เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง

บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1535 ความรักที่ผิดที่ผิดทาง

แปลโดย iPAT

“คนผู้นี้คือ?” เย่ฟานเงยหน้ามองฟางหยวนด้วยความสงสัย

ในเวลานี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดถึงคำกล่าวของลั่วเว่ยหยินผู้เป็นอาจารย์

‘ท่านอาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าอินทรีย์ตัวนี้สามารถแก้ไขชะตากรรมของข้า ผู้อมตะผู้นี้เป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวนี้งั้นหรือ? และชะตากรรมของข้าเกี่ยวข้องกับเขางั้นหรือ?’

เย่ฟานไม่รู้จักฟางหยวนเพราะเขาอยู่ในร่างทารกอมตะ เย่ฟานไม่เคยเห็นร่างนี้

เย่ฟานรู้จักรูปลักษณ์ของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน เขาเรียนรู้เรื่องนี้จากผู้คนที่อยู่รอบตัวเฉิงซินซื่อ หลังจากทั้งหมดฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นปีศาจดำขาวที่ถูกประกาศจับ

ร่างกายของสาวใช้เสี่ยวตี้สั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว

นางจำฟางหยวนไม่ได้ นางรู้เพียงว่าเขามีกลิ่นอายที่ทรงพลังและอาจเป็นเจ้าของอินทรีย์ตัวน้อย อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่งมาก แล้วเจ้าของมันจะแข็งแกร่งถึงระดับใด?

เสี่ยวตี้ไม่สามารถจินตนาการได้ นางกลัวว่าฟางหยวนจะมาสร้างปัญหาให้กับพวกนาง

เฉิงซินซื่อกัดริมฝีปากของนาง สายตาของนางมองไปที่ฟางหยวนด้วยความรู้สึกตกใจ สงสัย และความรู้สึกไม่ชัดเจนที่อยู่ในหัวใจของนาง

ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ตกใจและสับสนขณะที่ผู้อมตะรู้สึกหนาวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“นี่…นี่…” ผู้อมตะระดับหกฮั่วเหยาเบิกตากว้างและรู้สึกพูดไม่ออก เขารู้จักฟางหยวน แต่เขาไม่สามารถกล่าวชื่อของฟางหยวนออกมาได้

รูปลักษณ์ของฟางหยวนเหมือนกับหลิวกวนซื่อ

ย้อนกลับไปฟางหยวนปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่เพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

หลิวกวนซื่อและวูอี้ไห่มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันมาก

อย่างไรก็ตาม…หลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน วังสวรรค์ได้ประกาศความจริงที่ว่าหลิวกวนซื่อคือฟางหยวนออกมา

ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าฟางหยวนคือหลิวกวนซื่อและปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ รูปลักษณ์ของร่างทารกอมตะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป

คราวนี้ฟางหยวนมาที่ภาคใต้โดยไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยหรือปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริง

แน่อนนว่ามีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้

ประการแรก เขามีจุดประสงค์ที่ชัดเจน เขาต้องการทวงคืนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด มันไม่มีประโยชน์ที่เขาจะปกปิดตัวตน

ประการที่สอง หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปดและหลังจากสะสมรากฐานมาถึงตอนนี้ เขามั่นใจกับความแข็งแกร่งของตนเอง

ประการที่สาม ฟางหยวนตั้งใจเปิดเผยตัวตนของเขาเพื่อตรวจสอบแผนการของวังสวรรค์และฝ่ายธรรมะ แต่ระห่างทางกลับไม่ปรากฏสิ่งกีดขวางใดๆ

ด้วยเหตุผลหลายประการ ผู้อมตะทุกคนจึงรู้จักฟางหยวน

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด…วูอี้ไห่…เป็นเช่นนี้ อินทรีย์ตัวนี้คืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!” เฉิงชิงชิงเข้าใจสถานการณ์ในที่สุด

“ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด นี่เป็นความจริงที่ทุกคนรู้! ผู้อมตะระดับแปดแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสัตว์อสูรแรกกำเนิด! เราต้องวิ่ง!” อี้อวี๋ที่ซ่อนตัวอยู่กล่าว

ผู้อมตะระดับหกผู้นี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดขาว จิตวิญญาณของเขากำลังสั่นคลอน

“เหตุใดต้องกลัวนัก? เขาอาจไม่พบพวกเรา แม้พวกเราจะต้องการจากไป แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าเราวิ่งเร็วกว่าเขางั้นหรือ?” ผู้อมตะระดับเจ็ดอี้หนานเหมินแสดงออกอย่างน่ากลัว เขาเพิกเฉิยต่อแผนการของตระกูลอี้อย่างสมบูรณ์และพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปกปิดกลิ่นอายของตนเอง

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงขณะที่ไท่เมี่ยนเฉินปรากฏตัวออกมา “ฟางหยวน เจ้ากำลังเป็นที่ต้องการของภาคกลาง ภาคใต้ และภาคเหนือ แต่เจ้ากลับกล้าปรากฏตัวงั้นหรือ?”

ผู้อมตะทั้งหมดที่เห็นสิ่งนี้รู้สึกชื่นชมความกล้าหาญของไท่เมี่ยนเฉินเป็นอย่างมาก

“สมกับเป็นไท่เมี่ยนเฉิน!”

“ผู้อมตะตระกูลไท่ช่างน่าชื่นชมนัก!”

“ณ จุดนี้ ซ่อนตัวไปก็ไร้ประโยชน์ มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เราต้องร่วมมือกันถึงจะมีโอกาสรอด!”

“ถูกต้อง ฟางหยวนสามารถหลบหนีการจับกุมจากคนทั้งโลก เขาต้องมีวิธีการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง หากแยกกัน เขาจะไม่สามารถติดตามเขาและจะถูกสังหารทีละคน ความหวังเดียวของเราคือรวมตัวกันและรอกำลังเสริม!”

ผู้อมตะล้วนไม่ใช่ตัวตนธรรมดา

หลังจากได้ยินคำกล่าวของไท่เมี่ยนเฉิน พวกเขาก็สามารถรวบรวมสติและรวมตัวกันต่อต้านปีศาจอมตะผู้นี้

“หากฟางหยวนพบเรา เราต้องสู้ตายกับปีศาจตนนี้!”

ในช่วงเวลาสำคัญไท่เมี่ยนเฉินก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ

นั่นทำให้ผู้ใช้วิญญาณของทั้งสามกองกำลังเริ่มส่งเสียง

“ดู มีผู้อมตะอีกคนปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”

“โอ้ สวรรค์ ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?”

ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและอยากรู้อยากเห็น

โดยปกติแล้วผู้อมตะจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้ใช้วิญญาณโดยง่าย การปรากฏตัวขึ้นของผู้อมตะสองคนพร้อมกันทำให้พวกเขารู้สึกตกใจมาก

‘เดี๋ยว! ผู้อมตะคนที่สองกล่าวว่ากระไรนะ!? ฟางหยวนงั้นหรือ? เขาเป็นคนที่คุณหนูซินซื่อคิดถึงอยู่ทุกวันงั้นหรือ? แต่รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เหมือนกัน!’ หัวใจของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขามองไปที่เฉิงซินซื่อโดยไม่รู้ตัว

เฉินซินซื่อเงยหน้ามองไปที่ฟางหยวนโดยไม่ละสายตา

เมื่อไท่เมี่ยนเฉินเปิดเผยตัวตนของฟางหยวนออกมา นางเข้าใจทันทีว่าเหตุใดนางถึงมีความรู้สึกลึกลับต่อชายผู้นี้

คนที่นางคิดถึงตลอดเวลาอยู่ตรงหน้า ช่วยไม่ได้ที่เฉิงซินซื่อจะจ้องมองเขาราวกับเวลาได้หยุดลง

อารมณ์ที่นางสะกดข่มมานานปะทุขึ้นในหัวใจของนางในเวลานี้

มันเป็นเพราะฟางหยวนช่วยเหลือนางในช่วงเวลาที่นางอ่อนแอที่สุดงั้นหรือ?

บางครั้งนางก็รู้สึกสงสัยในตัวเอง มันคือความรักหรือไม่?”

หรือบางทีมันอาจเป็นเพียงความกตัญญู?

แต่ตอนนี้เมื่อนางพบฟางหยวนอีกครั้ง แม้รูปร่างหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ความรู้สึกในตัวนางกลับอ่อล้นออกมาราวกับน้ำตา

ในเวลานี้น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง นางสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่านี่คือความรัก!

ความรักที่เหลวไหล ความรักที่ไร้เหตุผล

การพยายามหาคำตอบให้กับความรักเป็นเรื่องที่โง่เขลา

แต่เฉิงซินซื่อเข้าใจว่ามันเป็นความรักที่ผิดที่ผิดทาง

นางรู้ว่านางไม่สามารถรักเขาได้ นางรู้ถึงความแตกต่างระหว่างนางกับเขา แต่นางจะหยุดความรู้สึกของตัวเองได้อย่างไร?

ดังนั้นเฉิงซินซื่อจึงทำตัวไม่ถูก นางทำได้เพียงเฝ้ามองร่างอันสง่างามของฟางหยวนเท่านั้น

นางพยายามเบิกตามองรูปลักษณ์ของฟางหยวนให้ชัดเจน แต่ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของนางกลับไร้ประโยชน์ต่อหน้าร่างทารกอมตะของฟางหยวน

‘ในปัจจุบันข้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะมองหน้าเขางั้นหรือ?’ เฉิงซินซื่อเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งปิติยินดี ทั้งโศกเศร้า ทั้งขมขื่น และที่สำคัญที่สุดคือนางกังวลถึงความปลอดภัยของฟางหยวน

แต่นางเข้าใจความแข็งแกร่งของตนเอง นางเป็นผู้นำตระกูลเฉิง เป็นสมาชิกฝ่ายธรรมะ และเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญ

นางได้เรียนรู้อัตลักษณ์และประวัติของฟางหยวนมาจากเฉิงชิงชิงแล้ว

แต่นางไม่สามารถทำสิ่งใดหรือกล่าวสิ่งใดออกมา นางทำได้เพียงอดทนมองเขาอย่างเงียบๆเท่านั้น

เย่ฟานเฝ้ามองการแสดงออกของเฉิงซินซื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้จากนาง หัวใจของเขาเต้นแรง ความรู้สึกเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีเขาจนถึงจิตวิญญาณ

ความเจ็บปวดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความรักที่มีต่อเฉิงซินซื่อและความเกลียดชังที่มีต่อฟางหยวน

ตอนนี้เขาสามารถยืนยันกับตนเองแล้วว่าผู้อมตะผู้นี้ก็คือฟางหยวน

‘อย่าบอกว่าชะตากรรมที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงคือชะตากรรมระหว่างข้ากับฟางหยวน?’ เย่ฟานคาดเดา

เขาตกใจมากแต่ในไม่ช้าเขาก็สามารถยอมรับมัน

เพราะเขาเคยพบกับไป่หนิงปิงและเกือบเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับลั่วเว่ยหยินและได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง เมื่อคิดย้อนกลับไปเขารู้สึกว่าไป่หนิงปิงน่าจะเป็นผู้อมตะ

ในเวลานั้นฟางหยวนและไป่หนิงปิงเป็นที่รู้จักในนามปีศาจดำขาว หากไป่หนิงปิงเป็นผู้อมตะ ฟางหยวนที่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะในแดนศักดิ์สิทธิ์สามกษัตริย์ของภาคใต้จะเป็นผู้อมตะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท