เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1533 ทะเลสาบหัวใจน้ำแข็ง

บทที่ 1533 ทะเลสาบหัวใจน้ำแข็ง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1533 ทะเลสาบหัวใจน้ำแข็ง

แปลโดย iPAT

ไท่รั่วหนานก่นเสียงเย็นขณะที่นางยกกำปั้นขึ้นรับการโจมตี

“ปัง!”

กำปั้นปะทะฝ่ามือและปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา

พื้นดินแตกร้าวจากแรงกระแทก

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนจะถอยหลังกลับ หลังจากล่าถอยออกไปสิบก้าว พวกเขาก็หยุดและมองหน้ากับขณะที่หอบหายใจอย่างหนักหน่วง

ในเวลานี้ทั้งสองแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่กล้าประมาท

“น่าทึ่ง สองคนนี้มีพลังการต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับของพวกเขา ทั้งสองเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอด!” เฉิงซินซื่อถอนหายใจ ในปัจจุบัน นางรู้บางสิ่งเกี่ยวกับโลกของผู้อมตะจากเฉิงชิงชิง

เย่ฟานมองไปรอบๆก่อนกล่าว “ไท่รั่วหนาน หากเจ้าสามารถรับมือกระบวนท่าต่อไปของข้า ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้!”

ไท่รั่วหนานพยักหน้า “ตกลง”

ผู้ใช้วิญญาณมีพลังวิญญาณที่จำกัด พวกเขาไม่สามารถต่อสู้เป็นเวลานาน แต่ในการต่อสู้ที่รุนแรงก่อนหน้านี้มันทำให้พวกเขาสูญเสียพลังวิญญาณไปมากแล้ว

ดังนั้นไท่รั่วหนานจึงเห็นด้วยกับความคิดของเย่ฟานและเริ่มการตัดสินครั้งสุดท้าย

เย่ฟานสูดหายใจลึกและเริ่มกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของเขา

ท่าไม้ตายวิหคแสง!

“จิ๊บ จิ๊บ”

เสียงนกร้องดังขึ้น

แสงสีรุ้งควบรวมอยู่ที่ฝ่ามือของเขา

มันส่งเสียงนกร้องออกมาก่อนที่จะกลายเป็นวิหคแสงตัวเล็กๆ

กลิ่นอายที่ทรงพลังของวิหคแสงทำให้ไท่รั่วหนานแสดงออกอย่างเคร่งขรึม นางปลดปล่อยควันสีดำออกมาและควบรวมเป็นหน้ากากเหล็กสีดำอยู่บนใบหน้าของนาง

ท่าไม้ตายหน้ากากเหล็ก!

มันเป็นท่าไม้ตายจากมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก หากใช้วิญญาณอมตะเป็นแกนกลาง มันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะ

“ไป” เย่ฟานตะโกนและปล่อยวิหคแสงบินขึ้นสู่อากาศ

วิหคแสงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง

“เข้ามา!” ไท่รั่วหนานกรีดร้องและพุ่งเข้าเผชิญหน้าโดยตรง

ในเวลาต่อมานางก็ชนกับวิหคแสง

ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลไท่อ้าปากค้างเมื่อเห็นไท่รั่วหนานใช้ร่างกายรับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเย่ฟาน

บนก้อนเมฆ ไท่เมี่ยนเฉินยังสงบนิ่ง เขารู้จักพลังอำนาจของท่าไม้ตายหน้ากากเหล็กเป็นอย่างดีและมั่นใจในพลังป้องกันของมัน

“จิ๊บ จิ๊บ”

วิหคแสงพุ่งชนไท่รั่วหนานและกลายเป็นชั้นแสงห่อหุ้มร่างของไท่รั่วหนานเอาไว้ขณะเดียวกันควันสีดำจากร่างกายของนางก็พยายามกัดกร่อนชั้นแสงดังกล่าว

ทั้งสองตกอยู่ในสภาวะชะงักงันและไม่สามารถตัดสินผู้ชนะ

“เมล็ดพันธุ์อมตะของตระกูลเฉิงค่อนข้างดีเช่นกัน” ไท่เมี่ยนเฉินยกย่อง

เฉิงชิงชิงยิ้ม “น่าเสียดาย เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ภายนอก”

ไท่เมี่ยนเฉินพยักหน้า “ท่าไม้ตายของเขาไม่ธรรมดา เขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและทำให้มันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้”

ฮั่วเหยาถอนหายใจด้วยความอิจฉา “เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ล้วนเป็นเสาหลักของตระกูลในอนาคต”

เฉิงชิงชิงรู้สึกสงสัยมาก นางเคยให้คำแนะนำแก่เย่ฟานมาก่อน แต่เขาไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านั้นออกมาในตอนนี้

‘ตระกูลเฉิงของข้ามีระบบสนามประลอง ดังนั้นไท่เมี่ยนเฉินและฮั่วเหยาจึงคิดว่าเขาเป็นเมล็ดพันธุ์ภายนอกที่เราคัดเลือกมา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่กรณีนั้น’

‘เย่ฟานสามารถแสดงความสามารถเช่นนี้ต้องเป็นเพราะการเผชิญหน้าโดยบังเอิญ แน่นอนว่าเขาสามารถสร้างท่าไม้ตายเป็นของตนเอง พรสวรรค์ดังกล่าวไม่สามารถประเมินต่ำ เขามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉิงจริงๆ’

‘หากเราสามารถตรวจสอบต้นกำเนิดของเขาและพบว่ามันไม่มีปัญหา เราจะจ้างเขา ถูกต้อง ดูเหมือนเขาจะชอบเฉิงซินซื่อ เราสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เช่นกัน หากเขาสามารถกลายเป็นผู้อมตะ บางทีเราอาจให้เขาแต่งงานกับเฉินซินซื่อ นี่เป็นเรื่องในอนาคต’

เฉิงชิงชิงคิดและวางแผนการของนาง ในขณะเดียวกันผู้อมตะลึกลับอีกสองคนกำลังวางแผนอยู่ที่ทะเลสาบที่อยู่ใกล้ๆ

ผู้อมตะทั้งสองปกปิดร่องรอยของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาเตรียมตัวมานานแล้ว

หนึ่งในสองเป็นชายวัยเยาว์นามว่าอี้อวี๋ เขาแสดงออกด้วยความกังวล “การเคลื่อนไหวของพวกเราจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้อมตะทั้งสามงั้นหรือ?”

“ไม่” อี้หนานเหมินตอบด้วยความมั่นใจ “หากไม่ใช่เพราะท่าไม้ตายสายตรวจสอบเฉพาะตัวของข้า ข้าจะไม่พบสัตว์อสูรบรรพกาลที่อยู่ใต้ทุ่งหยกร้อนแห่งนี้! ผู้อมตะของตระกูอี้มีทักษะบนเส้นทางแห่งวารี มันยากที่ผู้อมตะทั้งสามจะค้นพบ”

“และตอนนี้เราก็ไม่ได้ลงมือโดยตรง เราเพียงหลอกล่อสัตว์อสูรบรรพกาลที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นและอาละวาดเท่านั้น”

อี้หนานเหมินหยุดก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าผู้อมตะมีวิธีการมากมาย ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ แต่กระทั่งพวกเขาจะค้นพบและเปิดเผยพวกเรา พวกเราก็สามารถอธิบายตัวเอง ตระกูลอี้เป็นกองกำลังใหญ่เช่นกัน พวกเขาอาจสงสัย แต่พวกเขาไม่สามารถต่อสู้เป็นตายกับพวกเรา”

“หากพวกเขาไม่พบสิ่งใดเลย ฮ่าฮ่า เมื่อสัตว์อสูรบรรพกาลออกอาละวาด พวกเขาจะออกมาปราบปรามมันอย่างแน่นอน เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าสามารถลงมือและฆ่าหนึ่งในนั้นเพื่อทำให้ทั้งสามตระกูลสงสัยกันเองและเริ่มต่อสู้!”

อี้หนานเหมินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่อี้อวี๋เป็นผู้อมตะระดับหก ตามแผนการของพวกเขา อี้อวี๋จะเป็นผู้ลงมือลอบสังหาร นั่นหมายความว่าเขามีวิธีการพิเศษบางอย่าง

แต่อี้อวี๋ยังกังวล “ข้ายังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้ หากมันล้มเหลวจะเกิดสิ่งใดขึ้น? หากพวกเขารู้ตัวขณะที่ข้ากำลังใช้งานมัน?”

อี้หนานเหมินแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “นั่นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากพวกเขาค้นพบ ข้าจะใช้ชีวิตของข้าเพื่อขัดขวางพวกเขาและปล่อยให้เจ้าหลบหนีไป ข้าจะไม่ยอมรับว่าข้าเป็นผู้อมตะจากตระกูลอี้แม้ข้าจะต้องตาย เจ้าก็ต้องทำเช่นเดียวกัน!”

“รับทราบ!” อี้อวี๋ไม่กังวลอีกต่อไป ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

อี้หนานเหมินสูดหายใจลึก “ข้าจะเริ่มแล้ว”

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ นี่ทำให้อี้อวี๋มั่นใจมากขึ้น

ในเวลาต่อมาระลอกคลื่นน้ำก็ปรากฏขึ้นที่ทะเลสาบใต้พิภพ สัตว์อสูรที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้นทันที

เย่ฟานและไท่รั่วหนานยังอยู่ในการต่อสู้ตัดสินขณะที่พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือน

“ครืน ครืน…”

น้ำพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินและเริ่มทำลายค่ายกลวิญญาณของตระกูลเฉิง

เสาน้ำขนาดใหญ่หลายสิบต้นสูงหลายสิบเมตรปรากฎขึ้นในทุ่งหยกร้อนโดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท