เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1526 โจมตีเฉินอี้

บทที่ 1526 โจมตีเฉินอี้

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1526 โจมตีเฉินอี้

แปลโดย iPAT

‘ช่างเป็นท่าไม้ตายที่พิศวงนัก ชีวิตและความตายหลอมรวมเป็นหนึ่ง เขาวงกตดอกท้อคือไพ่ตายของตระกูลฟาง แต่มันกลับถูกต่อต้าน หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไป เขตแดนจะพังทลายในที่สุด!’ ฟางตี้เฉิงลอบตกใจ

หากท่าไม้ตายเขตแดนอมตะถูกทำลาย คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง พวกมันจะได้รับความเสียหายครั้งใหญ่

เดิมทีฟางตี้เฉิงมั่นใจในพลังอำนาจของเขาวงกตดอกท้อแต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันกำลังจะถูกทำลาย

‘สมกับเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์!’ ฟางตี้เฉิงถอนหายใจ

แต่มันก็ทำให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของผู้อมตะตระกูลฟางพุ่งทะยานขึ้น

“เราจะใช้รูปแบบที่สาม!” ฟางตี้เฉิงออกคำสั่ง

ผู้อมตะตระกูลฟางทำตามอย่างเชื่อฟัง นักรบบุปผาวายุทั้งหมดระเบิดตัวเอง ดอกไม้และใบไม้ร่วงหล่นลงจนเหลือเพียงกิ่งก้านที่ว่างเปล่า

เมื่อสายฟ้าแห่งชีวิตตกกระทบลงบนป่าต้นท้อเหล่านี้ พลังงานส่วนใหญ่ของมันก็ถูกต้นท้อดูดซับเข้าไปเป็นสารอาหารให้กับตัวมันเอง

“โอ้ ท่าไม้ตายนี้…” ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายขึ้น

เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ในที่สุด

ท่าไม้ตายที่สามของเขาวงกตดอกท้อดูดกลืนพลังอำนาจของสายฟ้าแห่งชีวิตเข้าไป แม้มันจะไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมด แต่มันยังสามารถถ่วงเวลาและรักษาเสถียรภาพ

หลังจากใช้ท่าไม้ตายทั้งสามท่าของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ เฉินอี้ก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก

“โอ้ ไม่ ชิงโจวยังคงต่อต้านข้า ข้าต้องกดดันมันมากขึ้นและใช้วิธีที่สี่ของวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ แต่นั่นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ตระกูลฟางย่อมไม่ให้โอกาสข้า!”

เฉินอี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย

ตอนนี้เขาทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามชิงโจว ควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ และเผชิญหน้ากับการโจมตีของตระกูลฟาง

เขาอยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ วิธีการส่วนใหญ่ของเขาขัดแย้งกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้

ดังนั้นความสามารถทั้งหมดของเขาจึงถูกผนึกเอาไว้

ด้านตระกูลฟาง ฟางตี้เฉิงไม่ได้ส่งผู้อมตะตระกูลฟางออกไปต่อสู้แต่ใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังโจมตีวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์จากสามทิศทาง

“บึม บึม บึม”

วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้ากระทั่งวิญญาณอมตะก็เริ่มได้รับความเสียหาย

ใบหน้าของผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์กลายเป็นซีดเผือดด้วยความกตกใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซง

เฉินอี้เข้าใจความคิดของทั้งสองและเรียกพวกเขากลับเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง

พวกเขาไม่สามารถต่อต้านการโจมตีจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะเสียสละคนทั้งสองในเวลานี้ ตรงข้ามพวกเขาจะมีประโยชน์เมื่อตระกูลฟางบุกเข้ามาในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์

เวลา!

เฉินอี้ต้องการเวลา

หากเขามีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถควบคุมวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และกำหราบชิงโจวได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเวลานั้นมาถึงเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์

หากนี่เป็นการต่อสู้ทั่วไป ฝ่ายตรงข้ามอาจตกลงสู่หลุมพรางของเฉินอี้ แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาฟางตี้เฉิงที่สามารถอนุมานแผนการของเฉินอี้

เฉินอี้ถอนหายใจด้วยความรู้สึกขมขื่น ผู้นำของตระกูลฟางฉลาดมาก แผนการของเขาไม่สามารถดำเนินการต่อ

ทว่าแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ก็ไม่ท้อแท้

เพราะเขายังมีวิธีเหลืออยู่

ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!

ในเวลาต่อมาเฉินอี้ก็ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมา ควันสีเขียวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาและก่อตัวเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม

เมื่อต้นไม้ต้นนี้ปรากฏขึ้น วังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับมันกำลังตอบรับเฉินอี้

ในเวลาเดียวกันเฉินอี้ก็สามารถยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วขึ้น แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาส่งผลกระทบต่อชิงโจวมากขึ้นเช่นกัน

ชิงโจวรู้สึกไม่ดี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมกำลังคุกคามมันอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลไม้ที่เน่าเสียใบใหญ่กำลังเติบโตขึ้น

ผลไม้ผลนี้ปล่อยควันสีดำออกมาขณะที่รูปร่างของมันค่อยๆกลายเป็นใบหน้าของชิงโจว

ชิงโจวถือกำเนิดขึ้นด้วยอิทธิพลของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม เมื่อเห็นสิ่งนี้มันรู้สึกว่าเมื่อควันสีดำหยุดลง มันจะถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์

มันจะปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้!

“โฮก…’

ชิงโจวคำรามด้วยความโกรธ

ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องมองไปที่เฉินอี้ด้วยความเดือดดาล ปากของมันอ้าออกขณะที่มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

“เหลือเชื่อ! สมกับเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน ชิงโจวรักษาความแข็งแกร่งของมันมาตลอด ตอนนี้ข้าใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมทำให้มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบโต้!” เฉินอี้ตกใจมาก

ชิงโจวมีสามารถในการวางแผนและพยายามพลิกสถานการณ์

เฉินอี้รีบปราบปรามมัน

ร่างของชิงโจวสั่นสะท้านขึ้น แขนขาของมันถูกกดลงบนพื้นและจมลงไปอย่างรวดเร็ว

แต่ต่อมากลิ่นอายของวิญญาณอมตะก็ปะทุขึ้นจากร่างกายของมัน

มันใช้ท่าไม้ตายอมตะ!

มันถือกำเนิดขึ้นจากดวงวิญญาณของมนุษย์ มันสามารถบ่มเพาะและใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ก่อนหน้านี้เพราะการปรากฏตัวของฟางหยวนทำให้มันตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและไม่ได้ใช้กลยุทธ์ใดๆ แต่เผชิญหน้ากับเฉินอี้ มันสามารถคิดและใช้วิธีที่เหมาะสมที่สุด

ชิงโจวต่อต้านอย่างรุนแรง

เฉินอี้สูดหายใจลึก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว เขากัดฟันและพยายามใช้งานต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมต่อไป

ชิงโจวรู้สึกกดันมาก มันคำรามและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะครั้งที่สอง

ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงตกอยู่ในสภาวะชะงักงัน

“เจ้าต้องการให้ข้าเป็นทาส เจ้ากำลังฝันไป!” ชิงโจวคำรามและปลดปล่อยท่าไม้ตายสุดท้าย

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดเป็นแกนกลาง แสงสว่างปะทุขึ้นอย่างรุนแรง

ท่าไม้ตายอมตะที่ไม่รู้จักสร้างคลื่นแสงระเบิดออกไปนอกวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ผ่านเขาวงกตดอกท้อและกลืนกินทะเลทรายผีเขียวเข้าไปทั้งหมด!

ทะเลทรายผีเขียวที่เคยเงียบงันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นทันที

ต่อมาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำวนนับไม่ถ้วนก็ปะทุขึ้นจากทะเลทรายผีเขียว

“โฮก…”

อสูรวิญญาณทั้งหมดรู้สึกถึงเสียงเรียกของชิงโจวและออกมาเป็นกำลังเสริมให้มัน

การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลฟางเปลี่ยนไป

“โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้ส่งผลกระทบต่อทะเลทรายผีเขียวทั้งหมด!”

“ทะเลทรายผีเขียวมีอสูรวิญญาณอยู่นับไม่ถ้วน แต่ท่าไม้ตายนี้กลับทำให้พวกมันตอบสนองได้จริงๆ!”

“เขาวงกตดอกท้อเป็นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันควรแยกออกจากโลกภายนอก แต่มันกลับไม่สามารถปิดกั้นท่าไม้ตายนี้!”

ขวัญกำลังใจของผู้อมตะตระกูลฟางร่วงหล่นลงทันที ทุกคนต่างตกอยู่ในความกังวล

“ข้ารู้แล้ว!” ฟางตี้เฉิงอนุมานอย่างรวดเร็ว “อสูรวิญญาณแรกกำเนิดที่อยู่ในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้นจากดวงวิญญาณของคนตระกูลชิงในอดีต มันมีสติปัญญา นั่นทำให้มันกลายเป็นอสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนาน ทะเลทรายผีเขียวถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณจากการกวาดล้างตระกูลชิง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณถูกทิ้งไว้เบื้องหลังสภาพแวดล้อมนี้!”

“กล่าวได้ว่าทะเลทรายผีเขียวเป็นท่าไม้ตายเขตแดนที่ไม่สมบูรณ์ อสูรวิญญาณแรกกำเนิดในตำนานตัวนี้เป็นเจ้าของท่าไม้ตายนี้ ตอนนี้มันกำลังกระตุ้นใช้งานร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณทั้งหมดในทะเลทรายผีเขียวและทำให้มันกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะที่น่าสะพรึงกลัว อสูรวิญญาณจำนวนมหาศาลจะโจมตีพวกเรา เขาวงกตดอกท้อจะพังทลายลงในที่สุด!”

ฟางตี้เฉิงเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งปัญญาที่แท้จริง เขาค้นพบความจริงบางส่วนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ได้ในที่สุด

เขาออกคำสั่งให้ทุกคนโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง ตระกูลฟางต้องแข่งกับเวลา!

พวกเขาต้องบุกเข้าไปในวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และสังหารชิงโจวเพื่อแก้ไขสถานการณ์

ขณะเดียวกันเฉินอี้ก็ต้องการต่อต้านตระกูลฟางและกำหราบชิงโจว เขาต้องแข่งขันกับเวลาเช่นกัน

ด้านชิงโจว มันไม่ต้องการตกเป็นทาส มันพยายามต่อต้าน แต่ท่าไม้ตายสุดท้ายของมันที่ใช้วิญญาณอมตะป้ายคำสั่งอสูรวิญญาณเป็นแกนกลางต้องใช้เวลาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์

ทั้งสามฝ่ายติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน

การต่อสู้มาถึงจุดสำคัญแล้ว แต่ฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ?

“บึม!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ประตูทางเข้าวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“บุกเข้าไป!” ดวงตาของฟางตี้เฉิงส่องประกายขึ้น เขาตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง

ผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลฟางหลายคนบินเข้าไป

เมื่อพวกเขาไปถึง พวกเขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย

เฉินอี้ ผีเฒ่าไป่จุน สนมอินทรีย์ และชิงโจวปรากฏตัวอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดูค่อนข้างซับซ้อน

โดยเฉพาะเฉินอี้ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก

เฉินอี้หัวเราะ เขามองผู้อมตะตระกูลฟางด้วยความรังเกียจ “รนหาที่ตาย!”

ฟางตี้เฉิงที่อยู่ด้านหลังก่นเสียงเย็นและออกคำสั่ง “ฆ่า! คนผู้นี้กำลังทำงานหลายอย่าง เขาไม่สามารถทำสิ่งใดกับพวกเรา!”

ผู้อมตะตระกูลฟางพุ่งเข้าโจมตีทันที

ผีเฒ่าไป่จุนและสนมอินทรีย์ไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกัน แต่ผู้อมตะตระกูลฟางมีจำนวนมากกว่าและยังพุ่งเป้าไปที่เฉินอี้

แน่นอนว่าพวกเขาต้องกำจัดผู้อมตะระดับแปดเป็นอันดับแรก!

“รับนี่!”

“แม้จะเป็นผู้อมตะระดับแปดก็ต้องตาย!”

“ยอมรับความตายซะ!”

ฟางฮั่วเฉิงนำกลุ่มผู้อมตะของตระกูลฟางปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังออกมา

เฉินอี้ยืนอยู่ที่จุดเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนและปล่อยให้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดทั้งหมดโจมตีเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท