เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1557 ตอบโต้

บทที่ 1557 ตอบโต้

บทที่ 1557 ตอบโต้

“ตาย!” จิ้งหลานตะโกนเสียงดัง ดวงตาของนางส่องประกายด้วยความยินดีขณะที่นางมองลําแสงที่ระเบิดขึ้นบนร่างของฟางหยวน

นางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีพลังการต่อสู้สูงมาก แต่นางต้องอยู่ภายใต้เงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาตลอดชีวิต นางตื่นขึ้นจากการจําศีลเพราะการระเบิดของภูเขาตงฮันและเมื่อนาง เห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับโดยไม่สามารถต่อต้าน มันทําให้ความรู้สึกที่นางเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจปะทุออกมา

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษ ข้าตื่นขึ้นในเวลาที่ดีจริงๆ ด้วยการฆ่าผู้สืบทอดของเจ้าข้าจะสามารถกําจัดความหวาดกลัวที่ มีต่อเจ้าออกจากหัวใจของข้า!”

“ข้าจะตัดหัวฟางหยวนไปให้เจ้าและเจ้าจะถูกข้าฆ่าเช่นกัน! ฮ่าฮ่าฮ่า วันหนึ่งเจ้าจะต้องตายด้วยมือของข้าช่างน่าเหลือเชื่อนัก นี่เหมือนกับความฝันจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจของนาง

แต่ในจังหวะนี้จึงหลานกลับได้ยินเสียงเตือน “มีบางอย่างผิดปกติ หยุดเดี๋ยวนี้!”

“มันสายไปแล้ว!” ดวงตาของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและเจตนาสังหาร แต่ในไม่ช้านางก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

“เสียงนี้ค่อนข้างคุ้นเคยถูกต้อง มันคือจื่อเว่ย! เดี๋ยว! นางหมายความว่าอย่างไร?” จิ้งหลานคิด

เจตนาสังหารของนางลดลงทันที

นางพยายามถอนตัว

“สายไปแล้ว!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สายตาที่ตื่นตระหนก และหวาดกลัวก่อนหนานี้หายไปอย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจ

เขาสะบัดร่างมังกรดาบบรรพกาลแต่เขาไม่ได้หลบ ตรงข้าม เขาพุ่งเข้าไปหาท่าไม้ตายของจิ้งหลาน!

ลําแสงลึกลับปะทะร่างของฟางหยวนอย่างรุนแรง แต่ตอนนี้เกราะหวนคืนของเขากลับมีลักษณะที่แตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงมันจะฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แต่มันยังปรากฏร่องรอยของแสงลึกลับบางอย่าง

เกราะหวนคืนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

สถานการณ์กลายเป็นพลิกผัน

การโจมตีของจิ้งหลานไม่สามารถทําลายเกราะหวนคืนและยังถูกสะท้อนกลับไปอย่างราบรื่น

“อันใด!?” รูม่านตาของจิ้งหลานหดเล็กลง แม้นางจะมีประสบการณ์มากมาย แต่การแสดงออกของนางยังเผยให้เห็นถึงตกใจและความหวาดกลัว

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้แม้ฟางหยวนจะสามารถสะท้อนท่าไม้ตายของนางกลับไป แต่นางก็สามารถดูดซับมันและอดทนต่อความเสียหาย

แต่การโจมตีนี้แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่นางทุ่มเทสุดกําลัง

หากนางประสบความสําเร็จ แน่นอนว่าไม่เพียงเกราะหวนคืนจะถูกทําลาย แต่มันยังสามารถสังหารฟางหยวน อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายที่นางมั่นใจกับถูกสะท้อนกลับมาอย่างสมบูรณ์

จิ้งหลานบังคับให้ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง ดังนั้นระยะห่างระหว่างคนทั้งสองจึงค่อนข้างแคบ อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลายเป็นจิ้งหลานที่ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะหลบเลี้ยง อารมณ์ของนางผันผวนเพราะเงาของเทพปีศาจจิตวิญญาณหยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจของนางและยังมีเหตุผลอีกประการหนึ่ง นั่นคือสภาพในปัจจุบันของนางยังห่างไกลจากจุดสูงสุดอยู่มาก

นางเป็นผู้อมตะระดับแปดบนจุดสูงสุด นางมีความสามารถในการเคลื่อนไหวในกําแพงภูมิภาค แต่ร่างกายของนางไม่ใช่ร่างทารกอมตะ นางจะได้รับผลกระทบย้อนกลับไม่มากก็น้อย

ในขณะที่นางเป็นฝ่ายไล่ล่าฟางหยวนและอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ นางเต็มไปด้วยความพึงพอใจและความเกลียดชัง ดังนั้นนางจึงมองข้ามบางสิ่ง แต่ตอนนี้นางต้องหลบหนีและเป็นเพียงเวลานี้ที่นางค้นพบว่าสภาพของนางเลวร้ายมาก

ด้วยเหตุผลทั้งหมด จิ้งหลานจึงไม่สามารถหลบและต้องเผชิญหน้ากับลําแสงที่พุ่งเข้ามาเท่านั้น

“บึม!”

ลําแสงปะทะร่างของจิ้งหลานและระเบิดแสงอันเจิดจ้าออกมา กระทั่งฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลยังต้องปิดเปลือกตาลง

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

ฆ่า!

เขาแทบไม่สามารถแยกแยะร่างของจิ้งหลานกับรัศมีแสงสีขาว

ชุดเกราะสีดําทมิฬที่ดุร้ายของนางพังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

เมื่อถูกโจมตี นางจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติทันที

ฟางหยวนอ้าปากเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมขณะพุ่งเข้าไปหาจิ้งหลาน

ด้วยร่างกายใหญ่โตของมังกรดาบบรรพกาล ฟางหยวนส่งกรงเล็บออกไป

“บัดซบ! ข้าตกลงสู่หลุมพรางของเขาจริงๆ!” ในวังสวรรค์ ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเบิกกว้างขึ้นด้วยความโกรธ “เกราะหวนคืนถูกแก้ไขทําให้มันก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ เกราะหวนคืนก่อนหน้านี้ เป็นกับดักที่เขาเตรียมไว้จัดการข้าฟางหยวน นึกไม่ถึงว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของ เจ้าจะสูงถึงระดับนี้!”

เดิมทีเทพธิดาจ่อเว่ยประเมินฟางหยวนไว้ค่อนข้างสูง แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้ากลับเหมือน การตบหน้านางอย่างแรง

นางคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด ตั้งแต่การต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน นางเริ่มรวบรวมข้อมูลและพยายามอนุมานวิธีตอบโต้เกราะหวนคืนเสมอมา ในการต่อสู้ระหว่างฟางหยวนกับฟงจิ๋วเก้อ เทพธิดาจื่อเว่ยได้อนุมานอย่างเต็มที่อยู่เบื้องหลัง กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกเดินทางมาในครั้งนี้ นางรู้สึกว่าความเข้าใจของนางเพียงพอแล้วและในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ แต่นางไม่เคยคาดหวังว่าทั้งหมดจะเป็นกับดักของฟางหยวน

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวนเหนือความคาดหมายของเทพธิดาจื่อเว่ยไปไกลมาก

“แต่มันเป็นไปได้อย่างไร? เดี๋ยว! เขายืมพลังของวิญญาณสติปัญญาหรือไม่? แต่วิญญาณสติปัญญาดุร้ายมาก มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งและใช้งานมัน ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ด้วยความช่วยเหลือจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แม้พวกเขาจะมีพลังงานอมตะระดับเก้า แต่พวกเขาก็ต้องใช้เจตจํานงของผู้อมตะระดับเก้าในการปรับแต่งมันตามบันทึกของวังสวรรค์ หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า นางยังต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งร้อยปีในการกําหราบและปรับแต่งวิญญาณสติปัญญาระดับเก้า!”

เทพธิดาจ่อเว่ยรู้สึกมีนงง

เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของนาง

“ผู้อาวุโสจิ้งหลานได้รับความเสียหายครั้งใหญ่จากการโจมตีนี้ นางต้องอดทน!” เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้คิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดนี้ แน่นอนว่านางตระหนักถึงพลังอํานาจของมัน ท่าไม้ตายสายตรวจสอบของเทพธิดาอเว่ยที่วางไว้บนร่างของจิ้งหลานถูกทําลายไปในโจมตีครั้งนี้ นี่ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ได้อีก

นางส่งเร่งเฉินอี้และคนอื่นๆไปยังกําแพงภูมิภาคเพื่อเป็นกําลังเสริมให้กับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

อย่างไรก็ตามตัวนางยังอยู่ในวังสวรรค์

ราชันมังกรให้ความสําคัญกับการเลี้ยงดูฟงจินฮวง เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องได้รับการเฝ้าระวังตลอดเวลา ดังนั้นเทพธิดาอเว่ยจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

เสียงแตกหักดังมาจากร่างของจิ้งหลาน

กรงเล็บมังกรของฟางหยวนแทงทะลุหน้าอกของนาง

แต่ในช่วงเวลาสําคัญเกราะสายฟ้ากลับปรากฏขึ้นบนหน้าอกของจิ้งหลานด้วยตัวของมันเอง

เมื่อกรงเล็บมังกรปะทะเกราะสายฟ้าดังกล่าว ฟางหยวนรู้สึกราวกับกําลังโจมตีกําแพงเหล็กที่แข็งที่สุด

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปด แม้ผู้อมตะจะไม่รู้สึกตัว แต่มันสามารถทํางานได้ด้วยตัวของมันเอง

อย่างไรก็ตามตอนนี้เกราะสายฟ้าของจิ้งหลานยังไม่สมบูรณ์

ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้กําลังทั้งหมดของเขาฉีกกระชากมัน

กรงเล็บมังกรโจมตีอย่างต่อเนื่องและตัดเนื้อของจิ้งหลานจากไหล่ซ้ายไปถึงเอวด้านขวา เกราะสายฟ้าถูกแยกออก กระดูกซี่โครงสามชิ้นของจิ้งหลานถูกตัดออกจากร่างด้วยกรงเล็บของฟางหยวน

ขณะที่กรงเล็บมังกรไม่บุบสลาย!

พลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาเกราะหวนคืนเอาไว้

หากปราศจากเกราะหวนคืน กรงเล็บมังกรอาจแตกเป็นชิ้นๆไปแล้ว

ความเจ็บปวดที่รุนแรงปลุกจิ้งหลานให้ตื่นขึ้น นางเป็นผู้อมตะระดับแปดและเคยเป็นคู่ปรับของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นางเต็มไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นนางจึงตระหนักถึงสถานการณ์อย่างรวดเร็วและกรีดร้องออกมา

แต่มันไม่ใช่เสียงกรีดร้องธรรมดา มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ!

ฟางหยวนขมวดคิ้วแต่เขายังปลอดภัย

ในทางตรงข้ามการโจมตีด้วยเสียงของจิ้งหลานถูกสะท้อนกลับไปด้วยเกราะหวนคืน

แก้วหูของจิ้งหลานระเบิดทันที จิตใจของนางตกสู่ความโกลาหลขณะเลือดจํานวนมากไหลออกมาจากใบหู จมูก และดวงตาของนาง

จิ้งหลานมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่อาจเป็นเพราะนางพึ่งตื่นขึ้นจากการจําศีลหรืออาจเป็นเพราะนางสะดุ้งตื่นอย่างกะทันหันจากความเจ็บปวดหลังจากตระหนักถึงอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรง จิตใต้สํานึกของนางจึงตอบสนองเพื่อป้องกันตัวเองทันทีโดยลืมการคงอยู่ของเกราะหวนคืนไปอย่างสิ้นเชิง นั่นทําให้นางทําเรื่องผิดพลาด มันกลายเป็นการทําร้ายตัวนางเองอีกครั้ง

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อฆ่านาง

เขาสะบัดหางมังกรกระแทกร่างของจิ้งหลานอย่างไร้ปรานี

จิ้งหลานทุ่งกระแทกพื้นและฝากหลุมลึกไว้ที่นั่น

“บัดซบ! จิ้งหลานพยายามลุกขึ้น

อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก ชุดเกราะของนางหายไปแล้ว กระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางถูกแยกออก หัวใจและปอดของนางสามารถมองเห็นได้จากภายนอก

“โฮก…”

ฟางหยวนเปิดปากและส่งลมหายใจมังกรออกไปอย่างต่อเนื่อง

ลมหายใจมังกรปะทะร่างของจิ้งหลานราวกับน้ำตก

จิ้งหลานที่พึ่งลุกขึ้นถูกบังคับให้คุกเข่าลงข้างหนึ่ง

“ข้าถูกบังคับให้คุกเข่าโดยผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ!?” ความรู้สึกอัปยศทําให้จิตใจของจิ้งหลานเต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

“อ๊าก….” ด้วยเสียงคํารามแห่งความโกรธ สายฟ้าสีน้ำเงินปะทุออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างกายของนาง

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าสีน้ำเงินก่อตัวเป็นกําแพงสายฟ้าครึ่งวงกลมและขับไล่ทุกสิ่งออกไปจากบริเวณนั้น

ลมหายใจมังกรที่ปะทะกําแพงสายฟ้าถูกทําลายทั้งหมด

“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดไม่ธรรมดาจริงๆ แต่การเคลื่อนไหวนี้ควรจะเป็นการเคลื่อนไหวสุดท้ายของเจ้าแล้วถูกต้องหรือไม่? ตายซะ! หมื่นมังกร!” ฟางหยวนคำราม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท