เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1548 มรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพ

บทที่ 1548 มรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1548 มรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพ

แปลโดย iPAT

กระทั่งฟงจิวเก้อยังมึนงงเมื่อเห็นวิญญาณสติปัญญา

นี่คือวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!

มันอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก มันเป็นวิญญาณหลักของเทพอมตะกลุ่มดาว มันเป็นที่รู้จักของทุกคน แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะอยู่ที่นี่และอยู่ต่อหน้าฟงจิวเก้อในเวลานี้

“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีวิญญาณสติปัญญาอยู่จริงๆ!” ฟงจิวเก้อตกใจมากและไม่สามารถควบคุมตนเอง

แต่ไม่นานเขาก็สงบจิตใจลง

ดวงตาของเขาส่องประกายสว่างไสว เขาตรวจสอบวิญญาณสติปัญาอย่างใกล้ชิดและพบว่ามันเป็นวิญญาณที่ทรงพลังมาก!

ความคิดหนึ่งเข้าครอบงำจิตใจของฟงจิวเก้อ นั่นคือนำวิญญาณสติปัญญาระดับเก้าออกไป!

ท่าไม้ตายอมตะเพลงรับสมบัติ!

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายนี้ด้วยพลังทั้งหมด กลิ่นอายระดับแปดปะทุขึ้น

เพลงรับสมบัติสามารถช่วยฟงจิวเก้อปรับแต่งวิญญาณอมตะป่าได้โดยตรง มันเป็นเพลงที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่สงบ

ขณะที่เขาร้องเพลง วิญญาณสติปัญญาเริ่มเคลื่อนไหว

“วิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกตกใจมากเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้

วิญญาณสติปัญญาถูกซ่อนไว้ที่หุบเขาเหล่านี้โดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสามเผ่าพันธุ์เป็นคนนอก พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้

แต่ตอนนี้ฟงจิวเก้อได้ทำลายสภาพแวดล้อมและเผยการคงอยู่ของวิญญาณสติปัญญาออกมา

“เราไม่สามารถปล่อยให้เขานำวิญญาณสติปัญญาออกไป! ขัดขวางเขาเร็วเข้า!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องและออกคำสั่งด้วยความวิตกกังวล

เขากล่าวเสริม “แต่ระวัง อย่าทำลายมัน!”

แม้เขาจะไม่เตือน แต่ผู้อมตะทั้งหมดก็เข้าใจถึงความสำคัญของวิญญาณอมตะระดับเก้าเป็นอย่างดี

แต่การขัดขวางฟงจิวเก้อโดยไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณสติปัญญาที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต้องควบคุมค่ายกลวิญญาณอย่างเต็มที่เพื่อโจมตีฟงจิวเก้อ

ฟงจิวเก้อคำรามขณะกระตุ้นใช้นักรบเพลง

นักรบเพลงรับสมบัติบินเข้าไปหาวิญญาณสติปัญญาขณะที่นักรบเพลงอื่นๆช่วยป้องกันการโจมตี

วิญญาณสติปัญญาสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดทำให้มันบินหนีไป

นักรบเพลงรับสมบัติออกไล่ล่าแต่ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

เหตุการณ์นี้ทำให้หัวใจของฟงจิวเก้อจมดิ่งลง วิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้าแต่เพลงรับสมบัติเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันไม่ส่งผลกระทบต่อวิญญาณสติปัญญา

‘หากไม่ได้รับก็ต้องทำลาย!’ ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของฟงจิวเก้อก่อนที่เขาจะปฏิเสธมันทันที นี่คือวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า การทำลายมันคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่

นอกจากนั้นมันยังเป็นวิญญาณหลักของเทพอมตะกลุ่มดาว หากเขาได้รับมัน มันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก

ฟงจิวเก้อไม่ยินดียอมแพ้

“หยุด!” ฟงจิวเก้อพุ่งเข้าไปหาวิญญาณสติปัญญา

วิญญาณสติปัญญาบินอย่างรวดเร็วแต่ฟงจิวเก้อก็ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ

วิญญาณสติปัญญารู้สึกถึงภัยคุกคามจากฟงจิวเก้อ ดังนั้นมันจึงปล่อยแสงแห่งปัญญาออกมา

แสงแห่งปัญญา!

ฟงจิวเก้อถูกแสงแห่งปัญญาปกคลุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในทันที ความคิดนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา สติปัญญาของเขาพุ่งสูงขึ้น สายตาของเขากลายเป็นเฉียบแหลม

คำถามและปัญหาทั้งหมดในการบ่มเพาะของเขากำลังได้รับการแก้ไข แม้เขาจะไม่ได้รับคำตอบทันที แต่ปัญหาคอขวดที่สำคัญมากมายก็ถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย

“โอ้ ไม่!” ฟงจิวเก้อเป็นตัวตนในตำนาน หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ เขากัดลิ้นและพยายามบังคับตนเองให้ถอยห่างออกไป

หลังจากล่าถอยออกมา เขาทำได้เพียงมองวิญญาณสติปัญญาหลบหนีไปเท่านั้น

“ช่างยอดเยี่ยมนัก เพียงช่วงเวลาสั้นๆ อายุขัยของข้าก็ถูกกลืนกินไปมากแล้ว!” ตอนนี้เส้นผมของฟงจิวเก้อเปลี่ยนเป็นสีขาวไปอย่างสมบูรณ์

“ภารกิจในครั้งนี้คือการจับตัวฟางเจิ้งและยึดครองภูเขาตงฮัน นี่เป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากเทพธิดาจื่อเว่ย แต่ผู้ใดจะคิดว่ามีวิญญาณสติปัญญาอยู่ที่นี่ ข้าได้พยายามเต็มที่แล้วแต่ไม่สามารถนำมันมาได้ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังไม่สามารถปรับแต่งมัน มิฉะนั้นพวกเขาคงทำไปนานแล้ว!”

ความคิดของฟงจิวเก้อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นของพวกมันเอง

วิญญาณอมตะป่าดึงดูดผู้อมตะเสมอ

โดยเฉพาะเมื่อวิญญาณอมตะป่าดวงนี้เป็นวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!

“หากพวกเขาปรับแต่งวิญญาณสติปัญญา ข้าคงไม่สามารถฉกชิงมันได้ แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป ข้าต้องกลับไปแจ้งวังสวรรค์และนิกายเกี่ยวกับเรื่องนี้ คราวหน้าที่เราบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เราต้องนำมันกลับไป!”

ฟงจิวเก้อสูดหายใจลึก เขามองไปที่วิญญาณสติปัญญาด้วยความปรารถนาก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะนี้ใช้วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดเป็นแกนกลาง มันมีชื่อว่า นำพามนุษย์ มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ยิ่งใหญ่ เหลียงเหลียง ฟงจิวเก้อไม่คุ้นเคยกับมันมากนักแต่มันก็มีประสิทธิภาพสูงมาก

มันสามารถขนสงผู้คนไปที่ใดก็ได้ในโลกใบนี้

“วูบ…”

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา ฟงจิวเก้อหายไป ณ จุดเกิดเหตุ

หลังจากชั่วครู่ยักษ์สวรรค์ก็มาถึง

“บัดซบ! ฟงจิวเก้อหนีไปแล้ว! สิบนิกายโบราณของภาคกลาง ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไป!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความเสียหายและเต็มไปด้วยความโกรธ

ภาคใต้ ในเขตแดนอมตะเขาวงกตโคลนทราย

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจยาว

ผ่านไปสามชาติภพแต่ฟางหยวนยังไม่กลับใจ

“ข้าคิดผิดไป”

“ข้าคิดว่าความเกลียดชังและความโกรธเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟางหยวนกระทำความชั่ว”

“แต่ความจริงก็คือเขามีอารมณ์มากมาย เขาไม่ได้ขาดสิ่งใด แม้เขาจะไล่ล่าความแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับมัน”

“สิ่งที่ผลักดันให้เขาทำเช่นนี้คือเป้าหมายของเขา เป้าหมายนี้ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจของเขา แม้จะผ่านไปกี่ร้อยชาติ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง”

“คนผู้นี้ไม่สามารถแก้ไข”

“ท่านอาจารย์…” เย่ฟานพึมพำเบาๆ

ในเวลานี้ไม่เพียงเขาแต่กระทั่งเฉิงซินซื่อและคนอื่นๆก็ตื่นขึ้นแล้ว

ทุกคนตกอยู่ในความมึนงงหลังจากผ่านไปสามชาติภพในอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขากำลังลิ้มรสความรู้สึกอันลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ลั่วเว่ยหยินมองไปรอบๆและหยุดสายตาที่เฉิงซินซื่อ

ดวงตาของนางแดงก่ำ นางเกือบร้องไห้ ความโศกเศร้าของนางปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน นางมีความผูกพันทางอารมณ์กับฟางหยวนอย่างลึกซึ้งทั้งสามชาติภพ

ลั่วเว่ยหยินลอบพยักหน้าอย่างลับๆก่อนจะกล่าวกับทุกคน “ข้าล้มเหลว ปีศาจตนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เขากำลังจะแหกคุกและหลบหนี ไปกันเถอะ”

เย่ฟานตกใจ “ท่านอาจารย์ เรามีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน”

ลั่วเว่ยหยินเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไปกันเถอะ”

ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์รู้สึกสับสนขณะที่ไท่เมี่ยนเฉินและผู้อมตะตระกูลอี้ทั้งสองมีข้อสงสัย

ไท่เมี่ยนเฉินถามโดยตรง “ท่านแซ่ลั่วและเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปฐพี ท่านเป็นผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะสวรรค์พิภพเช่นนั้นหรือ?”

ลั่วเว่ยหยินพยักหน้า “นั่นคือข้า”

“เป็นเช่นนี้” ผู้อมตะตระกูลอี้ถอนหายใจ พวกเขาแสดงความเคารพต่อลั่วเว่ยหยินทันที

พวกเขาไม่สงสัยคำกล่าวของลั่วเว่ยหยิน

วิธีการต่อสู้ของลั่วเว่ยหยินเหมือนกับเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขามีทักษะในการวางกับดักและเปลี่ยนแปลงศัตรู นี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเทพอมตะสวรรค์พิภพอย่างชัดเจน

ท่ามกลางผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมด เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นคนใจดีและมีเมตตาที่สุด เขารักษาโลกใบนี้ด้วยตัวเขาเองเพียงผู้เดียวและสามารถหยุดความวุ่นวายหลังจากยุคของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

แต่ด้วยเหตุผลบางประการ เทพอมตะสวรรค์พิภพกลับไม่ได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์ เขาอยู่ที่ภาคใต้และกระทั่งทิ้งมรดกที่แท้จริงสวรรค์พิภพไว้ที่นี่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท