เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1532 เย่ฟานปะทะไท่รั่วหนาน

บทที่ 1532 เย่ฟานปะทะไท่รั่วหนาน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1532 เย่ฟานปะทะไท่รั่วหนาน

แปลโดย iPAT

“บึม บึม บึม”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่าไม้ตายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น สองร่างปะทะกันอย่างรุนแรง

หนึ่งคือเย่ฟานที่มีโชค เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งแสง เขาได้รับคำแนะนำจากผู้อมตะตระกูลเฉิงและเป็นศิษย์ของผู้อมตะลั่วเว่ยหยินผู้ลึกลับ สิ่งสำคัญที่สุดของเขาก็คือการเผชิญหน้าโดยบังเอิญบนเส้นทางการบ่มเพาะของเขา

สำหรับไท่รั่วหนาน แม้นางจะเกิดในตระกูลไท่ แต่นางโชคไม่ดี นางเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเด็กขณะที่บิดาของนางตายเมื่อนางยังเป็นวัยรุ่น นางกลายเป็นหนึ่งในแปดนายน้อยของตระกูลไท่ นางทำงานอย่างหนักและพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะหลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้อมตะตระกูลไท่ ไท่เมี่ยนเฉิน สุดท้ายนางกลายเป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก

อัจฉิรยะทั้งสองต่อสู้กันและทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆไม่สามารถเข้าไปในระยะการโจมตีของพวกเขาและทำได้เพียงหลบเลี่ยงออกไปเท่านั้น

ผู้ใช้วิญญาณของทั้งสามกองกำลังตกตะลึงเมื่อเห็นการต่อสู้ของพวกเขา

“คุณหนู นายน้อยเย่แข็งแกร่งมาก เหตุใดพวกเราถึงไม่รู้เรื่องนี้?” สาวใช้เสี่ยวตี้ถามเฉิงซินซื่อ

เฉิงซินซื่อไตร่ตรอง “นายน้อยเย่ต้องได้พบกับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญบางอย่าง ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาก นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดา นายน้อยเย่ต้องระวังให้มากกว่านี้”

เสี่ยวตี้หัวเราะเบาๆ “นายน้อยเย่มีความสามารถและหล่อเหล่า ทุกคนรู้ว่าเขาชอบคุณหนู คุณหนู หากเขารู้ว่าคุณหนูห่วงใยเขา เขาคงมีความสุขมาก”

เฉิงซินซื่อส่ายศีรษะ นางต้องการกล่าวบางสิ่งแต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

เซี่ยวตี้เฝ้าสังเกตเฉินซินซื่ออยู่เสมอ นางเป็นคนรับใช้และเป็นคนสนิทของเฉินซินซื่อมานาน ดังนั้นแม้คนอื่นๆจะเรียกเฉินซินซื่อว่าผู้นำแต่เสี่ยวตี้ยังเรียกนางว่าคุณหนูเสมอ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมของหญิงสาวทั้งสอง

เซี่ยวตี้เต็มไปด้วยความกังวล นางคิด ‘ดูเหมือนคุณหนูจะยังไม่สามารถลืมผู้ใช้วิญญาณปีศาจฟางหยวน เห้อ…ฟางหยวนพาพวกเรามาที่เมืองตระกูลเฉิง เขาเป็นคนที่คุณหนูให้ความสนใจ ข้าสงสัยนักว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ใด ข้าเกรงว่าเขาจะตายไปแล้ว เห้อ…หากเขาตายจริงๆ ข้าหวังว่าพวกเราจะได้เห็นศพของเขา ด้วยวิธี้นี้คุณหนูจะสามารถลืมเลือนเขาไปได้’

เสี่ยวตี้มีพรสวรรค์นภาที่สอง ตอนนี้นางกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณไปแล้ว นางไม่เคยติดต่อผู้อมตะ ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับฟางหยวน นางยังคิดว่าฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจ แม้เฉินซินซื่อจะได้เรียนรู้สถานการณ์ของฟางหยวนผ่านผู้อมตะของตระกูลเฉิง เฉิงชิงชิง แต่นางก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเสี่ยวตี้

“คนใหม่มาแทนคนเก่า ตอนนี้ข้าแก่แล้วจริงๆ” ผู้นำตระกูลฮั่วรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างไท่รั่วหนานกับเย่ฟาน

ผู้นำตระกูลไท่ยิ่งตกใจกว่า เขาคิด ‘ข้าคิดว่าไท่รั่วหนานจะสามารถกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมดและคว้าชัยชนะมาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผลลัพธ์ยังไม่สามารถตัดสิน ผู้ใดจะคิดว่าตระกูลเฉิงจะมีผู้เชี่ยวชาญซุกซ่อนไว้เช่นนี้!’

ในเวลาเดียวกันบนท้องฟ้าเหนือสนามรบ ผู้อมตะของภาคใต้สามคนกำลังเฝ้ามองการต่อสู้ของไท่รั่วหนานและเย่ฟานอยู่เช่นกัน

พวกเขามาจากตระกูลเฉิง ตระกูลฮั่ว ตระกูลไท่ ทั้งสามนั่งอยู่บนเมฆสีขาวและมีโต๊ะกลมอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถ้วยชา

ผู้อมตะดื่มชาขณะที่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ของตระกูลกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยมีทุ่งหยกร้อนเป็นสิ่งเดิมพัน

ทุ่งหยกร้อนเป็นแหล่งทรัพยากรระดับสูงที่กองกำลังใหญ่ยังต้องให้ความสำคัญ หากพวกเขาได้รับมัน ตระกูลจะได้รับกำไรมหาศาล

แต่การเดิมพันโดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือไม่ใช่เรื่องง่าย

ลืมผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะไปได้เลย สำหรับกองกำลังฝ่ายธรรมะ พวกเขาต้องมองผลลัพธ์ในระยะยาว พวกเขามุ่งเน้นที่การเลี้ยงดูทายาท ดังเช่นตระกูลเฉิงที่สนับสนุนการต่อสู้ระหว่างทายาทรุ่นเยาว์เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด พวกเขายังนำผู้ใช้วิญญาณภายนอกมาต่อสู้และคัดเลือกผู้มีความสามารถเข้าสู่ตระกูลอีกด้วย สำหรับตระกูลไท่ พวกเขามีนายน้อยแปดคนที่มีผู้สนับสนุนของตนเอง มันคือการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์อมตะจากลูกหลานที่เป็นมนุษย์

พวกเขาจะปล่อยให้ทายาทต่อสู้กับกองกำลังอื่น จากนั้นพวกเขาจะกลายเป็นตัวแทนความสำเร็จในอนาคตของตระกูลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่พวกเขาคาดหวัง หากพวกเขาสูญเสียเมล็ดพันธุ์ดังกล่าว มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของตระกูล

แต่เรื่องนี้มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย

ประการแรก ตราบเท่าที่ยังมีผู้อมตะอยู่ในตระกูล รากฐานของพวกเขาจะไม่สั่นไหว ตระกูลจะไม่สั่นคลอน ตราบเท่าที่ผู้อมตะไม่ต่อสู้ด้วยตนเอง ทุกสิ่งสามารถเจรจาต่อรอง

ประการที่สอง มันเป็นการทดสอบของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ในการต่อสู้ คนที่เหลือรอดจะมีประสบการณ์มากขึ้น อัจฉริยะที่ตายไปแล้วไม่ถือเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ฝ่ายธรรมะหล่อเลี้ยงบุตรหลานของพวกเขามาอย่างยาวนาน แม้พวกเขาจะสูญเสียเมล็ดพันธุ์อมตะไปบ้าง มันก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

ในการต่อสู้ของสามฝ่ายจะต้องมีการสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกและเชิงลบ สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมต่อกองกำลังของพวกเขาเข้าด้วยกัน เมื่อเมล็ดพันธุ์เติบโตขึ้นเป็นผู้อมตะในอนาคต พวกเขาอาจมีศัตรูหรือมิตรจากกองกำลังอื่นที่สามารถพึ่งพาช่วยเหลือ

นี่ไม่ใช่เรื่องผิวเผิน มันเป็นแผนการของผู้อมตะที่ใช้ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เป็นตัวหมากเบี้ย

ตอนนี้ผู้อมตะทั้งสามกำลังให้ความสนใจการต่อสู้ของไท่รั่วหนานและเย่ฟาน ทั้งสามคนรู้ดีว่าผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือกุญแจสำคัญในการตัดสินว่าฝ่ายใดจะเป็นเจ้าของทุ่งหยกร้อนแห่งนี้

เฉิงชิงชิงนั่งอยู่ด้านซ้ายด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีกับท่านไท่เมี่ยนเฉิน ท่านพบผู้สืบทอดที่เหมาะสมกับมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็กของท่านแล้ว”

ตระกูลไท่มีมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก ผู้อมตะทั้งหมดของภาคใต้รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี มรดกที่แท้จริงนี้มีข้อกำหนดที่เข้มงวด เป็นเรื่องยากที่จะหาผู้รับสืบทอดที่เหมาะสม

ไท่เมี่ยนเฉินนั่งอยู่ตรงกลาง

เขาสวมชุดเกราะและหน้ากากเหล็ก ผู้ที่ฝึกฝนมรดกที่แท้จริงนี้ต้องมีหัวใจแห่งความยุติธรรม พวกเขามักเป็นคนที่มีทักษะในด้านการตรวจสอบที่ยอดเยี่ยมที่สุดของภาคใต้เสมอ

เดิมทีพวกเขาเลือกบิดาของไท่รั่วหนานเป็นผู้สืบทอด แต่เขาเสียชีวิตบนภูเขาชิงเหมา ต่อมาพวกเขาก็พบว่าไท่รั่วหนานมีคุณสมบัติเช่นกัน ดังนั้นนางจึงกลายเป็นผู้สืบทอดคนใหม่

ครั้งนี้ตระกูลไท่ส่งไท่เมี่ยนเฉินมาที่นี่ขณะที่เขานำไท่รั่วหนานมาด้วยเพื่อใช้โอกาสนี้ในการฝึกฝนนาง

ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสาม ผู้อมตะตระกูลฮั่วและตระกูลเฉิงต่างเป็นผู้อมตะระดับหก มีไท่เมี่ยนเฉินเพียงผู้เดียวที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

ไท่เมี่ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “เทพธิดาตระกูลเฉิงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว นี่คือผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของข้า แต่นางยังเด็ก นางยังต้องฝึกฝนอีกมาก”

ผู้อมตะฮั่วเหยายังนิ่งเงียบ ตอนนี้เขากำลังเฝ้ามองสนามรบ แม้ตระกูลของเขาจะอ่อนแอที่สุดในเวลานี้ แต่เขายังไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ ตราบเท่าที่ตระกูลไท่และตระกูลเฉิงประสบความสูญเสียพร้อมกัน ผลลัพธ์สุดท้ายก็ยังไม่สามารถตัดสิน

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ เย่ฟานถอยหลังกลับและสูดหายใจลึก

ไท่รั่วหนานกระโจนเข้าไปด้านข้างเย่ฟานและส่งกรงเล็บอินทรีย์ออกไป

เย่ฟานพลิกตัวและพ่นลูกศรสีแดงสดไปที่ใบหน้าของไท่รั่วหนาน

ไท่รั่วหนานไม่ได้ตื่นตระหนก ดวงตาของนางส่องประกายขึ้นขณะที่นางเอนศีรษะไปด้านหลังเพื่อหลบเลี่ยงลูกศรสีแดง

แต่เย่ฟานยังฉวยโอกาสผลักฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท