เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1525 สายฟ้าแห่งชีวิต

บทที่ 1525 สายฟ้าแห่งชีวิต

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1525 สายฟ้าแห่งชีวิต

แปลโดย iPAT

การเคลื่อนไหวของฟางหยวนทำให้อสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้ายที่ปกป้องวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกพรากไป

มิติช่องว่างจักรพรรดิสูญเสียอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวแต่ตอนนี้มันกลับได้รับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดอีกสองตัว หนึ่งคือกระทิงหางเสือดาวและอีกหนึ่งคือยักษ์ตาเดียว

‘ซวนปู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอย่างแท้จริง ตระกูลฟางของเราวางแผนมานานหลายชั่วอายุคน แต่ตอนนี้คนนอกผู้นี้กลับได้รับประโยชน์มหาศาลขณะที่เรายังไม่ได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ นอกจากวิญญาณอมตะระดับเจ็ด เขายังสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวและได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด!’

ผู้อมตะตระกูลฟางมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ผลประโยชน์ของฟางหยวนยิ่งใหญ่เกินไป กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามฟางฮั่วเฉิงยังรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะคนที่เหลือ

แต่นี่เป็นเรื่องปกติ

ตระกูลฟางพยายามอย่างเต็มที่แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้อมตะของตระกูลฟางจะรู้สึกอิจฉา

‘ซวนปู้จินมีความสามารถสูงมาก เขามีวิธีกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิด! ไม่แปลกใจเลยที่เขาสามารถอาศัยอยู่ในทะเลทรายผีเขียวและรวบรวมกองทัพอสูรวิญญาณ แต่…เหตุใดเขาถึงเลือกวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม เขามีมรดกที่เกี่ยวข้องกับมันงั้นหรือ?’

‘วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งในวิญญาณอมตะเสาหลักบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ บรรชนของตระกูลฟางได้รับมันมาโดยบังเอิญ ฮืม วิญญาณอมตะของตระกูลฟางจะได้รับโดยง่ายได้อย่างไร เราต้องใช้งานซวนปู้จินให้คุ้มค่า’

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองฟางตี้เฉิงคิด เขากำลังจะกล่าวบางสิ่ง แต่หลังจากกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัว ฟางหยวนกลับปิดเปลือกตานั่งลงและแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส

“สหายซวนปู้จิน!?” ฟางตี้เฉิงเรียก

ฟางหยวนเงียบ

“สหายซวนปู้จิน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายเย็นเยียบ

“ดูเหมือนเจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุใดไม่ให้ข้าช่วยรักษาเจ้า?” ฟางตี้เฉิงยังไม่ยอมแพ้

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและเหนื่อยหน่าย “อย่ากังวล ข้าสบายดี ข้าสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสองตัว สิ่งสำคัญในเวลานี้คือการเอาชนะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้มันหยุดนิ่งและเป็นโอกาสที่ดี หากเจ้าทิ้งโอกาสนี้ไปอาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นในภายหลัง”

“มันถูกขังอยู่ในเขาวงกตดอกท้อ จะเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้อมตะตระกูลฟางก่นเสียงเย็นด้วยความรังเกียจ

ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายเย็นชาขณะจ้องมองฟางหยวน

แต่ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงแล้ว

‘ซวนปู้จินผู้นี้ช่างไร้ยางอายนัก ข้าต้องการให้เขาโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เพื่อตรวจสอบอันตราย แต่เขากลับทำเช่นนี้ น่าเสียดายที่ข้อตกลงพันธมิตรไม่ให้สิทธิข้าออกคำสั่งเขา ตอนนี้ภาพรวมสำคัญกว่า วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นเป้าหมายของเรามานานหลายชั่วอายุคน เราไม่สามารถปล่อยมันไปได้’ กระทั่งปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาฟางตี้เฉิงก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดกับฟางหยวนในเวลานี้

เขาออกคำสั่งให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะโจมตีต่อไป กลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนโบนบินราวกับพายุ

ท่ามกลางพายุกลีบดอกไม้ นักรบบุปผาวายุจำนวนมากก่อตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

“ไปพิสูจน์ความจงรักภักดีของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เฉินอี้ออกคำสั่งสนมอินทรีย์และผีเฒ่าไป่จุนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา

ทั้งสองมองหน้ากับด้วยความกังวล

สนมอินทรีย์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ด้วยกำลังของเรา การออกไปต่อสู้ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย โปรดพิจารณาใหม่ด้วย นายท่านเฉินอี้!”

เฉินอี้หัวเราะเสียงเย็น “หากเจ้าขัดคำสั่งข้า เจ้าจะตายอย่างแน่นอน หากเจ้าออกไป ข้าจะสนับสนุนเจ้า ยังมีความหวังที่จะรอดชีวิต ตราบเท่าที่ข้ากำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนานตัวนี้ได้ทันเวลา ข้าจะให้รางวัลพวกเจ้า พวกเจ้ารู้ว่าข้าคือผู้ใด ข้าจะไม่โกหก จงตัดสินใจภายในเวลาสามลมหายใจ”

ทัศนคติของเฉินอี้แข็งกร้าวมาก ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น

“บึม บึม บึม…”

ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาฉลาดกว่าอสูรวิญญาณแรกกำเนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาต่างเป็นปีศาจอมตะที่เต็มไปด้วยประสบการณ์

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์เป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่พวกเขายังสามารถหยุดยั้งนักรบบุปผาวายุ

อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ก็ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

เฉินอี้ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เขาต้องกระตุ้นใช้พลังอำนาจของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกำหราบชิงโจว นอกจากนั้นเขายังต้องสังเกตการต่อสู้ เขาลอบยกย่องอยู่ภายใน ‘ท่าไม้ตายนี้น่าทึ่งมาก มันสามารถปลดปล่อยท่าไม้ตายหลายท่าออกมา สิ่งนี้ทำให้มันมีความยึดหยุ่นเหมือนค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ นี่ไม่ง่ายเลย!’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็ใช้พลังอำนาจของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยการยิงลำแสงไปที่ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์

ทั้งสองตกใจมากแต่พวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ

ตระกูลฟางโจมตีต่อเนื่องโดยไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่ระหว่างการต่อสู้ พวกเขากลับตระหนักถึงบางสิ่ง

เมื่อใดก็ตามที่ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ได้รับบาดเจ็บ แสงลึกลับจะส่องประกายขึ้นมาจากร่างกายของพวกเขาและทำให้ความเสียหายของพวกเขาหายไป

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ มันอนุญาตให้ทุกการโจมตีที่พวกเจ้าได้รับย้ายมาที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์” เสียงของเฉินอี้ดังขึ้นในใจของคนทั้งสอง

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์รู้สึกมีความสุขและประหลาดใจ

พวกเขามีความสุขที่ตนเองยังมีคุณค่าสำหรับเฉินอี้ ตอนนี้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ต่อไป

พวกเขาประหลาดใจที่เฉินอี้สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะของมันไปถึงสองท่าแล้วในระยะเวลาสั้นๆตั้งแต่เขามาถึง ดูเหมือนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จะตกอยู่ในมือของเขาแล้ว

“หือ?” ฟางตี้เฉิงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ในไม่ช้า

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง เมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บของพวกเขาจะหายไปทันที

‘นี่คือสิ่งใด? ไม่เพียงการโจมตีทางกายภาพแต่วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและห้วงมิติก็ไร้ประโยชน์’

ฟางตี้เฉิงรู้สึกหนักใจ เขาออกคำสั่งผู้อมตะตระกูลฟาง “ใช้ท่าไม้ตายรักษาพวกเขา”

ผู้อมตะตระกูลฟางตกตะลึง พวกเขาต้องช่วยศัตรูงั้นหรือ?

แต่ไม่มีผู้ใดกล้าถามฟางตี้เฉิง ทุกคนรีบทำตามคำสั่งของเขาทันที

วิธีรักษาไม่มีประโยชน์ต่อผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์

“โอ้ ดูเหมือนจะมีผู้มีความสามารถอยู่ด้วย” ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายเจิดจ้า เขาสามารถบอกได้ว่าฟางตี้เฉิงกำลังตรวจสอบท่าไม้ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อยู่ในขณะนี้

‘กระทั่งวิธีรักษาก็ไร้ประโยชน์…’ ฟางตี้เฉิงอนุมานและออกคำสั่งอีกครั้ง “ไม่ต้องสนใจพวกเขา โจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โดยตรง!”

ผู้อมตะตระกูลฟางบังคับนักรบบุปผาวายุระเบิดตัวเองและปลดปล่อยท่าไม้ตายจำนวนมากออกไปโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สั่นสะท้านขึ้นแต่แกนกลางของมันยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ

เฉินอี้พยักหน้ากับตนเอง

กลยุทธ์ของฟางตี้เฉิงยอดเยี่ยมมาก เขาสามารถอนุมานความสัมพันธ์ระหว่างผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายจึงตัดสินใจตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด

ท่าไม้ตายของผู้อมตะตระกูลฟางที่ปลดปล่อยออกมาผ่านนักรบบุปผาวายุได้รับการสนับสนุนจากเขาวงกตดอกท้อ มิฉะนั้นพวกมันจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

เฉินอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้เขายังไม่สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ ในบางแง่มุมเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับชิงโจว

ชิงโจวสามารถบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ให้เคลื่อนที่ แต่อำนาจในส่วนนี้ยังอยู่ในมือของชิงโจว ดังนั้นเฉินอี้จึงไม่สามารถบังคับให้วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ขยับเขยื้อน

เฉินอี้สามารถสังหารชิงโจวและฉกชิงอำนาจนี้มา แต่ในกรณีนั้นแผนการของเขาจะหยุดชะงัก

ดังนั้นเฉินอี้จึงพยายามกำหราบชิงโจว หากเขาทำสำเร็จ ไม่เพียงเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากชิงโจว เขายังสามารถบังคับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ให้เคลื่อนที่

ตระกูลฟางเปลี่ยนกลยุทธ์ทำให้พวกเขากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ถูกเพิกเฉย

ทั้งสองมีเป้าหมายของตนเองเช่นกัน พวกเขาถูกเฉินอี้ควบคุมตั้งแต่แรก ตอนนี้ตระกูลฟางไม่สนใจพวกเขา มันทำให้พวกเขามีความสุข พวกเขาพยายามรักษาความแข็งแกร่งและไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์โจมตีตระกูลฟางเป็นเวลาหลายนาทีก่อนที่คิ้วของเฉินอี้จะคลายตัวลง

หลังจากไม่นานเขาก็สามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้มากขึ้น

‘น่าเสียดายที่มันไม่ใช่วิธีป้องกัน แต่หากข้าใช้วิธีนี้ ข้าจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้เช่นกัน’ เฉินอี้คิด

ท่าไม้ตายอมตะสายฟ้าแห่งชีวิต!

วินาทีถัดมาวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็สั่นสะท้านขึ้น สายฟ้าสีเขียวปะทุขึ้นรอบๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

“เปรี้ยง เปรี้ยง…”

ภายใต้การปะทุขึ้นของสายฟ้า นักรบบุปผาวายุถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง

“ท่าไม้ตายนี้!” ดวงตาของฟางตี้เฉิงเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

สายฟ้าแห่งชีวิตไม่เพียงทำลายนักรบบุปผาวายุแต่มันยังทำลายเขาวงกตดอกท้อ

แม้พวกเขาจะสามารถเติมเต็มต้นท้อเหล่านั้น แต่สถานที่ที่ถูกสายฟ้าทำลายกลับมีต้นสนเติบโตขึ้นและหยั่งรากลึกอยู่ที่นั่น

สายฟ้าแห่งชีวิตค่อยๆสร้างป่าโปร่งขึ้นรอบๆวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

แม้มันจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาวงกตดอกท้อแต่มันสามารถต่อต้านเขาวงกตดอกท้อ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท