เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1554 เปิดเผยตําแหน่ง

บทที่ 1554 เปิดเผยตําแหน่ง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและเสร็จสิ้นการทําธุรกรรมกับฟางหยวนในที่สุด

การแลกเปลี่ยนเป็นไปอย่างรวดเร็ว

“นี่คือวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋างั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากระตุ้นใช้งานมันก่อนที่การแสดงออกของเขาจะเปลี่ยนเป็นไม่น่ามอง

“พวกเขาเตรียมตัวมาดีจริงๆ!”

วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ถูกทิ้งไว้โดยกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง

ฟางหยวนเคยถูกติดตามตัวด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาจื่อเว่ย เขาได้เรียนรู้จากความล้มเหลวครั้งนั้นและมั่นใจว่าฟงจิวเก้อจะทิ้งมาตรการลับบางอย่างเอาไว้สําหรับการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

“ฟางหยวน เจ้าเดาถูก เราต้องกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้นออกไป! เมื่อเจ้ากลับมา เราจะย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวอย่างจริงจัง

แม้ฟงจิวเก้อจะเดินทางมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณทองแดนอมตะ แต่การวางแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไว้ในตําแหน่งเดิมก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาด

องค์ชายฟงเซี่ยนจากไปแล้ว มิฉะนั้นการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์จะทําให้เกิดความปั่นป่วนและจะเป็นการเปิดเผยตําแหน่งของมันออกมา

ลมพัดผ่านใบหน้าของฟางหยวนขณะที่เขาบินอยู่บนท้องฟ้า

เขาต้องการจับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่แผนการของเขาล้มเหลว แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เขาต้องขอบคุณวังสวรรค์สําหรับเรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากภายนอก จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่มอบความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมให้เขา

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังต้องใช้พลังงานอย่างมากในการเจรจาเกลี้ยกล่อมจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

หลังจากสิ้นสุดการสื่อสาร ฟางหยวนมุ่งหน้ากลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันทีเพื่อนำวิญญาณสติปัญญากลับคืนและรับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

มันจะดีที่สุดสําหรับวิญญาณสติปัญญาที่จะไม่ขนส่งมันผ่านสวรรค์สีเหลือง มิฉะนั้นวิญญาณอมตะระดับเก้าจะสร้างความโกลาหลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้วังสวรรค์จะรู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของวิญญาณสติปัญญา แต่การที่พวกเขารู้กับคนทั้งโลกรู้เป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สําหรับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะตัดสินใจมอบมันให้กับฟางหยวน แต่เขาก็จะมอบมันให้เขาที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเท่านั้น

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตระหนักถึงอันตรายในการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์และรู้สึกกดดันกับการเผชิญหน้ากับวังสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงต้องการให้ฟางหยวนกลับไป เขายังเจรจากับเผ่ามนุษย์หินเพื่อขอยืมมังกรหินที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดมาปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกด้วย

‘หลังจากกลับไป ไม่เพียงข้าต้องนาวิญญาณสติปัญญากลับคืนและรับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่ข้ายังต้องใช้แสงแห่งปัญญาถอดรหัสท่าไม้ตายอมตะที่ฟงจิวเก้อใช้บุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยารวมถึงการซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากนี้…แม้ข้าจะติดอยู่ในเขตแดนของลั่วเว่ยหยินแต่ข้าก็ได้รับข้อมูลในเชิงลึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งความฝันสามชาติ ภพ บางทีข้าอาจใช้แสงแห่งปัญญาเพื่อทําความเข้าใจมัน’

เมื่อคิดถึงลั่วเว่ยหยิน สายตาของฟางหยวนก็กลายเป็นมือครื้ม

เขาเกือบแน่ใจแล้วว่าลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ ความสามารถในปัจจุบันของฟางหยวนไม่เพียงพอที่จะจัดการคนผู้นี้

ในความเป็นจริงฟางหยวนยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้น ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือเกราะหวนคืนที่สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด สําหรับทักษะด้านอื่นๆ เขายังธรรมดามากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดที่แท้จริง

‘หือ?’ ทันใดนั้นการแสดงออกของฟางหยวนก็เปลี่ยนแปลงไป เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของอาภรณ์วิญญาณ

‘ไม่ดีแล้ว บางคนกําลังอนุมานตําแหน่งของข้าและมันเป็นวิธีที่ทรงพลังมาก แน่นอนว่ามันต้องเป็นฝีมือของผู้อมตะระดับแปดที่ยอดเยี่ยม!’

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์ภูตผีทันที

อาภรณ์วิญญาณผสานเป็นหนึ่งเดียวกับผนึกภูตผี

อาภรณ์วิญญาณเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่หลังจากมันผสานตัวเข้ากับท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีระดับเก้า มันกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะที่มีพลังอํานาจเท่ากับจุดสูงสุดของระดับแปด

“โอ้?” ตอนนี้เป็นคราวของเทพธิดาจื่อเว่ยที่ต้องประหลาดใจ

นางมั่นใจมากแต่ผู้ใดจะคิดว่าการอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนจะกลายเป็นเรื่องยากไปอย่างกะทันหัน

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลานที่อยู่ด้านข้างถาม

“มันค่อนข้างซับซ้อน ข้ามีวิญญาณอมตะขีดจํากัดความมืดของฟางหยวนรวมถึงตัวฟางเจิ้ง สองสิ่งนี้เป็นเบาะแสสําคัญ แต่ขากลับไม่สามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวน” เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “น่าเสียดาย หากเป็นก่อนหน้านี้ ข้าคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เขาทําให้ภูเขาตงฮันระเบิด แม้ต้นกําเนิดที่แท้จริงจะเกิดจากเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่ฟางหยวนก็มีส่วนร่วมในการสร้างความเสียหายให้กับกระดานหมากรุกกลุ่มดาว ด้วยสิ่งนี้ ข้าจะอนุมานตําแหน่งของเขาได้อย่างแน่นอน”

หลังกล่าวจบคํา เทพธิดาจื่อเว่ยก็ดีดนิ้วก่อนที่ผู้อมตะระดับแปดผู้หนึ่งจะเดินเข้ามา

“ท่านหญิงจื่อเว่ย มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้?” คนผู้นี้ก็คือเฉินอี้ เดิมที่เขาถูกมอบหมายให้ไปเป็นกำลังเสริมของฟงจิวเก้อ แต่หลังจากฟงจิวเก้อกลับมา งานของเขาก็สิ้นสุดลงและถูกเรียกตัวกลับมายังวังสวรรค์โดยเทพธิดาจื่อเว่ย

“ใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของเจ้า ข้าต้องพึ่งพาพลังอํานาจของเจ้าเพื่อสรุปตําแหน่งของฟางหยวน” เทพธิดาจื่อเว่ยออกคําสั่ง

เฉินอี้โค้งคํานับและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมทันที

ด้วยพลังอํานาจของท่าไม้ตายในตํานานนี้ร่วมกับกระดานหมากรุกกลุ่มดาว ในที่สุดเทพธิดาจื่อเว่ยก็ค้นพบตําแหน่งของฟางหยวน

“บัดซบ!” ในจังหวะที่ตําแหน่งของฟางหยวนถูกค้นพบ อาภรณ์ภูตผีก็ระเบิดขึ้นทันที

ความเชื่อมต่อระหว่างอาภรณ์วิญญาณกับผนึกภูตผีพังทลายลง ผนึกภูตผีปลอดภัยไร้ปัญหา แต่อาภรณ์วิญญาณแทบถูกทําลายในครั้งเดียว

“ตําแหน่งของข้าถูกเปิดเผยแล้ว!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท