ง

“ยอดเยี่ยม เช่นนั้นข้าจะออกไปจัดการแมงมุมเหิน” ฟางหยวนยกย่องและบินออกไปด้านนอก

ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า ฟางหยวนจะปลอดภัยชั่วคราว

คฤหาสน์วิญญาณอมตะแตกต่างจากค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ฟางหยวนไม่สามารถใช้วิธีการของเขา เขาเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น

‘ให้ข้าดูว่าวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดจะแข็งแกร่งกว่าท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยของข้าหรือไม่?’

ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย!

นี่เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสที่พิเศษมาก มันสามารถสะกดข่มทาสสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่าด้วยกองทัพสัตว์อสูรที่มีระดับต่ำกว่า

แต่แมงมุมเหินตัวนี้อยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการทดสอบพลังอำนาจของทั้งสองวิธี

เมื่อเขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ ร่างกายของแมงมุนเหินเริ่มสั่น ความเร็วในการเจาะทะลวงคฤหาสน์วิญญาณอมตะของมันลดลงอย่างมาก

“น่าประทับใจ!” ฟางหยุนมีความสุข

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของฟางเล้งพุ่งสูงขึ้น

ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยอย่างสุดกำลัง

แมงมุมเหินต่อสู้อย่างหนักและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ขณะที่ฟางหยวนกับผีเฒ่าไป่จุนกำลังต่อสู้กัน

ท่าไม้ตายทาสแปดสิบต่อร้อยเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด แต่พลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้ไม่ได้มาจากวิญญาณเพียงอย่างเดียวแต่มันยังขึ้นอยู่กับจำนวนของกองทัพอสูรวิญญาณ

มิติช่องว่างของฟางหยวนมีอสูรวิญญาณอยู่เป็นจำนวนมาก นั่นทำให้พลังอำนาจของท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยเพิ่มขึ้นและสามารถต่อสู้กับวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด

สถานการณ์ตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน

หอดอกไม้ร่วงโรยอยู่ในหลุมทราย บนท้องฟ้ามีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดอสรพิษมีปีก และสนมอินทรีย์ ห่างออกไปมีกองทัพอสูรวิญญาณ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว และผีเฒ่าไป่จุน

ภายในหอดอกไม้ร่วงโรย ฟางอันเล่ยขมวดคิ้วลึก ร่างของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

นางต่อต้านกลุ่มศัตรูที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดอย่างเต็มที่แล้ว แต่หอดอกไม้ร่วงโรยไม่สามารถต่อต้านศัตรูจำนวนมากเช่นนี้

‘การต่อสู้ครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความเฉลียวฉลาด

เขาไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด หากเขาทุ่มเทสุดตัว การต่อสู้จะแตกต่างออกไปจากนี้

อย่างไรก็ตามหากฟางหยวนประมาทและเปิดเผยเกราะหวนคืน ตัวตนของเขาจะถูกค้นพบและจะเป็นผลเสียต่อแผนการของเขา

‘ข้าต้องปิดบังตัวตนของข้าและแก้ไขวิกฤตนี้ แต่ข้าควรทำอย่างไร? หือ?’ ทันใดนั้นฟางหยวนกลับรู้สึกถึงบางสิ่ง

เขาเห็นแมงมุมเหินหยุดสั่น มันตกเป็นทาสของฟางหยวนขณะที่พลังอำนาจของวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดหายไปแล้ว

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนหันหน้ากลับไปและเห็นผีเฒ่าไป่จุนที่อยู่ในระยะไกลพ่นเลือดคำโตออกมา

เหตุผลก็คือผีเฒ่าไป่จุนถึงขีดจำกัดแล้ว แม้เขาจะต้องการดำเนินการต่อแต่เขาไม่มีพลังงานพอที่จะทำได้

การใช้การบ่มเพาะระดับเจ็ดเพื่อควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสี่ตัวด้วยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นภาระหนักเกินไป เขาสามารถอดทนมาได้จนถึงเวลานี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

ฟางหยวนหัวเราะ ตอนนี้เขาสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินได้อย่างสมบูรณ์

“ผู้อาวุโส ยอดเยี่ยมมาก!” ขวัญกำลังใจของฟางหยุนและฟางหเล้งพุ่งสูงขึ้น

ฟางหยวนสามารถจับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดแมงมุมเหินเป็นทาส สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาแต่พวกเขาไม่รู้สึกสงสัยใดๆ

ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ครอบครองกองทัพอสูรวิญญาณจำนวนมหาศาล มันสามารถทำความเข้าใจได้หากเขาจะสามารถสะกดข่มอสูรวิญญาณแรกกำเนิด

หลังจากได้รับแมงมุมเหิน ฟางหยวนก็สั่งให้มันโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์แต่ร่างเล็กๆของมันมีข้อได้เปรียบ ภายใต้การควบคุมของฟางหยวน มันมีประโยชน์มาก

อย่างไรก็ตามมันยังเป็นเรื่องยากสำหรับแมงมุมเหิน

ปรากฎว่าท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่าไม่ได้แยกแยะศัตรูหรือมิตร มันส่งผลกระทบต่ออสูรวิญญาณแรกกำเนิดของฟางหยวนเช่นกัน

‘ท่าไม้ตายนี้ไม่สามารถควบคุมได้อย่างอิสระงั้นหรือ? ฟางอันเล่ยอาจถึงขีดจำกัดของนางเช่นเดียวกับผีเฒ่าไป่จุน?’ ฟางหยวนรู้สึกกังวล

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขารู้สึกถึงบางสิ่ง เมื่อเขาหันหน้ากลับไป เขาก็พบกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสองหลังบินเข้ามา

สนมอินทรีย์กรีดร้องด้วยความตกใจ “นายท่าน เราต้องถอย!”

ในช่วงเวลาสำคัญกำลังเสริมของตระกูลฟางได้มาถึงในที่สุด

“ตาย ตาย ตาย!” ชิงโจวเต็มไปด้วยความโกรธและไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผล มันไม่สนใจสถานการณ์หรือคำพูดของสนมอินทรีย์ มันต้องการฆ่าฟางหยวนเท่านั้น

ใบหน้าของสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดเผือดเมื่อเจ้านายของนางปฏิเสธที่จะล่าถอย นางคิดว่านางต้องตายที่นี่ในวันนี้อย่างแน่นอน

เฉินอี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์นี้อย่างลับๆเริ่มกังวลเช่นกัน

‘โอ้ ไม่! กำลังเสริมของตระกูลฟางมาถึงแล้ว พวกมันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ดกรงสัตว์อสูรและอู่เรือพิพากษา หากคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองทำงานร่วมกับหอดอกไม้ร่วงโรย พวกมันจะสามารถสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเขาวงกตดอกไม้ หากข้าติดอยู่ภายใน ข้าจะไม่สามารถหลบหนี ขณะเดียวกันชิงโจวก็ไม่สามารถควบคุมพลังอำนาจทั้งหมดของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉินอี้ต้องถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ‘ผู้ใดจะคิดว่าภารกิจครั้งนี้ของข้าจะไม่ใช่การกำจัดชิงโจวแต่เป็นการช่วยมัน’

หลังจากนั้นควันสีเขียวก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะของเขาและควบรวมเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมอย่างรวดเร็ว

ผลไม้บนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมสั่นไหวขณะที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ปลดปล่อยแสงสีเขียวออกมาอย่างรุนแรง

ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แสงสีเขียวพุ่งเข้าโจมตีชิงโจวจากทุกทิศทาง

ชิงโจวคำรามด้วยความโกรธ เสียงที่แหบแห้งของมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความเกลียดชัง ความโกรธ และความขมขื่น

“ตาย ตาย ตาย!”

มันอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปะทุออกมาจากร่างของมันและสร้างเป็นท่าไม้ตายอมตะ

“บึม!”

พลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาและทำให้ประตูวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เปิดออก

ชิงโจวคำรามและสามารถมองเห็นโลกภายนอกผ่านช่องประตูดังกล่าว

มันรวบรวมกำลังและพยายามลุกขึ้น คออสรพิษของมันยืดออกขณะที่ลิ้นสีม่วงของมันพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

รอบๆหอดอกไม้ร่วงโรยได้รับการปกป้องโดยท่าไม้ตายอมตะกล้วยไม้แห่งหุบเขาที่ว่างเปล่า แต่ดาบลิ้นสีม่วงกลับไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ มันพุ่งตรงมาที่หน้าผากของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

‘ข้าต้องหลบ!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายชั่วร้ายขณะที่เขาหลบเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยผ่านรูช่วงโหว่

“ปัง!”

ดาบลิ้นสีม่วงพุ่งทะลวงเข้าไปในหอดอกไม้ร่วงโรยและแทงทะลุหน้าอกของฟางอันเล่ย

ฟางหยุนและฟางเล้งตกตะลึง

ดวงตาของฟางอันเล่ยเบิกกว้าง ร่างกายของนางแข็งทื่อ นางค่อยๆก้มหน้าลงมองหน้าอกของตนเองด้วยความมึนงง

“สหาย!” ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความตกใจ

—————–

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท