เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1531 ทุ่งหยกร้อน

บทที่ 1531 ทุ่งหยกร้อน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1531 ทุ่งหยกร้อน

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้

แม่น้ำมังกรเหลืองอยู่ทางเหนือขณะที่ภูเขาไป่โชวอยู่ทางใต้

เดิมทีมันเป็นเทือกเขาที่ทอดตัวยาวออกไปแต่ตอนนี้มันแยกออกจากกันและถูกแทนที่ด้วยร่องลึกใต้พิภพ

ยุคที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง ห้าภูมิภาคจะกลายเป็นหนึ่ง ก้าวแรกคือความปั่นป่วนของปราณพิภพและการเชื่อมต่อของเส้นโลหิตปฐพี ภาคใต้มีเส้นโลหิตปฐพีอยู่มากที่สุด ดังนั้นแผ่นดินไหวจึงเกิดขึ้นบ่อยที่สุด

แผ่นดินไหวแต่ละครั้งถือเป็นหายนะของมนุษย์ แต่สำหรับผู้อมตะ พวกเขาได้รับผลประโยชน์

ทรัพยากรอมตะทุกประเภทรวมถึงวิญญาณอมตะป่าปรากฏขึ้นจากเส้นโลหิตปฐพี

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโลกของผู้อมตะภาคใต้เกิดความโกลาหลเป็นอย่างมาก

อันดับแรกคือการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ตามมาด้วยการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ปีศาจอมตะ หรือสมาชิกฝ่ายธรรมะ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลวู พวกเขาสูญเสียผู้อมตะไปถึงเจ็ดคน!

ผู้อมตะของภาคใต้เริ่มตื่นตัวเนื่องจากอันตราย พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

แผ่นดินไหวที่เกิดจากเส้นโลหิตปฐพีได้สร้างรอยแยกใต้พิภพมากมาย ผู้อมตะภาคใต้จำนวนนับไม่ถ้วนพยายามค้นหาทรัพยากรและชดเชยความสูญเสียไปพร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา

รอยแยกใต้พิภพที่เกิดใหม่แห่งหนึ่ง กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกำลังสร้างค่ายกลวิญญาณระดับมนุษย์ขึ้นที่นี่

ผู้นำกลุ่มเป็นผู้ใช้วิญญาณหญิงระดับห้า

คิ้วของนางเรียวบาง ดวงตากระจ่างใสราวกับดวงจันทร์ ผิวของนางขาวราวหิมะ ขณะที่ริมฝีปากเป็นสีชมพูที่ดูอ่อนโยน เส้นผมสีดำของนางส่องประกายดุจแพรไหมที่ช่วยขับเน้นความงามของนาง

ตอนนี้นางอยู่ในชุดสีขาวที่เรียบง่าย นางดูสง่างามราวกับดอกกล้วยไม้ อ่อนโยนเหมือนน้ำ และปลดปล่อยกลิ่นอายของคนสูงศักดิ์ออกมา

นางไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลเฉิง เฉิงซินซื่อ

ดวงตาที่งดงามของเฉิงซินซื่อปรากฏความงุนงงขณะที่นางมองไปยังพื้นที่ที่อยู่ตรงหน้า

สถานที่แห่งนี้อยู่ลึกลงไปใต้พิภพ มันเป็นพื้นดินสีดำที่แข็งเหมือนเหล็กและมีควันหลากสีสันลอยขึ้นมา

ผู้ใช้วิญญาณทุกคนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ห่อหุ้มร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ นั่นทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

“พลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติช่างน่าอัศจรรย์นัก” เฉิงซินซื่อถอนหายใจด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

ชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านข้างนางมีรูปลักษณ์ที่องอาจ ดวงตาและคิ้วแหลมคมราวกับดาบ นกอินทรีย์ตัวเล็กเกาะอยู่บนไหล่ของเขา นั่นคือเย่ฟาน

เย่ฟานกล่าว “สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดา หากข้าจำไม่ผิด ที่นี่คือทุ่งหยกร้อน มันสามารถผลิตหยกร้อนที่เป็นทรัพยากรอมตะ มันมีมูลค่าสูงมาก!”

เย่ฟานยังคงรักเฉิงซินซื่อ ก่อนหน้านี้เขาช่วยนางจัดการเรื่องต่างๆของตระกูลเฉิง หลังจากเผชิญหน้ากับไป่หนิงปิงและเกือบถูกสังหาร เย่ฟานสามารถรักษาชีวิตและเติบโตขึ้นโดยการได้พบกับลั่วเว่ยหยินและกลายเป็นศิษย์ของเขา

เขาฝึกฝนอยู่ในสวรรค์สีดำและได้รับความรู้มากมายจากลั่วเว่ยหยิน

“ที่นี่เรียกว่าทุ่งหยกร้อนงั้นหรือ? ขอบคุณนายน้อยเย่สำหรับคำอธิบาย ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบรรพชนอมตะของตระกูลเฉิงจึงต้องการให้ข้ามาปกป้องสถานที่แห่งนี้” เฉิงซินซื่อแสดงความขอบคุณ

เดิมทีนางมีพรสวรรค์และระดับการบ่มเพาะที่ค่อนข้างต่ำ แต่เพื่อทุ่งหยกร้อนแห่งนี้ ผู้อมตะตระกูลเฉิงจึงใช้วิธีการพิเศษเพื่อทำให้เฉิงซินซื่อก้าวเข้าสู่ระดับห้าโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย

ความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของเย่ฟาน

ศัตรูของเฉิงซินซื่อคือตระกูลฮั่วและตระกูลไท่

ทั้งสองตระกูลส่งผู้นำตระกูลที่มีการบ่มเพาะระดับห้ามาที่นี่ พวกเขาต้องการทุ่งหยกร้อนเช่นกัน

สำหรับเย่ฟาน ความเข้าใจของเขาเหนือกว่าขอบเขตมนุษย์ไปแล้ว เขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจน

‘ทุ่งหยกร้อนเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ตระกูลที่สามารถยึดครองสถานที่แห่งนี้จะได้รับหยกร้อนจำนวนมากในแต่ละปี ตระกูลเฉิง ตระกูลฮั่ว และตระกูลไท่ ทั้งสามเป็นกองกำลังใหญ่ แต่กระทั่งผู้นำตระกูลของทั้งสามกองกำลังก็ยังเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อมตะที่อยู่เบื้องหลังการแข่งขันครั้งนี้เท่านั้น’

‘เห้อ…ตำแหน่งผู้นำตระกูลอาจดูสูงส่งและทรงอำนาจ แต่มันก็ยังเป็นเพียงเครื่องมือทางการเมืองสำหรับผู้อมตะ พวกเขาไม่มีอิสระในการตัดสินใจและตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากผู้บ่มสันโดษและปีศาจอมตะก็อาจมาที่นี่ได้เช่นกัน ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ผู้นำตระกูลเฉิงรุ่นก่อนเฉิงเยี่ยนเฟยบิดารของคุณหนูซินซื่อก็เสียชีวิตที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นผู้นำตระกูลวูและกองกำลังอื่นก็เผชิญหน้ากับชะตากรรมเดียวกัน หากไม่ใช่ผู้อมตะ ไม่ว่าพวกเขาจะอัศจรรย์เพียงใด พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์’

คิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่เย่ฟานจะปรารถนาที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

“รายงาน! ตระกูลฮั่วและตระกูลไท่ส่งกองกำลังจำนวนมากในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนเคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเราโดยตรง!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณสายตรวจสอบเข้ามารายงาน

ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่อยู่ด้านข้างเฉิงซินซื่อกล่าว “ท่านผู้นำกล่าวถูกต้อง พวกเราจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้แล้ว เราจะวางกับดักพวกเขา”

หญิงผู้นี้ก็คือเว่ยตี้ซินภรรยาของผู้นำตระกูลเว่ย นางเคยถูกฟางหยวนซื้อตัวมาเป็นทาสและมอบให้เฉิงซินซื่อ ตอนนี้นางเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเฉินซินซื่อ นางมีความภักดีและต้องการตอบแทนความเมตตาของเฉินซินซื่อ

เฉินซินซื่อพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ค่ายกลวิญญาณถูกจัดตั้งไว้นานแล้ว เราเพียงต้องล่อลวงให้ทั้งสองตระกูลบุกเข้ามาและจัดการพวกเขาในครั้งเดียว”

ตระกูลเฉิง ตระกูลฮั่ว และตระกูลไท่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน พวกเขาต่างได้รับชัยชนะและพบกับความสูญเสียอย่างเท่าเทียม ดังน้นเฉิงซินซื่อจึงได้วางแผนที่จะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกนางเพื่อเอาชนะในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้นำตระกูลอีกสองคนมีประสบการณ์และจะไม่สร้างความโกลาหลแม้พวกเขาจะจากไปเป็นครั้งคราว แต่เฉินซินซื่อยังเด็กและไร้ประสบการณ์ หากนางจากไปนานเกินไป มันจะสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ภายในกองกำลังของนาง นี่คือเหตุผลที่เฉินซินซื่อต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ที่นี่

แน่นอนว่านางไม่ได้เสี่ยงโดยไม่มีแผนการรองรับ เฉินซินซื่อวางแผนหลังจากค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับศัตรูของนางมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตอนนี้นางมั่นใจกับชัยชนะของตระกูลเฉิงเป็นอย่างมาก

‘หากข้าสามารถเอาชนะสองผู้นำอาวุโสของตระดูลฮั่วและตระกูลไท่ที่นี่ ชื่อเสียงของข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อข้ากลับไปที่ตระกูล สิ่งต่างๆจะเปลี่ยนแปลงไป’ เมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้ ริมฝีปากของนางก็ยกตัวขึ้นขณะที่นางกล่าวเสียงดัง “ข้าหวังว่าทุกคนจะทุ่มเทความพยายามและนำชัยชนะมาสู่ตระกูลเฉิง”

ทุกคนตอบรับอย่างแข็งขัน

เฉินซินซื่อมีเว่ยตี้ซินเป็นผู้พิทักษ์ของนาง ซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิงเป็นผู้ช่วย นางยังมีเซียวเยี่ยนจากสนามประลองของตระกูลเฉิงซึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณคนนอกที่ได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็นนายพลคนสำคัญ สำหรับเจาฉวน เขาทำหน้าที่แทนเฉิงซินซื่ออยู่ที่ฐานทัพใหญ่ของตระกูลเฉิง

เย่ฟานเป็นเหมือนผู้อาวุโสนอกที่ได้รับเชิญ เขาไม่ถือเป็นลูกน้องของเฉิงซินซื่อ

‘ตำแหน่งผู้นำทั้งเหน็ดเหนื่อยและยากลำบาก แต่คุณหนูซินซื่อได้เรียนรู้มากมาย ตอนนี้นางไม่อ่อนแอแล้ว นางกล้าหาญมาก’ เย่ฟานตกตะลึงกับท่าทางอันแน่วแน่และความสง่างามของเฉิงซินซื่อ

“ผู้นำตระกูลเฉิง นี่หมายความว่าอย่างไร?” ครู่ต่อมาผู้นำตระกูลไท่ก็มาถึง

จากนั้นผู้นำตระกูลฮั่วก็มาพร้อมกับคนของเขา เขาถามเฉิงซินซื่อ “สาวน้อย เจ้าพยายามยึดครองสถานที่แห่งนี้งั้นหรือ?”

เฉิงซินซื่อเผยรอยยิ้มบาง “ท่านผู้นำทั้งสอง เราเสียเวลามานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเราควรจะตัดสินผู้ชนะกันที่นี่ตอนนี้งั้นหรือ?”

รูม่านตาของผู้นำตระกูลฮั่วหดเล็กลง

ผู้นำตระกูลไท่หัวเราะและชูนิ้วโป้งให้เฉิงซินซื่อ “ดี เจ้าเป็นผู้บังคับบัญชาที่ยอดเยี่ยม ความจริงก็คือข้าค่อนข้างหงุดหงิดกับการอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน วันนี้เราจะมาต่อสู้ตัดสินแพ้ชนะ!”

ทั้งสามฝ่ายส่งทหารเข้าสู่สนามรบ

เฉิงซินซื่อ เย่ฟาน และตัวตนระดับสูงคนอื่นๆยืนมองการต่อสู้อยู่ที่เดิม

“เปิดใช้ค่ายกล” เฉิงซินซื่อออกคำสั่ง

ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่อยู่ด้านข้างนางลังเล “ยังเร็วเกินไปหรือไม่ที่จะเปิดใช้งานค่ายกลวิญญาณตอนนี้? พวกเขาจะมีเวลามากพอที่จะตอบสนอง”

เฉิงซินซื่อส่ายศีรษะ “ทำมันทันที”

ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานและทำให้ผู้นำตระกูลฮั่วและตระกูลไท่ตื่นตระหนก

เฉินซินซื่อกล่าวเสียงดัง “ค่ายกลนี้สามารถปกป้องชีวิตของผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ใช้วิญญาณจากตระกูลฮั่วและตระกูลไท่เชิญออกมาต่อสู้”

หลังกล่าวจบคำ การแสดงออกของผู้นำตระกูลฮั่วและตระกูลไท่ก็เปลี่ยนแปลงไป

ผู้นำตระกูลไท่หัวเราะเสียงดัง “ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับความใจดีของผู้นำตระกูลเฉิงมานานแล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องจริง ตกลง เรามาต่อสู้จนถึงที่สุด”

ผู้นำตระกูลฮั่วก่นเสียงเย็นและคิดว่า ‘สาวน้อยผู้นี้ช่างน่าเกรงขามนัก นางกล่าวถึงความสามารถอันน่าเหลือเชื่อของค่ายกลวิญญาณออกมาเพื่อแก้ปัญหาความวุ่นวาย นอกจากนั้นหลังจากได้ยินถ้อยคำของนาง พวกเรายังจะสามารถทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ได้อีกงั้นหรือ? ข้าประเมินนางต่ำเกินไปจริงๆ!’

‘เปรียบเทียบกับผู้นำตระกูลคนอื่นๆ คุณหนูซินซื่อใจดีที่สุด นางสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณรูปแบบโจมตี แต่นางกลับเลือกที่จะสร้างสิ่งนี้และลดความได้เปรียบของนางเอง ข้าต้องให้นางยืมมือในภายหลัง’ เย่ฟานคิด

เขาไม่ได้บอกเกี่ยวกับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเขากับเฉิงซินซื่อและคนอื่นๆ

แต่หลังจากฝึกฝนในสวรรค์สีดำ เย่ฟานก็มั่นใจว่าผู้ใช้วิญญาณระดับห้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป

ค่ายกลวิญญาณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้กับผู้ใช้วิญญาณและทำให้พวกเขาปลอดภัย

ในเวลาเดียวกันมันก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้วิญญาณของตระกูลเฉิง

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลไท่และตระกูลฮั่วพยายามตรวจสอบค่ายกลวิญญาณนี้แต่ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จผู้ใช้วิญญาณของตระกูลเฉิงก็กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบไปแล้ว

“ฆ่า!” เมื่อซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิงเข้าสู่สนามรบ ผู้อาวุโสของตระกูลอื่นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

ในไม่ช้าผู้อาวุโสสามคนของตระกูลฮั่วก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกส่งออกจากสนามรบ

“บัดซบ!” ผู้นำตระกูลฮั่วกำหมัดแน่น “ข้าหว่านล้อมให้ตัวตนระดับสูงของตระกูลเฉิงล้มล้างเฉิงซินซื่อแล้ว แต่ผู้ใดจะคิดว่านางจะต้องการต่อสู้ในเวลานี้ ผู้นำตระกูลไท่ก็ใจร้อนเกินไป เขารับคำท้าและตกลงสู่แผนการของนาง หือ?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนตระกูลไท่ นางดูน่ากลัวมาก

นางต่อสู้อย่างกล้าหาญและอาละวาดในสนามรบอย่างไม่หยุดยั้ง

สามพี่น้องแซ่ซ่งต้องการหยุดนางแต่พวกเขากลับถูกส่งออกจากสนามรบโดยไม่สามารถทำสิ่งใด

ดวงตาของผู้นำตระกูลฮั่วเบิกกว้างขึ้น ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่า “ตระกูลไท่มีบุคคลที่น่าทึ่งเช่นนี้อยู่ด้วย แม้ข้าจะออกไปต่อสู้ด้วยตนเองแต่ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”

ในช่วงเวลาาคับขัน เย่ฟานเข้าสู่สนามรบและยืนประจันหน้าผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้นั้น “ท่านหญิง ขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?”

ดวงตาของผู้ใช้วิญญาณหญิงส่องประกายราวกับสายฟ้าขณะที่นางประเมินเย่ฟาน การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความเข้มงวด นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ไท่รั่วหนาน!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท