เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1524 วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่

บทที่ 1524 วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1524 วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่

แปลโดย iPAT

แม้ฟางตี้เฉิงจะโกรธ แต่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ตรงหน้าพวกเขา นี่เป็นเป้าหมายของตระกูลฟางมานานหลายชั่วอายุคน พวกเขาไม่สามารถล้มเหลวและวิธีบนเส้นทางแห่งทาสของฟางหยวนก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทะลวงทางตัน

ฟางตี้เฉิงยิ้ม “เจ้าต้องการสิ่งใด ตราบเท่าที่เจ้าบอกข้า เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองมัน”

ฟางหยวนถามถึงค่าตอบแทนที่เขาจะได้รับแต่ฟางตี้เฉิงกลับส่งคำถามกลับมาที่เขา

ฟางหยวนหัวเราะ “ท่านฟางช่างตรงไปตรงมานัก ข้าไม่ได้โลภมาก ข้าต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงดวงเดียวเท่านั้น”

ฟางหยวนกล่าวและแสดงออกราวกับรู้สึกเขินอาย

‘วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!’ หัวใจของฟางตี้เฉิงเต้นแรงขึ้น เขาโกรธมาก แต่ภายนอกเขายังเผยรอยยิ้ม “หากเจ้าสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งหมด วิญญาณอมตะระดับเจ็ดก็เหมาะสมแล้ว เมื่อเราได้รับวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เราสัญญาว่าจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เจ้าอีกหนึ่งดวง”

ฟางตี้เฉิงไม่เพียงตอบรับแต่ยังเพิ่มสิ่งล่อใจเข้าไปอีก

“ข้ารู้สึกละอายใจนัก” ฟางหยวนถอนหายใจ “ข้าต้องการวิญญาณอมตะระดับเจ็ดตอนนี้ มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถตัดสินใจที่จะจ่ายราคามหาศาลและกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่เหลือ”

“เหตุใดถึงใจร้อนนัก? เจ้าไม่ไว้ใจตระกูลฟางของข้างั้นหรือ?” ผู้อมตะตระกูลฟางบางคนไม่สามารถควบคุมตนเอง

ฟางหยวนป้องหมัดขึ้น “ทุกท่าน ราคาที่ข้าต้องจ่ายสูงเกินไป รากฐานของข้าจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก ข้าสามารถทำมันหลังจากได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น”

“ตกลง อู่เรือพิพากษาของข้ามีวิธีติดต่อกับโลกภายนอก ข้าจะส่งวิญาณอมตะระดับเจ็ดจากฐานทัพใหญ่ของเรามาที่นี่ นี่คือรายชื่อวิญญาณอมตะระดับเจ็ดในคลังสมบัติของเรา เลือกหนึ่งดวงจากรายการนี้” ฟางตี้เฉิงส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน

มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูล!

ฟางหยวนคิด ‘เป็นเรื่องยากที่ข้าจะได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูล หากข้ามีมัน ข้าจะสามารถรวบรวมข้อมูลและค้นหาความลับมากมาย ระหว่างการเกิดใหม่ ความทรงจำของข้าถูกดัดแปลงโดยเจตจำนงสวรรค์ มีกับดักอยู่ในตัวข้า ข้าไม่สามารถพึ่งพาความทรงจำเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ข้าใช้มรดกของนิกายเงาเป็นข้อมูลหลักในการอ้างอิง แต่สิ่งเหล่านี้จะล้าสมัยเมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูลมีประโยชน์กับข้ามาก’

ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งข้อมูลและพบรายชื่อวิญญาณอมตะระดับเจ็ดจำนวนหกดวงอยู่ภายใน

‘รากฐานของตระกูลฟางช่างลึกล้ำนัก พวกเขามีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดมากกว่าหกดวง ฟางตี้เฉิงไม่ได้ให้ข้าดูทั้งหมดอย่างแน่นอน’

แต่เพียงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งหกดวงก็ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว

ด้วยมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณอมตะดวงใด พวกมันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากอยู่ในมือของเขา

ในไม่ช้าวิญญาณอมตะดวงหนึ่งก็ทำให้หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว เขาตัดสินใจเลือกมันทันที

“วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ด?” ฟางตี้เฉิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟางหยวนเลือก

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมแต่ซวนปู้จินเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนไม่อธิบาย เขาไม่จำเป็นต้องอธิบาย ฟางตี้เฉิงให้ฟางหยวนเลือกวิญญาณอมตะเหล่านี้ นั่นหมายความว่าพวกมันไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขา ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตระกูลฟางกำลังเร่งรีบ แต่มันไม่ใช่สำหรับฟางหยวน หากพวกเขาต้องการถ่วงเวลาและไม่ส่งมอบวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวน เขาจะไม่ทำสิ่งใดเลย

‘เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาเกรงว่าข้าจะขัดขวางเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกแบบสุ่ม หากข้าปฏิเสธเขา เขาจะยอมแพ้ทันทีงั้นหรือ?’ ฟางตี้เฉิงคาดเดา

“สหาย เจ้าต้องการวิญญาณอมตะดวงนี้จริงๆงั้นหรือ?” ฟางตี้เฉิงยืนยันอีกครั้ง

ฟางหยวนลังเลเล็กน้อยก่อนตอบ “ถูกต้อง วิญญาณดวงนี้”

ฟางตี้เฉิงพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะยอมรับคำขอนี้”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็ใช้ท่าไม้ตายและดึงวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้มาจากฐานทัพใหญ่ของตระกูลฟางทันที

กระบวนการนี้รวดเร็วมาก ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือจากฟางตี้เฉิง เขาสามารถปรับแต่งมันได้อย่างง่ายดาย

ฟางหยวนลอบตื่นเต้นอยู่อย่างลับๆ ‘กำไรของข้ายิ่งใหญ่เกินไป! ตอนนี้ข้าเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม ข้าขาดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ดมาในเวลานี้ ไม่เพียงข้าจะสามารถใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ข้ายังสามารถเริ่มใช้ผนึกภูตผีได้อีกด้วย’

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม

และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผนึกภูตผี!

ท่าไม้ตายอมตะนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าที่ทรงพลัง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนกลับไม่เคยใช้ประโยชน์จากมัน

เหตุผล?

แม้มันจะสามารถปกป้องฟางหยวนจากการตรวจสอบของภูตผีและอสูรวิญญาณ แต่เมื่อเขาพยายามใช้งานท่าไม้ตายอมตะ เขาจะถูกเปิดเผย

ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นระเบิดที่ฝังอยู่ใต้ดิน แต่เมื่อมันถูกจุดระเบิด ผู้คนจะสัมผัสได้ถึงมัน

นอกจากนี้ผนึกภูตผียังรบกวนอาภรณ์วิญญาณและทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลง

ผนึกภูตผีไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันทำงานด้วยตัวของมันเอง นั่นคือความสามารถของปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรม แต่เขาไม่สามารถกระตุ้นใช้งานผนึกภูตผีด้วยตัวเขาเอง แม้เขาจะเข้าใจมันแล้ว แต่เขายังมีคำถามมากมาย

อย่างไรก็ตามคำถามเหล่านี้ไม่สามารถหยุดเขาจากการใช้ประโยชน์จากผนึกภูตผี

สำหรับวิธีใช้งานผนึกภูตผี วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ดเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้

‘ตราบเท่าที่ข้าเพิ่มวิญญาณระดับมนุษย์เข้าไป ข้าจะสามารถใช้พลังอำนาจของผนึกภูตผีได้บางส่วน!’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

‘แต่ตอนนี้ข้าต้องกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดเหล่านั้น ความอดทนของตระกูลฟางกำลังจะถึงขีดจำกัดแล้ว’ ฟางหยวนต้องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลฟางเพื่อยึดครองทะเลทรายผีเขียว เขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เขาจึงสังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดสองตัวที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

อสูรวิญญาณแรกกำเนิดเป็นเรื่องยากที่จะสังหาร แต่พวกมันอยู่ในการควบคุมของฟางหยวนและไม่สามารถต่อต้าน

หลังจากพวกมันตกตายไป ฟางหยนก็ได้รับแก่นแท้อสูรวิญญาณสองชิ้น

แก่นแท้อสูรวิญญาณระดับแปด!

นี่เป็นทรัพยากรที่หาได้ยาก

หากเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้ ฟางหยวนจะไม่สังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดทั้งสอง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกเพราะท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยต้องพึ่งพาอสูรวิญญาณจำนวมากในการทำงาน

ฟางหยวนมีอสูรวิญญาณเดียวดายและอสูรวิญญาณบรรพกาลจำนวนมาก แต่พวกมันอนุญาตให้เขาควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดได้เพียงสองตัวเท่านั้น นั่นคือขีดจำกัด

มันเป็นไปไม่ได้ที่ฟางหยวนจะควบคุมอสูรวิญญาณแรกกำเนิดมากขึ้นโดยไม่กำจัดอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวเดิมทิ้งไป

เขาไม่มีทางเลือก!

นี่คือราคามหาศาลที่ฟางหยวนกล่าวถึง

เขาไม่ได้โกหก มันคือความจริง การสังหารอสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดสองตัวไม่ใช่ราคามหาศาลงั้นหรือ?

อย่างไรก็ตามหลังจากสังหารพวกมัน ฟางหยวนก็ใช้วิญญาณทัศนคติและทำให้ตนเองหน้าซีดขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากและจมูกของเขา

“ดูเหมือนซวนปู้จินจะไม่ได้โกหก เขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลจริงๆ” กลุ่มผู้อมตะตระกูลฟางรู้สึกดีขึ้นเมื่อเห็นสิ่งนี้

“แม้จะไม่ใช่เรื่องดี แต่สถานการณ์เร่งด่วนมาก สหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะทำอย่างดีที่สุด” ฟางตี้เฉิงเร่งเร้า

“แน่นอน ข้าจะทำอย่างดีที่สุด!” ฟางหยวนตะโกนและเริ่มกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยผ่านนักรบบุปผาวายุอีกครั้ง

หลังจากความพยายามสามครั้ง ฟางหยวนก็ประสบความสำเร็จในการกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดกระทิงหางเสือดาว

“พรวด!”

ฟางหยวนกระอักเลือดออกมาจากปาก ใบหน้าของเขาซีดขาว เขาแทบหมดสติไป ณ จุดนั้น

“ซวนปู้จิน ระวัง!”

“รักษาสุขภาพด้วย เรายังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าสำหรับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้าย!”

“อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าสามารถรักษาให้เจ้า!”

กลุ่มผู้อมตะตระกูลฟางเร่งกล่าว

“ไม่เป็นไร อย่ากังวล” ฟางหยวนโบกมือ แน่นอนว่ามันคือทักษะการแสดง

หลังจากได้ยินถ้อยคำนี้ ความโกรธผู้อมตะตระกูลฟางจากก่อนหน้าก็จางหายไป

ฟางหยวนพยายามอีกครั้งและสามารถกำหราบอสูรวิญญาณแรกกำเนิดตัวสุดท้าย

ความจริงก็คือเขาต้องขอบคุณนักรบบุปผาวายุ หากไม่ใช่เพราะความสามารถของพวกมัน ฟางหยวนจะได้รับอสูรวิญญาณแรกกำเนิดมาได้อย่างไร

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท