เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1538 เขาวงกตโคลนทราย

บทที่ 1538 เขาวงกตโคลนทราย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1538 เขาวงกตโคลนทราย

แปลโดย iPAT

“ท่านอาจารย์!” เย่ฟานพึมพำและมองลั่วเว่ยหยินด้วยความชื่นชมยินดี

หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเย่ฟานก็ได้พบอาจารย์ของเขาอีกครั้ง

“ผู้อมตะระดับแปด?” สองผู้อมตะตระกูลอี้ถูกบังคับให้ปรากฏตัว พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบก่อนหน้านี้ แต่ทันทีที่เขตแดนอมตะถูกสร้างขึ้น พวกเขาก็ถูกบังคับให้ออกมา

“เขาคือผู้ใด? เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของคนใต้ แต่เขาไม่ใช่สมาชิกของฝ่ายธรรมะอย่างแน่นอน!” ไท่เมี่ยนเฉินแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่ากลัว

“โอ้ ชีวิตมันยากลำบาก เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าช่วยหยุดมันหรือไม่?” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่กลุ่มก้อนความคิดจำนวนมากกำลังพุ่งชนกันอยู่ในใจของเขา

‘ชายผู้นี้เป็นคนหน้าซื่อใจคด! เขาสร้างท่าไม้ตายเขตแดนอมตะไว้นานแล้ว เขาสามารถช่วยชีวิตผู้อมตะตระกูลเฉิงและตระกูลฮั่ว แต่เขาเลือกที่จะปรากฏตัวหลังจากนั้น เขาบอกว่าชีวิตเป็นเรื่องยากลำบากและบอกให้ข้าหยุด นี่คือความเมตตาจอมปลอม!!’

‘อย่างไรก็ตามเขายังเป็นผู้อมตะระดับแปด ท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจของข้าทำงานอยู่ตลอดเวลาแต่มันกลับไม่เตือนข้าล่วงหน้า นี่หมายความว่าพลังอำนาจของมันยังด้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม’

‘ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของเขายอดเยี่ยมมาก วิธีตรวจสอบของข้าไม่สามารถค้นพบมัน’

ฟางหยวนคิดกับตนเอง

เขามีวิธีการมากมายที่สามารถปราบปรามผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ด แต่สำหรับผู้อมตะระดับแปด เขายังด้อยกว่า

แต่ฟางหยวนไม่กังวล

เกราะหวนคืนยังเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้เขายังพัฒนามันในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้วังสวรรค์จะสามารถตอบโต้ แต่มันจะส่งผลกระทบต่อเกราะหวนคืนรุ่นก่อนหน้าเท่านั้น มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกราะหวนคืนฉบับปรับปรุงใหม่

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

ฟางหยวนใช้วิธีการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมาอีกครั้ง

“โฮก…”

มังกรดาบบรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในเขตแดนอมตะและพุ่งเข้าโจมตีลั่วเว่ยหยิน

ลั่วเว่ยหยินเผยรอยยิ้มบาง เขาไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย

“สหาย อย่าโกรธมากนัก การเข่นฆ่าไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมด” หลังกล่าวจบคำ เขาก็กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายนี้ทำงานทันที

สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา

แต่ฝนชนิดนี้ไม่ได้เกิดจากน้ำแต่เป็นทราย ทรายโปรยปรายลงมาราวกับสายน้ำ

สนามรบทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยม่านทราย

ท่าไม้ตายอมตะทรายร่วงหล่น!

มังกรดาบบรรพกาลที่ถูกปกคลุมด้วยทรายส่งเสียงคำรามที่อ่อนแรงออกมา ร่างกายของพวกมันกลายเป็นอ่อนแอก่อนจะกลายเป็นไส้เดือนสีขาวตัวเล็กๆขนาดเท่าแขนมนุษย์

‘ท่าไม้ตายนี้!’ การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป เขาตระหนักถึงบางสิ่ง

‘ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวตนของข้าแล้ว’ ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ ‘คนผู้นี้เป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ เขาเป็นต้นกำเนิดของภัยพิบัติ ไม่เพียงเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขายังเติบโตขึ้นมากพอแล้วในเวลานี้ สิ่งที่น่ากังวลก็คือความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์ของเขา เขากระทำการอย่างเหี้ยมโหด นี่เป็นโชคร้ายสำหรับผู้คน’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ลั่วเว่ยหยินก็ตะโกน “สหายผู้อมตะและผู้ใช้วิญญาณ มีคำกล่าวที่ว่าสวรรค์จะช่วยคนที่ช่วยเหลือตัวเอง ตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย พวกเราต้องร่วมมือกันต่อต้านปีศาจตนนี้ วิธีรอดเพียงหนึ่งเดียวคือท่าไม้ตายเขตแดนนี้ หากพวกเจ้าไม่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อต้านปีศาจ ข้าก็ไม่สามารถปกป้องพวกเจ้า”

“ท่านอาจารย์ ท่านต้องการให้พวกเราทำสิ่งใด โปรดชี้แนะพวกเราด้วย!” เย่ฟานตะโกนเสียงดัง

ลั่วเว่ยหยินยิ้มและพยักหน้าให้เย่ฟาน “ข้าเพียงต้องการให้ทุกคนมีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับปีศาจตนนี้”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เย่ฟานพยักหน้า เขามองไปที่ฟางหยวนด้วยความโกรธพร้อมกับเจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่ลุกไหม้ขึ้น

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินลงมาและมองไปที่ฟางหยวนด้วยความเกลียดชัง

“เช่นนั้นเราก็จะร่วมมือด้วย” ไท่เมี่ยนเฉินสงบจิตใจลง แม้ลั่วเว่ยหยินจะดูลึกลับ แต่ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนเป็นศัตรู ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร ไท่เมี่ยนเฉินเลือกที่จะตอบรับคำเรียกร้องของลั่วเว่ยหยิน

อีกด้านหนึ่งสองผู้อมตะตระกูลอี้ก็ตัดสินใจต่อสู้กับฟางหยวนเช่นกัน

สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ การขอให้พวกเขาต่อสู้กับผู้อมตะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมาก แต่ภายใต้อิทธิพลของลั่วเว่ยหยิน พวกเขาจึงสามารถปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ออกมา

“ท่านผู้นำ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับความเมตตา ฟางหยวนผู้นั้นเป็นปีสาจที่ชั่วร้าย เขาจะไม่ตอบสนองความใจดีของท่าน” กระทั่งเว่ยตี้ซินที่อยู่ด้านข้างเฉิงซินซื่อก็ถูกกระตุ้น

“พอแล้ว ข้าจะไม่เป็นศัตรูกับท่านพี่ไห่ถูแม้เขาจะฆ่าข้าก็ตาม” เฉินซินซื่อส่ายศีรษะด้วยความแน่วแน่

คนรอบข้างนางต่างถอนหายใจ

ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆไม่พอใจกับทัศนคติของเฉิงซินซื่อ แต่เนื่องจากสถานะของนางและสถานการณ์ในเวลานี้ พวกเขาจึงไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา

ลั่วเว่ยหยินเห็นทุกคนเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้และเผยรอยยิ้มสดใส

“ดี” เขากล่าวและหันหน้าไปทางฟางหยวน “ข้าต้องการให้เจ้าประเมินท่าไม้ตายของข้า กำแพงโคลน”

ท่าไม้ตายอมตะกำแพงโคลน!

เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของทุกคนถูกเขตแดนอมตะดูดซับเข้าไป

ฟางหยวนตื่นตัวมาก เขาไม่ได้โจมตีและเลือกที่จะเฝ้ามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ในเวลาต่อมากำแพงโคลนก็ปรากฏขึ้นขึ้นรอบตัวเขา

ฟางหยวนยิ้มและโจมตีกำแพงเหล่านั้น

แต่กำแพงโคลนกลับก่อขึ้นขึ้นอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันพลังโจมตีของฟางหยวนที่ได้รับผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะทรายร่วงหล่นและทำให้มันอ่อนกำลังลงอย่างมาก

ท่าไม้ตายอมตะเขาวงกตหกทิศทาง!

ลั่วเว่ยหยินกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายที่สาม

จิตใจของฟางหยวนถูกรบกวน!

ในที่สุดลั่วเล่ยหยินก็เผยเขี้ยวเล็บของเขาออกมา

ท่าไม้ตายอมตะทรายร่วงหล่น กำแพงโคลน และเขาวงกตหกทิศทางหลอมรวมเป็นหนึ่งและก่อตัวเป็นเขาเขตแดนอมตะเขาวงกตโคลนทรายขนาดใหญ่ปิดล้อมฟางหยวนเอาไว้อย่างสมบูรณ์

การผสานท่าไม้ตายอมตะทั้งสามเข้าด้วยกันทำให้มันสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าทึ่งออกมา

การรับรู้ทิศทางของฟางหยวนลดลง เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ที่ใด

เขาพยายามเดินไปตามกำแพงแต่เขากลับลืมเส้นทางที่ผ่านมาอย่างสมบูรณ์

เขาพยายามโจมตีกำแพงแต่การโจมตีที่ปะทะกำแพงกลับอ่อนกำลังลงอย่างมาก

‘ดูเหมือนข้าจะใช้พละกำลังเพื่อหนีออกจากที่นี่ไม่ได้ ข้าต้องหาจุดอ่อนของเขตแดนนี้และโจมตีมัน!’ ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้

เขานั่งลงและเริ่มใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาทุกประเภท

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท