เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1543 ฝ่ายธรรมะของมนุษย์

บทที่ 1543 ฝ่ายธรรมะของมนุษย์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1543 ฝ่ายธรรมะของมนุษย์

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

“หากต้องการฆ่าข้า เจ้าต้องจ่ายค่าตอบแทน!” ผู้อมตะระดับเจ็ดของภาคกลางตะโกน เขารู้ว่าเขาไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์สวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องการต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย

ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังทำให้ยักษ์สวรรค์ถอยหลังไปหลายก้าว

แต่นั่นคือทั้งหมด

“ปัง!”

ยักษ์สวรรค์ตบมือและเปลี่ยนผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นั้นให้กลายเป็นเนื้อบด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้อมตะภาคกลางคนที่สามตายไปแล้ว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างเต็มที่

ยักษ์สวรรค์หันหน้ากับไปเย้ยหยันฟงจิวเก้อ “โอ้ ฟงจิวเก้อ แม้เจ้าจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดแล้วอย่างไร? เจ้าหยุดข้าจากการฆ่าสหายของเจ้าได้หรือไม่? พวกเจ้ากล้าบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาของข้า ข้าจะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นสุสานของพวกเจ้า!”

ฟงจิวเก้อโกรธจัด ยักษ์สวรรค์มีพลังการต่อสู้ระดับแปดที่แท้จริง แม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเฉพาะตัวของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดยักษ์สวรรค์จากการสังหารผู้อมตะคนอื่นๆ

“ในกรณีนี้ข้าก็ต้องทำมันตอนนี้” การแสดงออกของฟงจิวเก้อกลายเป็นน่ากลัว

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกสังหรณ์ร้าย “เจ้าพยายามทำสิ่งใด?”

ฟงจิวเก้อยิ้ม “ไม่มีสิ่งใดพิเศษ ข้าเพียงเลียนแบบเจ้า”

เขาบินลงจากทวีปเมฆาและไปยังทวีปผมดำ

มนุษย์ขนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่รู้ว่าภัยพิบัติกำลังจะมาเยือน

“หยุด!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบังคับยักษ์สวรรค์พุ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้ออย่างรวดเร็ว

แต่ฟงจิวเก้อใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทำลายเมืองของมนุษย์ขนทันที มนุษย์ขนหลายหมื่นคนเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ

ดวงตาของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขากรีดร้อง “ฟงจิวเก้อ! เจ้าเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เจ้าทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มเย็นชา “ฝ่ายธรรมะของข้าคือฝ่ายธรรมะของมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ ตั้งแต่เมื่อใดที่มนุษย์กลายพันธุ์ถือว่าตนเองเท่าเทียมกับมนุษย์เช่นพวกเรา”

ฟงจิวเก้อกล่าวขณะบินไปเมืองอื่น

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยายามหยุดเขา แต่เช่นเดียวกับที่ฟงจิวเก้อไม่สามารถหยุดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจากการเข่นฆ่าผู้อมตะภาคกลาง เขาไม่สามารถหยุดฟงจิวเก้อจากการสังหารหมู่เผ่ามนุษย์ขน

ฟงจิวเก้อไม่สนใจชีวิตของผู้อมตะภาคกลางเหล่านั้นมากนัก พวกเขามาจากต่างนิกายโดยเฉพาะเมื่อทั้งสิบนิกายมีความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาห่วงใยเผ่ามนุษย์ขน เขามีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ต่อเผ่ามนุษย์ขนและมันคือจุดอ่อนของเขา

การโจมตีทั้งหมดของฟงจิวเก้อถูกต่อต้านโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา นั่นทำให้ผู้อมตะภาคกลางคนอื่นๆปลอดภัย

ขณะที่สถานการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากำลังเลวร้าย ที่ภาคใต้ในเขตแดนเขาวงกตโคลนทราย ลั่วเว่ยหยินรู้สึกประหลาดใจ

“หือ แปลก แปลกมาก!” เขารู้สึกไม่แน่ใจ “ท่าไม้ตายของข้าเลียนแบบเขตแดนอมตะสนามรบกลับชาติมาเกิด มันใช้เขาวงกตโคลนทรายเป็นรากฐานเพื่อสร้างอาณาจักรแห่งความฝัน มีผู้คนมากมายเข้าร่วมในอาณาจักรแห่งความฝันนี้และพวกเขาล้วนเป็นตัวตนชั้นสูง ความฝันนี้ทรงพลังมาก ข้าทำได้เพียงส่งอิทธิพลต่อมันแต่ไม่สามารถควบคุมมันได้”

“ฟางหยวนผู้นี้มีความรักและความผูกพันของครอบครัวอยู่ภายในใจ นอกจากนั้นเขายังมีความปรารถนาในโชคลาภ อำนาจ และความแข็งแกร่ง แต่เหตุใดอาณาจักรแห่งความฝันถึงล้มเหลวในการยับยั้งเขาในตอนท้าย?”

มรดกที่แท้จริงแห่งคุณธรรมในอาณาจักรแห่งความฝันไม่ใช่สิ่งที่สมมติขึ้นแบบสุ่ม แต่มันเป็นการจัดเตรียมของลั่วเว่ยหยิน

เป้าหมายหลักของเขาคือการบังคับให้ฟางหยวนทำความดีและสะสมคุณธรรมเพื่อเปลี่ยนเขาจากเส้นทางสายปีศาจสู่เส้นทางของสายธรรมะ

กระบวนการทั้งหมดประสบความสำเร็จตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เมื่อลั่วเว่ยหยินคิดว่าเขาจะประสบความสำเร็จ ฟางหยวนกลับหลุดพ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน

สถานการณ์นี้ทำให้ลั่วเว่ยหยินรู้สึกสับสนมาก

เขาคิดเกี่ยวกับมันแต่ยังไม่สามารถทำความเข้าใจ

“ลืมมันไปซะ แม้ชีวิตหนึ่งจะจบลง แต่ยังเหลืออีกสองชีวิต ข้าจะแก้ไขเจ้าอีกครั้ง” ลั่วเว่ยหยินสูดหายใจลึกขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ชีวิตที่สองในอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวน เขากลายเป็นนายน้อย

ตระกูลของเขาเป็นมหาอำนาจที่ปกครองอาณาเขตอันกว้างใหญ่ ปู่ของเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง พ่อแม่ของเขาเป็นผู้อมตะทั้งคู่ พวกเขามีอำนาจสูงสุด

ในฐานะบุตรชายคนเดียวของครอบครัว ฟางหยวนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่แรกเกิด

เขามีความสุขกับโชคลาภและความหรูหราตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเขาเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่น เขากลายเป็นนายน้อยที่ไร้ค่าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

แม้เขาจะขี้เกียจมากและไม่ต้องการฝึกฝน แต่ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว พวกเขาใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของเขา

เมื่อฟางหยวนอายุสิบหกปี แม้เขาจะใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย แต่เขาก็เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอดไปแล้ว

ฟางหยวนลืมตัวตนของเขา เขาลืมความฝันก่อนหน้านี้ เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและไร้กังวล

เมื่อเขาคิดว่าชีวิตของเขาจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ครอบครัวของเขากลับถูกโจมตีโดยจักรพรรดิปีศาจ

จักรพรรดิปีศาจผู้นี้มีพลังการต่อสู้กึ่งระดับเก้า เขาแข็งแกร่งและชั่วร้าย ตระกูลของฟางหยวนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ตระกูลใช้จ่ายทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากกองกำลังฝ่ายธรรมะอื่นๆ

ในการต่อสู้ครั้งใหญ่ ปู่และพ่อของเขาเสียชีวิต แต่จักรพรรดิปีศาจก็หายตัวไป มีข่าวลือแพร่กระจายออกมาว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว

อย่างไรก็ตามมันทำให้ชีวิตของฟางหยวนตกต่ำลงอย่างมาก แม่ของเขาไม่สามารถดูแลฐานที่มั่น ในไม่ช้าทั้งคู่ก็ถูกกองกำลังอื่นกวาดล้าง

แต่การเอาตัวรอดไม่ใช่ปัญหา เขามีแม่คอยปกป้อง

อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีต่อมาจักรพรรดิปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่เขาทำคือตามหาตระกูลของฟางหยวนและสังหารสมาชิกทั้งหมด

มันเป็นฉากที่น่าอนาถ ฐานที่มั่นของพวกเขากลายเป็นซากปรักหักพัง ซากศพสามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง

สุดท้ายเหลือฟางหยวนเพียงผู้เดียว

“ปีศาจ ข้าจะฆ่าเจ้า!” เขาตั้งใจที่จะตายและโจมตีจักรพรรดิปีศาจโดยไม่ลังเล

แต่จักรพรรดิปีศาจกลับหัวเราะเย้ยหยัน เขาเป่าฟางหยวนลงไปนอนอยู่บนพื้นด้วยลมหายใจเดียว

เขาเหยียบศีรษะฟางหยวนและหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าเกลียดข้าใช่หรือไม่? ข้าสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังอันยิ่งใหญ่ของเจ้า เพราะการเผชิญหน้าของเจ้าในวันนี้เหมือนกับข้าในเวลานั้น ข้าเป็นเพียงมนุษย์ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของข้า แม้ชีวิตจะยากลำบาก แต่เราก็มีความสุข อย่างไรก็ตามผู้ใช้วิญญาณจากตระกูลของเจ้ากลับเข่นฆ่าครอบครัวของข้า ข้ารอดชีวิตมาได้และสาบานว่าจะแก้แค้น โชคดีที่สวรรค์ไม่ได้ตาบอด ข้าพบการเผชิญหน้าโดยบังเอิญและกลายเป็นผู้อมตะ ในที่สุดข้าก็สามารถแก้แค้นได้ในวันนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฟางหยวนดิ้นรนอย่างหนัก จักรพรรดิปีศาจหัวเราะอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็เหยียบกะโหลกของฟางหยวนและระเบิดมัน

สามวันต่อมา ในถ้ำอันเงียบสงบ ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้น

“ข้าไม่ได้ตายไปแล้วงั้นหรือ?” เมื่อเขาตระหนักว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ เขารู้สึกตกใจมาก

แต่ไม่นานภาพบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

แม่ของเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะกับเขาอย่างลับๆ ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้

“บุตรของข้า ท่าไม้ตายนี้สามารถปกป้องดวงวิญญาณของเจ้าและทำให้เจ้าฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในอนาคต หากท่าไม้ตายนี้ทำงาน แม่อยากให้เจ้ามีชีวิตที่ดี อย่าแก้แค้นเพื่อพวกเรา” แม่ของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนก็หลั่งน้ำตาออกมา

เขาเข้าใจแล้วว่าเข้าฟื้นขึ้นมาเพราะแม่ของเขา

เขาฟื้นคืนชีพ แต่แม่ของเขาไม่สามารถ นางใช้โอกาสเดียวของนางเพื่อฟางหยวน

นี่คือความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นมารดา

ฟางหยวนรู้สึกปวดร้าว ความเกลียดชังในหัวใจของเขาสะสมเป็นคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำ

หลังจากร้องไห้อยู่ชั่วครู่ ฟางหยวนก็คุกเข่าลงบนพื้น เขาสาบานว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตไม่ว่าเขาจะต้องจ่ายด้วยราคาเท่าใด เขาก็จะกำจัดปีศาจตนนั้นและแก้แค้นให้กับพ่อแม่ พรรคพวก และเพื่อตัวเขาเอง

ฟางหยวนเริ่มฝึกฝนตนเองอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เขาทำงานหนัก เขานอนหลับน้อยมากและยังกินอาหารอย่างเร่งรีบ

หลังจากฟื้นคืนชีพ แม้ร่างกายของเขาจะเปลี่ยนไป แต่พรสวรรค์ของเขาก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบ

เขามีมรดกของตระกูลและรากฐานที่อุดมสมบูรณ์

ในสถานที่ที่เขาฟื้นคืนชีพ แม่ของเขาทิ้งวิญญาณ์จำนวนมากเอาไว้

เขาบ่มเพาะอยู่ในถ้ำอย่างสันโดษ แปดปีต่อมาเขาประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะและได้รับมิติช่องว่างระดับสูง

แต่การบ่มเพาะระดับหกยังไม่เพียงพอต่อการกำจัดจักรพรรดิปีศาจ

ความปรารถนาที่จะแก้แค้นทำให้เขาเดินหน้าต่อไปด้วยความมุ่งมั่น

เขาใช้ทรัพยากรที่แม่ของเขาทิ้งไว้เบื้องหลังและออกผจญภัยไปทั่วโลก

ในช่วงเวลานี้เกือบทั้งโลกได้ยอมจำนนต่ออำนาจของจักรพรรดิปีศาจตนนั้นไปแล้ว ในกรณีที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า เขาก็คือตัวตนอันดับหนึ่ง

ฟางหยวนเข้าร่วมกองกำลังต่อต้านปีศาจ

แต่จักรพรรดิปีศาจตนนั้นทรงพลังเกินไป ไม่ว่ากองกำลังต่อต้านปีศาจจะมีจำนวนมากเพียงใด พวกเขาก็ยังถูกกวาดล้างไปอย่างรวดเร็ว

สถานการณ์ค่อยๆเลวร้ายลง ผู้อมตะจำนวนมากยอมจำนนต่อจักรพรรดิปีศาจและกลายเป็นลูกน้องของเขา

ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มขึ้น แต่กระทั่งเขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิปีศาจ

เขายังต้องเผชิญหน้ากับลูกน้องของจักรพรรดิปีศาจ เส้นทางการบ่มเพาะของเขายากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง ในหลายสถานการณ์เขาต้องพึ่งพาโชคเพื่อเอาชีวิตรอด เขาผ่านความยากลำบากและความเจ็บปวดมากมาย นั่นทำให้ความเกลียดชังในหัวใจของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเขามีประสบการณ์มากขึ้น เขาก็เริ่มพูดน้อยลง

“อายุขัยของข้าเหลือไม่มากแล้ว” ฟางหยวนมองใบหน้าแก่ชราของเขาที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำและกล่าวด้วยความกังวล

“โปรดขายวิญญาณอายุยืนให้ข้า ข้าจะจ่ายด้วยวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสามดวง!” เขาพบผู้อมตะผู้หนึ่งที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

แต่ผู้อมตะผู้นี้ส่ายศีรษะ “วิญญาณอายุยืนหายากมาก ข้ามีมันน้อยเกินไป ไม่ว่าเจ้าจะเสนอวิญญาณอมตะมากมายเพียงใด แต่ข้าจะใช้พวกมันได้อย่างไรหากข้าตายไปแล้ว เชิญกลับไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท