เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1536 ปราณทรายเหล็ก

บทที่ 1536 ปราณทรายเหล็ก

ทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1536 ปราณทรายเหล็ก

แปลโดย iPAT

“ฟางหยวน ข้ารู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน?”

“นั่นคือราชาอสูรน้อยที่หลอมรวมวิญญาณอมตะบนภูเขาซานชางั้นหรือ?”

“แม้ข้าจะเห็นเขาไม่ชัดแต่ก็เกรงว่าจะเป็นเขา!”

“เขากลายเป็นผู้อมตะไปแล้วงั้นหรือ? เขาต้องพบการเผิชญหน้าโดยบังเอิญ เห้อ…เหตุใดไม่ใช่ข้า?”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณเริ่มแตกตื่น

ทุกคนพูดคุยและระบายความอิจฉาริษยา สถานการณ์เริ่มเร้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขายังติดอยู่กับข่าวเก่า ชื่อเสียงที่แท้จริงของฟางหยวนเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้อมตะเท่านั้น ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์แทบไม่รู้สิ่งใดเลย

ไท่รั่วหนานกำหมัดแน่น

ความขัดแย้งระหว่างนางกับฟางหยวนฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ความเกลียดชังไม่เคยลดลงแม้เวลาจะผ่านไป ตรงข้ามมันเหมือนสุราที่ยิ่งบ่มก็ยิ่งเข้มข้น

แต่ตอนนี้แม้ศัตรูจะอยู่ต่อหน้า ไท่รั่วหนานก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

ฟางหยวนกลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว! หลังจากได้เรียนรู้กับไท่เมี่ยนเฉิน นางได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้ใช้วิญญาณกับผู้อมตะ ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ไม่มีความหวังที่จะแก้แค้นผู้อมตะ

ตอนนี้ความหวังเดียวของไท่รั่วหนานคือไท่เมี่ยนเฉิน นางต้องการเห็นไท่เมี่ยนเฉินฆ่าฟางหยวนอย่างเปิดเผยและมอบความยุติธรรมให้แก่สหายและครอบครัวของนาง

ฟางหยวนมองสามผู้อมตะและหัวเราะ “ข้ามาที่นี่เพื่อนำสิ่งที่ข้าทำหายกลับคืน พวกเจ้าทั้งสามต้องการหยุดข้างั้นหรือ?”

เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาหัวใจเต้นแรก ฟางหยวนกล่าวเบาๆแต่มันกลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้ทั้งสองสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไปทั้งหมด

ชื่อเสียงของฟางหยวนโด่งดังไปทั่วทั้งโลก แม้แต่วูหยงยังถูกเขาปั่นหัว วังสวรรค์ก็ไม่สามารถจับเขาได้หลังจากเวลาล่วงเลยมาอย่างยาวนาน พวกเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะรู้สึกเช่นนี้

ไท่รั่วหนานเต็มไปด้วยความโกรธ “ปีศาจ! แม้จะกลายเป็นผู้อมตะก็ยังคงเป็นปีศาจ! มันเป็นโชคร้ายของผู้คนที่เขาได้รับพลังอำนาจเช่นนี้ เขาสมควรตาย ปีศาจตนนี้ต้องตาย! ฝ่ายธรรมะควรกำจัดสิ่งชั่วร้ายนี้ ฆ่าปีศาจและปกป้องโลก!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ไท่รั่วหนานก็มองไปที่ไท่เมี่ยนเฉินด้วยความคาดหวัง

ในหัวใจของนาง ผู้อมตะของตระกูลไท่ดุจดั่งดวงดาวบนท้องฟ้าที่สามารถทำทุกสิ่ง นางคิดว่าไท่เมี่ยนเฉินสามารถสังหารฟางหยวนได้อย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดฟางหยวนก็เป็นคนรุ่นเดียวกันกับนาง เขากลายเป็นผู้อมตะมานานเท่าใด? เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของไท่เมี่ยนเฉินได้อย่างไร? แต่ในเวลาต่อมาดวงตาที่กล้าหาญของไท่รั่วหนานก็เบิกกว้างขึ้น

ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจกล่าว “โอ้ ฟางหยวน เจ้าอาละวาดไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค เจ้ามีชื่อเสียงมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะสู้ นี่คือปณิธานของข้าและตระกูลไท่!”

“แต่ข้ามีเรื่องที่จะกล่าว เราทั้งคู่ต่างเป็นผู้อมตะ เราไม่ควรนำมนุษย์เหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เหตุใดเราไม่ปล่อยพวกเขาไปก่อนและมาสู้กัน แม้ข้าจะตาย ข้าก็ไม่เสียใจ”

“อันใด? เขากล่าวสิ่งใดออกมา? ท่านไท่เมี่ยนเฉินยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวนงั้นหรือ? นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ไท่รั่วหนานเป็นคนปากแข็ง ข่าวนี้น่าตกใจเกินไปสำหรับนาง

มันทำให้โลกทัศน์ของนางถูกบดขยี้

“ปล่อยมนุษย์ไป? เหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้น? ฮ่าฮ่า”

เขากวาดตามองไปรอบๆ

ความโกรธของไท่รั่วหนานไม่มีค่าให้เขาสนใจ ความโกรธของมดปลวกเป็นความโกรธที่ไร้นัยสำคัญ

แม้เขาจะเชื่อมโยงโชคกับเย่ฟาน แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการเย่ฟานอีกต่อไป การฆ่าคนผู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่า ท้ายที่สุดทุกครั้งที่ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะผลาญวิญญาณระเบิดโชค เย่ฟานก็จะได้รับโชคส่วนหนึ่งไปจากเขา

และเหตุใดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดถึงอยู่กับเย่ฟาน? ฟางหยวนอยากรู้เรื่องนี้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องตรวจสอบ

สำหรับเฉิงซินซื่อ?

สายตาของฟางหยวนแสดงอารมณ์ที่แปลกประหลาดเล็กน้อย

เขาเข้าหาเฉิงซินซื่อก่อนหน้านี้เพื่อใช้ประโยชน์จากนาง แต่ตอนนี้ฟางหยวนตกตะลึงเมื่อพบว่าโชคของเฉิงซินซื่อนั้นน่าตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ!

ฟางหยวนมีวิธีตรวจสอบโชค เฉิงซินซื่อเป็นเพียงมนุษย์ แต่โชคของนางชัดเจนมากในสายตาเขา

เหนือศีรษะของนางมีหมอกขาวหนาทึบที่ถักทอเป็นผ้าคลุมขนนกที่งดงาม ยังมีโชคที่อยู่ใกล้ๆที่เคลื่อนที่เข้ามาอยู่รอบๆผ้าคลุมขนนกของนางตลอดเวลา

‘โชคเช่นนี้ กระทั่งเย่ฟาน หงอี้ หรือฮันหลี่ก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบ เกิดสิ่งใดขึ้น? ด้วยโชคเช่นนี้เฉิงซินซื่อย่อมไม่ใช่คนธรรมดา นางต้องเป็นคนสำคัญในยุคที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน! แปลก…เหตุใดในชีวิตแรกของข้า เฉิงซินซื่อถึงเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์?’

‘เว้นเพียงเจตจำนงสวรรค์จะเปลี่ยนความทรงจำของข้า หรืออาจเป็นเพราะข้าทำลายแผนการท้าทายสวรรค์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณและกลายเป็นผู้นำนิกายเงาคนใหม่ มันทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปและเฉิงซินซื่อได้รับผลกระทบจากมัน แต่เหตุใดต้องเป็นเฉิงซินซื่อ? ข้าเกรงว่านางจะเป็นคนสำคัญของยุคที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!’

ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้น

ต่อมาผนึกที่พันธนาการอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้ก็อ่อนแรงลงจนถึงขีดสุดขณะที่มันกระโจนเข้าหาฟางหยวนด้วยดวงตาแดงก่ำ

‘หือ? แม้ข้าจะปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา แต่ข้าก็สามารถควบคุมมันด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา จิตสังหารของข้าจะไม่กระจายออกไป อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้ถูกควบคุมจริงๆ พันธนาการนั้นยังส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของมันและทำให้มันโจมตีข้า’

ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก เขาไม่ตื่นตระหนกกับการโจมตีของสัตว์อสูรแรกกำเนิด

ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ มันมาถึงด้านหน้าฟางหยวนในเสี้ยวพริบตา กรงเล็บอินทรีย์ฟาดไปที่ฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

แต่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องหลบ

กรงเล็บอินทรีย์ปะทะร่างกายของเขาอย่างไร้ปรานี

เฉิงซินซื่ออ้าปากค้างขณะที่กลุ่มผู้อมตะทั้งประหลาดใจและคาดหวังกับผลลัพธ์

ฟางหยวนถูกส่งลอยกลับหลังแต่เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ ในทางตรงข้ามอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“เราจะโจมตีตอนนี้ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด!” ไท่เมี่ยนเฉินตะโกนขณะพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

เขากล้าหญามาก ด้วยมรดกที่แท้จริงหน้ากากเหล็ก เขากลายเป็นยักษ์เหล็กสูงสิบเมตร

ยักษ์เหล็ดผลักฝ่ามือและส่งปราณสีดำพุ่งออกไปราวกับกระแสน้ำ

“จะมีรูปแบบชีวิตใดที่ไม่ต้องการอิสรภาพ? อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้ไม่ต้องการตกเป็นทาสของฟางหยวน มันต้องการหลบหนี เราจะฉวยโอกาสนี้โจมตีฟางหยวน”

“ฟางหยวนไม่ต้องการแม้แต่จะปล่อยมนุษย์ไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นปีศาจในหมู่ปีศาจ เขาไม่มีอุดมการณ์หรือหลักการใดๆ เราต่องต่อสู้เพื่อหาโอกาสรอดชีวิต!”

ฮั่วเหยาและเฉิงชิงชิงเลือกที่จะโจมตีเช่นกัน

พวกเขาปลดปล่อยท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของตนเองออกมาตั้งแต่เริ่มต่อสู้

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง เขาไม่หลบและปล่อยให้ท่าไม้ตายทั้งสามปะทะร่างของเขา

ในเวลาต่อมาท่าไม้ตายทั้งสามก็สะท้อนกลับไปที่ไท่เมี่ยนเฉิน เฉิงชิงชิง และฮั่วเหยา

เฉิงชิงชิงและฮั่วเหยาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่พวกเขายังสามารถหลบได้

อย่างไรก็ตามไท่เมี่ยนเฉินกลับตะโกน “ข้าจะรับมันไว้!”

เขากระโดดเข้าไปในปราณสีดำที่สะท้อนกลับมา มันไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆแก่เขา นอกจากนั้นเขายังสามารถควบคุมมันได้อย่างช้าๆ

“ฟางหยวน ลองอีกครั้ง!” ไท่เมี่ยนเฉินตะโกนและส่งปราณสีดำออกไปอีกครั้ง

ปราณทรายเหล็กสามารถโจมตีและป้องกัน แม้มันจะถูกสะท้อนกลับมา ไท่เมี่ยนเฉินก็ยังสามารถควบคุมมันได้

สิ่งนี้ทำให้ไท่เมี่ยนเฉินรู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท