เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1527 การต่อสู้ของระดับแปด

บทที่ 1527 การต่อสู้ของระดับแปด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1527 การต่อสู้ของระดับแปด

แปลโดย iPAT

“บึม บึม บึม…”

ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางปลดปล่อยพลังของพวกเขาและโจมตีเฉินอี้

สายฟ้าแลบลั่น แสงสว่างส่องประกายไปทั่ววังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

กระแสลมกรรโชกแรง แต่เฉินอี้ยังยืนยิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน

ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยเปลือกไม้และไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของผู้อมตะตระกูลฟาง

“การป้องกันแข็งแกร่งนัก!” ไม่เพียงผู้อมตะระดับเจ็ดที่ตกใจ กระทั่งรูม่านตาของฟางตี้เฉิงยังหดเล็กลง

“เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นแนวหน้า โจมตีต่อไป!” ผู้อมตะตระกูลฟางไม่รู้สึกหดหู่ ฟางฮั่วเฉิงตะโกนและนำสมาชิกตระกูลฟางโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

“บึม บึม บึม”

เฉินอี้ไม่สามารถหลบหรือหลีกหนี เขารับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้โดยตรง

หลังจากการระเบิดจบลง ร่างกายของเขายังถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกไม้และกระทั่งแน่นหนากว่าก่อนหน้า

ฟางตี้เฉิงหรี่ตามอง ในที่สุดเขาก็จดจำเฉินอี้ได้ “ดังนั้นเจ้าก็คือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เฉินอี้ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ามีวิธีป้องกันที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้”

เฉินอี้ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจากหนึ่งในสิบนิกายโบราณของภาคกลาง!

แม้ตระกูลฟางจะอยู่ในทะเลทรายตะวันตก แต่พวกเขาก็มีข้อมูลเกี่ยวกับภูมิภาคอื่น

เมื่อตระหนักถึงตัวตนของเฉินอี้จากฟางตี้เฉิง หัวใจของผู้อมตะตระกูลฟางก็จมดิ่งลง

พวกเขารู้สึกกดดัน

ชื่อเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ทำให้ขวัญกำลังใจของผู้อมตะตระกูลฟางตกต่ำลง

“วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นของบรรพชนบัวสวรรค์ แต่ตระกูลฟางกลับต้องการฉกชิงมันโดยไม่แยแสต่อภาคกลางงั้นหรือ?” เฉินอี้กล่าวเย้ยหยัน

ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางมองหน้ากัน พวกเขาตกตะลึงกับทัศนคติของเฉินอี้

“ฮืม เทพอมตะบัวสวรรค์ทิ้งวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไว้ในทะเลทรายตะวันตก นั่นหมายความว่ามันเป็นของทะเลทรายตะวันตก เจ้าเป็นเพียงผู้สืบทอด เจ้ากล้าดีอย่างไรมาบิดเบือนการตัดสินใจของบรรพชนของตนเอง?” ฟางตี้เฉิงหัวเราะคิกคัก เขามีความเชี่ยวชาญในการโต้เถียงในฐานะปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่พ่ายแพ้ในการต่อสู้เช่นนี้

เฉินอี้หัวเราะ “ไร้ประโยชน์ ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของข้าเรียกว่าเกราะเปลือกไม้ ยิ่งการโจมตีทรงพลังเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น หากไม่ทำลายมันในครั้งเดียว มันจะแข็งแกร่งขึ้น!”

เฉินอี้เปิดเผยท่าไม้ตายของตนเองออกมาโดยตรงแต่ถ้อยคำของเขาก็ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของศัตรูลดลง

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

เสียงแหบแห้งดังขึ้นอย่างกะทันหัน “ให้ตาแก่ผู้นี้ลองดู”

ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้หนึ่งก้าวออกไปข้างหน้า

รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนจากเด็กหนุ่มเป็นชายชรากล้ามโตและมีเส้นผมสีขาว เขายกกำปั้นขึ้นและชกไปที่ใบหน้าของเฉินอี้อย่างรวดเร็ว

หัวใจของเฉินอี้เต้นแรงขึ้น เขารู้สึกถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งจากหมัดที่พุ่งเข้ามา

การแสดงออกของเฉินอี้เปลี่ยนไป เขาไม่สามารถหลบและต้องรับมันไว้เท่านั้น

หมัดปะทะใบหน้าของเฉินอี้ด้วยพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัว

เฉินอี้ถูกส่งลอยออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่และพุ่งชนกำแพงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่ล้มลงบนพื้นแต่ถูกฝังไว้ในผนัง

“พรวด!”

เฉินอี้กระอักเลือดออกมา ศีรษะของเขาแทบพังทลาย แต่แสงสีเขียวก็ส่องประกายขึ้นบนร่างของเขาและรักษาอาการบาดเจ็บของเขาอย่างรวดเร็ว

สำหรับท่าไม้ตายเกราะเปลือกไม้ มันถูกชายชราผู้นี้ทุบทำลายในหมัดเดียว

“ฟางกง ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง ผู้อมตะระดับแปด เจ้ากลับลอบโจมตี ช่างไร้ยางอายนัก!” เฉินอี้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

เขาเปิดเผยตัวตนของชายชราผู้นี้ทันที

ฟางกง ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟาง!

‘ฟางกงบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดของห้าภูมิภาค เขาเป็นตัวตนที่หาได้ยาก’

‘คนผู้นี้ปกปิดตัวเองได้อย่างแนบเนียน เขาอยู่กับพวกเรามาตลอด ตระกูลฟางช่างมุ่งมั่นนัก พวกเขากระทั่งนำผู้อมตะระดับแปดมาที่นี่ด้วย!’

‘ก่อนหน้านี้การโจมตีระดับเจ็ดเป็นเพียงการล่อลวง นี่ต้องเป็นแผนการของฟางตี้เฉิงอย่างแน่นอน’

ฟางหยวนที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่ค่อนข้างตกใจกับเรื่องนี้

ผู้อมตะระดับแปดของตระกูลฟางปดปิดตัวตนและใช้วิธีลอบโจมตี นี่เป็นเรื่องไร้ยางอายเกินไปจริงๆ

หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของพวกเขาจะถูกทำลาย

แต่การลอบโจมตีของตระกูลฟางก็มีประสิทธิภาพมาก มันทำให้สถานการณ์พลิกกลับทันที

ทางตันถูกทำลาย

ตอนนี้ตระกูลฟางกลายเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์

เฉินอี้สูญเสียการควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไปครึ่งหนึ่ง นี่ทำให้เขารู้สึกแย่มาก

แต่เขายังมีโอกาส อาการบาดเจ็บของเขาไม่รุนแรงนัก

เกราะเปลือกไม้ของเฉินอี้พังทลาย แต่เขายังสามารถใช้ท่าไม้ตายของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เพื่อโอนย้ายความเสียหายของตนเองไปที่วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

“ครืน…”

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เกิดรอยแตกร้าวขึ้นบนผนังและลุกลามไปถึงหลังคา

เสาขนาดใหญ่หลายต้นแตกหักและกลายเป็นกองซากศพของวิญญาณจำนวนมาก

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรงขึ้น เขาคิด ‘การโจมตีของฟางกงช่างทรงพลังนัก แม้มันจะดูเหมือนการชกทั่วไป แต่แท้จริงแล้วมันปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ ดังนั้นความเสียหายที่เฉินอี้ได้รับจึงถูกส่งต่อไปยังวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’

ฟางหยวนยังคิดต่อ ‘แน่นอนว่านี่เป็นเพราะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ใช้วิธีป้องกันตัวใดๆ มันถูกโจมตีจากภายใน ดังนั้นความเสียหายของมันจึงรุนแรงขึ้นระดับนี้’

“โฮก…”

ขณะที่เสาขนาดใหญ่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พังทลายลง เสียงคำรามของชิงโจวก็ดังขึ้น

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นชิงโจวที่ถูกกำหราบจึงได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้เช่นกัน

มันเงยหน้าและพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง

“หุบปาก!” ฟางกงขมวดคิ้วและกระโดดไปทางชิงโจว

ชิงโจวคำรามและเผชิญหน้ากับฟางกง

“บึม!”

ทั้งสองปะทะกัน ชิงโจวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างที่เหมือนภูเขาของมันถูกส่งลอยห่างออกไปโดยฟางกงที่ดูเหมือนมด

ฟางกงสูดหายใจก่อนจะกระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง

ชิงโจวเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน แต่มันกลับพ่ายแพ้การต่อสู้ทางกายภาพ

‘ผู้ใดเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานกันแน่?’ ฟางหยวนตกตะลึง

เฉินอี้ขมวดคิ้วคิด ‘ฟางกงช่างทรงพลังนัก ข้าไม่สามารถปล่อยให้เขาควบคุมสถานการณ์!’

“รับการโจมตีของข้า!” เฉินอี้เข้าร่วมการต่อสู้และสนับสนุนชิงโจว

ฟางกงสามารถปราบปรามชิงโจวแต่การแทรกแซงของเฉินอี้ทำให้ความได้เปรียบของเขาหายไป

หากเฉินอี้ร่วมมือกับชิงโจว ฟางกงจะไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขา

‘ฟางกงบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมากในสนามรบนี้ สำหรับข้า ข้าสามารถปลดปล่อยทักษะของข้าได้เพียงหกสิบส่วนเท่านั้น’

เฉินอี้รู้สึกขมขื่น

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ในการต่อสู้ของตัวตนระดับแปด ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าแทรกแซง

ความแตกต่างระหว่างระดับเจ็ดกับระดับแปดยิ่งใหญ่เกินไป

ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางต้องล่าถอยออกมาที่เขาวงกตดอกท้อ

ด้านหนึ่งพวกเขาต่อสู้กับผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ ในทางกลับกันพวกเขายังต้องกำจัดอสูรวิญญาณจำนวนมาก

‘สถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย!’ การแสดงออกของฟางตี้เฉิงกลายเป็นน่าเกลียด ‘เขตแดนเขาวงกตดอกท้อกำลังจะพังทลาย อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังวิ่งมาที่นี่ พวกมันมีมากเกินไป แต่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งยังต่อสู้อยู่ภายใน ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?’

แม้ฟางตี้เฉิงจะเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาไม่สามารถแก้ปัญหานี้

เมื่อเวลาผ่านไป การวิเคราะห์ของฟางตี้เฉิงก็กลายเป็นความจริง

เขาวงกตดอกท้ออ่อนแอลงเรื่อยๆ ช่องโหว่เริ่มปรากฏขึ้นในบางพื้นที่และสามารถมองเห็นทะเลทรายที่อยู่ด้านนอก

อสูรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเรียกมาโดยวิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์รู้สึกกดดันมาก พวกเขาไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น

‘สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์’ ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน

ภายในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ผู้อมตะระดับแปดสมคนกำลังต่อสู้กันอยู่

ชิงโจวคำราม ฟางกงเคร่งขรึม เฉินอี้ขมขื่น

แม้พวกเขาจะยับยั้งพลังทำลายล้างของตนเองเอาไว้ แต่มันยังส่งผลกระทบต่อวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และทำให้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้กำลังจะแตกสลาย

หากวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์พังทลายลง แล้วพวกเขาจะต่อสู้กันเพื่อสิ่งใด? สิ่งที่พวกเขาต้องการมีเพียงวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!

“ข้าจะช่วยตระกูลฟางของเจ้าให้ได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนกล่าวกับฟางตี้เฉิง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท