เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1539 แก้ไขฟางหยวน

บทที่ 1539 แก้ไขฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1539 แก้ไขฟางหยวน

แปลโดย iPAT

เมื่อฟางหยวนติดอยู่ในเขตแดนอมตะเขาวงกตโคลนทราย สถานการณ์ก็เริ่มเกิดเสถียรภาพ

ดวงตาของไท่เมี่ยนเฉินส่องประกายขึ้น เขาบินลงไปทักทายลั่วเว่ยหยิน “ผู้อาวุโส เราจะสังหารปีศาจฟางหยวนผู้นี้อย่างไร?”

ลั่วเว่ยหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกชีวิตสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ แม้ฟางหยวนจะเป็นปีศาจต่างโลก แต่เขาก็มีชีวิต เราจะกล่าวเรื่องการสังหารโดยง่ายได้อย่างไร?”

ไท่เมี่ยนเฉินตะลึง สองผู้อมตะตระกูลอี้บินเข้ามาขณะที่อี้หนานเหมินกล่าวด้วยความกังวล “ผู้อาวุโส เราจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? ปีศาจตนนี้บาปหนานัก เขาเป็นภัยพิบัติของโลกใบนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา เราจะเมตตาเขาอย่างผิดๆได้อย่างไร?”

อี้อวี๋กระตุ้น “ผู้อาวุโส หากเราไม่ฆ่าเขาในวันนี้ เขาจะทำลายโลกและเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆในอนาคต มันจะยิ่งเลวร้าย ความตายของเขาเกี่ยวกับโชคชะตาของโลกใบนี้”

แต่ลั่วเว่ยหยินยังส่ายศีรษะ “คำกล่าวของพวกท่านต่างมีเหตุผล แต่มันก็มีความลำเอียงเช่นกัน โลกนี้ไม่มีคนชั่วโดยสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดเกิดมาเป็นฆาตกร มิฉะนั้นเหตุใดเราจึงต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้และสังหาร มนุษย์มีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในหัวใจ ไม่มีผู้ใดชั่วร้ายอย่างบริสุทธิ์และไม่มีความดีที่บริสุทธิ์ แม้ฟางหยวนจะเป็นปีศาจที่มือเปื้อนเลือด เขาก็ไม่ได้เกิดมาเป็นคนชั่ว”

“คนที่ถูกเกลียดชังมีเหตุผลที่น่าสงสารเสมอ ทุกสิ่งในโลกใบนี้ล้วนมีเหตุและผล สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนเป็นในวันนี้คือกรรมจากเมื่อวาน เนื่องจากฟางหยวนสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนชั่ว แล้วเหตุใดเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นคนดีในอนาคต?”

“เขาแข็งแกร่งและมีวิธีการมากมาย หากเขาอยู่บนเส้นทางของฝ่ายธรรมะ เขาจะนำพรมาสู่โลกใบนี้ เขาจะช่วยผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เหตุใดเราไม่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น?”

คำกล่าวของลั่วเว่ยหยินทำให้ไท่เมี่ยนเฉิน อี้หนานเหมิน และอี้อวี๋ตกตะลึง

ผู้อมตะระดับแปดลึกลับต้องการแก้ไขฟางหยวน!

“เนื่องจากผู้อาวุโสมีเป้าหมายดังกล่าว ผู้น้อยก็จะรอชมความสำเร็จของผู้อาวุโส” ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจ

ผู้อมตะตระกูลอี้มองหน้ากัน

พวกเขาสามคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อมตะระดับแปดลั่วเว่ยหยินเพื่อจัดการกับฟางหยวน

ลั่วเว่ยหยินมีวิธีการที่น่าเหลือเชื่อ แม้เขาจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันและจัดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเอาไว้ล่วงหน้า สัญญาณเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเขาสามารถกำจัดฟางหยวน

แต่เมื่อพิจารณาถึงบทสนทนาก่อนหน้า เขากลับมีเป้าหมายที่ไร้สาระเช่นการแก้ไขฟางหยวน เขาต้องการเปลี่ยนปีศาจให้เป็นนักบุญผู้กอบกู้โลก

‘ข้าเกรงว่าผู้อมตะระดับแปดผู้นี้จะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนบุคลิกของฟางหยวน’ อี้อวี๋คาดเดา

อี้หนานเหมินกล่าวออกมาโดยตรง “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยพวกเรา แต่ข้าขอให้ผู้อาวุโสเปิดเขตแดนนี้และปล่อยพวกเรากลับตระกูล”

ผู้อมตะตระกูลอี้มาที่นี่เพื่อจัดการกองกำลังตระกูลไท่ ตระกูลเฉิง และตระกูลฮั่ว แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน การปรากฏตัวของฟางหยวนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขา

สองผู้อมตะตระกูลอี้ค่อนข้างโชคร้ายที่เป้าหมายของพวกเขาล้มเหลวก่อนที่มันจะได้เริ่มต้น

ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่ต้องการอยู่ต่อ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องการจากไป

ไท่เมี่ยนเฉินมองสองผู้อมตะตระกูลอี้ด้วยสายตาเคร่งขรึมแต่เขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา

ลั่วเว่ยหยินส่ายศีรษะ “สหาย อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเปิดเขตแดน หากทุกคนออกไป ข้าเกรงว่าอาจมีการส่งรายงานและขอกำลังเสริมมาที่นี่เพื่อกำจัดฟางหยวน เรื่องนี้ขัดกับเป้าหมายของข้า ดังนั้นพวกเจ้าควรรออยู่ที่นี่ก่อน”

“นี่…” สามผู้อมตะมองหน้ากัน

ภายในเขตแดนอมตะ พวกเขาไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอก เนื่องจากพวกเขาอ่อนแอกว่าทั้งฟางหยวนและลั่วเว่ยหยิน พวกเขาจึงทำได้เพียงเชื่อฟังและเตรียมความพร้อมของตนเองเท่านั้น

“ท่านอาจารย์ ฟางหยวนสามารถเปลี่ยนเป็นฝ่ายธรรมะได้จริงๆงั้นหรือ?” เย่ฟานถามด้วยความสงสัย

ลั่วเว่ยหยินหันกลับมาและตบศีรษะเย่ฟานเบาๆ “ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งสิ้น ข้ายินดีที่จะให้โอกาสเขาสำนึกผิดและเปลี่ยนเป็นคนใหม่ หากเขาทำ ข้าแน่ใจว่านี่จะเป็นพรที่ยิ่งใหญ่แก่โลกใบนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์”

“จะทำได้จริงหรือ?” เฉินซินซื่อถามด้วยความลังเล สามารถมองเห็นความคาดหวังในดวงตาของนาง

นางอยู่บนเส้นทางของฝ่ายธรรมะมาทั้งชีวิต นางไม่ต้องการให้คนที่นางรักเดินบนเส้นทางสายปีศาจโดยไม่หวนกลับ

จากมุมมองของเฉินซินซื่อ ฟางหยวนถูกจับแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าลั่วเว่ยหยินทรงพลังมากและฟางหยวนกำลังตกอยู่ในอันตราย ในเวลานี้หากฟางหยวนกลับตัว ไม่เพียงมันจะเป็นพรอันยิ่งใหญ่ แต่เขายังสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้

“แน่นอน มันเป็นไปได้ ผู้คนเปลี่ยนแปลงได้ เลวได้ก็ดีได้ เฉิงซินซื่อ เจ้าคิดว่าฟางหยวนเป็นคนเลวโดยเนื้อแท้หรือไม่?” ลั่วเว่ยหยินถามด้วยรอยยิ้ม

เฉินซินซื่อส่ายศีรษะด้วยทัศนคติที่มั่นคง “ข้าจะไม่โกหกผู้อาวุโส ข้าเชื่อว่าฟางหยวนไม่ได้เกิดมาชั่วร้าย ข้าสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่เย็นชาของเขา แต่ภายใต้สิ่งนี้ ข้ายังสัมผัสได้ถึงความเศร้าอันไร้จุดสิ้นสุด”

ลั่วเว่ยหยินพยักหน้า “ความเข้าใจของเจ้าค่อนข้างลึกซึ้ง ข้ารู้ว่าเขาเคยช่วยเหลือเจ้ามาก่อน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเจ้ามากที่สุด”

เฉิงซินซื่อมึนงงก่อนถาม “ผู้อาวุโส ข้าจะช่วยเขาได้อย่างไร?”

ลั่วเว่ยหยินยิ้ม “ง่ายมาก เจ้าเพียงต้องสนับสนุนและกระตุ้นให้เขาละทิ้งความชั่วและกลับตัวเป็นคนดี ท่าไม้ตายของข้าสามารถทำให้ผู้คนสัมผัสกับชีวิตและความตาย พวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงความแปรปรวนของวิถีมนุษย์และลืมความชั่วร้ายในหัวใจ สุดท้ายพวกเขาจะกลายเป็นคนใหม่”

“เราทุกคนล้วนมีธรรมชาติเป็นของตนเอง แต่ประสบการณ์ชีวิตของเราก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เฉิงซินซื่อ หากเจ้าส่งเจตจำนงของเจ้าเข้าไป ฟางหยวนจะรับรู้ได้อย่างแน่นอน ปล่อยให้เขาได้สัมผัสกับความงามของชีวิตและปลุกความดีงามในหัวใจของเขาขึ้นมา”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำแนะนำ” สายตาของเฉิงซินซื่อเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ก่อนที่เจตจำนงของนางจะลอยเข้าไปในเขตแดนอมตะของลั่วเว่ยหยินเหมือนเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของคนอื่นๆที่เข้าไปก่อนหน้านี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้จิตใจของลั่วเว่ยหยินก็ผ่อนคลายลง เขาคิด ‘ด้วยโชคของเฉิงซินซื่อที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา เราจะไม่ถูกโชคของฟางหยวนสะกดข่ม ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย’

ในสวรรค์สีขาว เฉินอี้บินผ่านท้องฟ้ามาด้วยความเร็วสูง

เขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางและอสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจว อาการบาดเจ็บของเขาถูกปกคลุมด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันสาหัสมาก

เฉินอี้มีวิธีรักษาที่น่าประทับใจ แต่อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามหัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่า

‘ข้าล้มเหลวจริงๆ!’

‘นอกจากข้าจะล้มเหลวในการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ข้ายังแพ้ในการต่อสู้และไม่สามารถสังหารชิงโจว เห้อ…ข้าโลภมากเกินไป พวกเขาใช้ประโยชน์จากมัน นี่เป็นความผิดของข้า มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด!’

เฉินอี้รู้สึกเสียใจมาก

เขาไม่สามารถให้คำอธิบายกับเทพธิดาจื่อเว่ย และในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เขารู้สึกละอายใจต่อบรรพชนเป็นอย่างมาก

‘หลังจากกลับไปข้าจะลาออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์และปิดประตูฝึกตน! ข้าหวังว่าจะสามารถทวงคืนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้หลังจากนั้น!’

เฉินอี้ตัดสินใจแล้ว เขาจำเป็นต้องชดใช้ความผิดพลาดในครั้งนี้ มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุข

เขาบินมาหลายวัน ตอนนี้ภาคกลางอยู่ไม่ไกลแล้ว แต่ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนกลับเข้ามาหาเขา

“ท่านเฉินอี้ อดทนไว้ พวกเรารอท่านอยู่” สามผู้อมตะระดับเจ็ดกล่าว

พวกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

“เหตุใดพวกเจ้า…” เฉินอี้ไม่เข้าใจ

หนึ่งในสามผู้อมตะระดับเจ็ดมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้เฉินอี้

เฉินอี้ตรวจสอบและตระหนักว่ามันเป็นจดหมายจากเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยขอให้เฉินอี้ชดใช้ความล้มเหลวของเขา เขาต้องมุ่งหน้าไปยังสวรรค์สีขาวของภาคเหนือเพื่อทำภารกิจที่นั่น

‘เทพธิดาจื่อเว่ยสมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจริงๆ’ เฉินอี้ลอบถอนหายใจ

“ท่านเฉินอี้ โปรดชี้แนะพวกเราด้วย” สามผู้อมตะระดับเจ็ดถาม พวกเขาเป็นเพียงผู้ส่งสารและไม่รู้ว่าพวกเขาต้องทำสิ่งใดต่อไป

เฉินอี้มองคนทั้งสาม “วังสวรรค์มอบภารกิจใหม่เกี่ยวกับฟางหยวน ตามข้ามา!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท