เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1563 เมิ้งตู๋

บทที่ 1563 เมิ้งตู๋

บทที่ 1563 เมิ้งตู๋

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแดนน้ําแข็ง ทางทิศเหนือของเมืองหมึก ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทุ่งพิษ และทางใต้สุดของเผ่าเมิ้งมีสถานที่ที่เรียกว่าทุ่งใบมีดร่วงโรย

มันเป็นที่ราบที่ไม่มีต้นหญ้าเติบโตขึ้น

เมิ้งตู๋เดินหน้าไปทีละก้าวบนทุ่งใบมีดร่วงโรย

คนผู้นี้มีรูปร่างสูงใหญ่และมีผิวสีทองแดง เขาสวมชุดเกราะที่เผยให้เห็นไหล่ กางเกงของเขาม้วนขึ้นเผยให้เห็นต้นขา

เขากําลังเดินด้วยเท้าเปล่า

พื้นดินดูธรรมดาแต่มันคมราวกับใบมีด ขณะที่เมิ้งตู๋เดินอยู่บนพื้นเหล่านี้ ทุกย่างก้าวของเขาจะทิ้งรอยเลือดเอาไว้เบื้องหลัง

แต่การแสดงออกของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาปิดเปลือกตาและขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะครุ่นคิดถึงความสงสัยที่อยู่ในใจ

“ทุ่งใบมีดร่วงโรยเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งใบมีด ข้าเดินด้วยเท้า เปล่าอยู่ที่นี่มานานหลายปีแต่สิ่งที่ข้ายังขาดคือระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกระบี่ของข้างั้นหรือ?”

เส้นทางแห่งกระบี่เป็นเส้นทางสายเล็กๆ มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับเส้นทางสายหลักเช่น เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งปฐพี และอื่นๆ

เส้นทางแห่งกระบี่ เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งใบมีดเป็นเส้นทางที่มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก

เพราะพวกมันมีที่มาเดียวกันคือวิญญาณใบมีด

เกี่ยวกับวิญญาณใบมีด มันถูกบันทึกไว้ในตํานานมนุษย์คนแรก เมื่อมนุษย์คนแรกติดอยู่ในเหวธรรมดา ในสถานที่แห่งนี้บางแห่งเป็นโคลนที่เน่าเหม็น บางแห่งเต็มไปด้วยหนามแหลม บางแห่งยังมีวิญญาณใบมีดอยู่บนพื้น เมื่อมนุษย์คนแรกเหยียบลงไป ฝ่าเท้าของเขาจะได้รับบาดเจ็บจากความแหลมคมของใบมีด บางแผลของเขาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและมีเลือดไหลออกมา มันเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขา

วิญญาณใบมีดเป็นต้นกําเนิดของเส้นทางแห่งใบมีด เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งกระบี่

วิญญาณใบมีดเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ทุ่งใบมีดร่วงโรยเป็นหนึ่งในสถานที่เพียงไม่กี่แห่งใน ห้าภูมิภาคที่ผลิตวิญญาณชนิดนี้ขึ้นมาและมันอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าเมิ้ง

เมิ้งตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกระบี่ เขาเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็กและ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและเป็นหนึ่งในเสาหลักของเผ่าเมิ้ง

หลายปีก่อนเขาขออนุญาตจากผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเพื่อมาที่ทุ่งใบมีดร่วงโรยแห่งนี้ ด้านหนึ่งเขาต้องการดูแลแหล่งทรัพยากรของเผ่า อีกด้านเขาทําสิ่งนี้โดยคํานึงถึงการบ่มเพาะของเขา

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกระบีของเขาติดอยู่ในระดับถึงปรมาจารย์เอก เขาเลียนแบบมนุษย์คนแรกโดยหวังว่าจะใช้ทุ่งใบมีดร่วงโรยเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอก

แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้เขาจะได้รับกําไรอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังถูกม่านบางๆขวางไว้จากการก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอก

เมิ้งตู๋เป็นคนมุ่งมั่นและแน่วแน่ เขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้แม้มันจะไร้ประโยชน์มานานหลายปีแล้วก็ตาม

‘เห้อ…การก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เอกช่างยากลําบากนัก! ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่า ต่างยกย่องข้าว่าเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งกระบในรอบพันปี แต่ข้ายังติดอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี’

“แม้ข้าจะสัมผัสได้ถึงม่านบางๆที่กีดขวางอยู่แต่ขากลับรู้สึกราวกับมันอยู่ไกลยิ่งกว่าขอบฟ้า และยากลําบากเหมือนการปืนปานขึ้นสู่สรวงสวรรค์

‘แต่ข้าต้องเดินต่อไป วิธีนี้ยังมีผลอยู่บ้าง สักวันข้าจะกลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ได้อย่างแน่นอน!’

“หือ? ผู้ใด?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ค่ายกลวิญญาณที่ปกป้องทุ่งใบมีดร่วงโรยอยู่ถูกทําลายลงอย่างกะทันกัน และเผยให้เห็นท้องฟ้าที่สดใส

ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีเมิ้งตู๋ทันทีโดยไม่กล่าวสิ่งใด

“ช่างกล้าหาญ” เมิ้งตู๋คํารามด้วยความโกรธ เขาไม่ได้หลบแต่ตอบโต้โดยตรง

การปะทะทําให้เมิ้งตู๋ถูกส่งกลับหลังขณะที่อีกฝ่ายทรงตัวได้อย่างมั่นคง

‘ท่าไม้ตายอมตะของข้าเต็มไปด้วยพลังทําลายล้าง ข้าสามารถทําลายการป้องกันของผู้อมตะ ระดับเจ็ดทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แต่คนผู้นี้กลับไม่ได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกโจมตีโดยตรง! นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่ง!’

เมิ้งตู๋ประหลาดใจ เขาตั้งหลักและตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าบุกรุกอาณาเขตของเผ่าเม็งของข้าบอกชื่อของเจ้ามา!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกล่าวด้วยน้ําเสียงที่เปลี่ยนไป “เมิ้งตู๋ เจ้าจําข้า ไม่ได้แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะคนตายไม่จําเป็นต้องรู้มากเกินไป!”

เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนต้องใช้วิญญาณใบมีดจํานวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันยังต้องใช้ทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดชนิดพิเศษที่อยู่ในทุ่งใบมีดร่วงโรยที่มีชื่อว่าสุราใบมีด

สุราชนิดนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเป็นสิ่งผิดปกติที่เกิดจากคราบเลือดที่เมิ้งตู๋ทิ้งไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เลือดของเขาซึมลึกลงไปใต้ดินและผสานเข้ากับร่องรอยของพลังงานแห่ง เต๋าบนเส้นทางแห่งใบมีของสถานที่แห่งนี้จนเกิดเป็นสุราใบมีด

ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากความทรงจําในชีวิตก่อนหน้า เขารู้ว่าเมิ้งตู๋ฝึกฝนอย่างขมขึ้นอยู่ที่นี่เพื่อ ยกระดับความสําเร็จของเขาแต่กลับไม่ประสบความสําเร็จ

หลังจากล้มเหลว เมิ้งตู๋้เปลี่ยนวิธีโดยการส่งวิญญาณใบมีดเข้าไปในหัวใจของตนเพื่อ ทําควมเข้าใจเส้นทางแห่งกระบี่ ท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นไม่สมบูรณ์และมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง จิตใจของเขาค่อยๆได้รับผลกระทบ บ่อยครั้งที่เขาตกอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง

เมิ้งรู้ดีว่านี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง แต่เขายังยืนกรานที่จะฝึกฝนต่อไปอย่างไม่ลดละและ ซ่อนผลข้างเคียงของมันจากผู้คน

เมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น เมิ้งตู๋เข้าร่วมในการต่อสู้ อย่างไรก็ตามผลข้างเคียงของมัน เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้เขากลายเป็นปีศาจที่คลุ้มคลั่งและสังหารผู้อมตะจากเผ่าเดียวกัน

หลังจากเลิ้งตู้ฟื้นคืนสติ เขาปกปิดร่องรอยทั้งหมดและยังสร้างเหตุผลเท็จเพื่อปกปิดสิ่งนี้จากเผ่า

อย่างไรก็ตามเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง สุดท้ายผู้อมตะภาคเหนือจึงสังเกตเห็นความผิดปกติ และค้นพบความจริงในที่สุด

เมิ้งตู๋เผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาล วังสวรรค์ยังมาหาเขาและยุยงเขา

เมิ้งรู้สึกโชคดีในตอนแรกและต้องการใช้ประโยชน์จากวังสวรรค์เพื่อชดเชยความผิดพลาดของเขา แต่เขาจะสามารถวางอุบายต่อวังสวรรค์ได้อย่างไร เขาเป็นเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกระบี่ที่โดดเดี่ยว

เมิ้งตู๋ทําผิดพลาดซ้ําแล้วซ้ําอีกกระทั่งเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเข้าข้างวังสวรรค์

เพื่อสนับสนุนตัวหมากเบี้ยชิ้นนี้ วังสวรรค์ช่วยอนุมานวิธียกระดับความสําเร็จให้เขา มันคือสุราใบมีดที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินของทุ่งใบมีดร่วงโรยแห่งนี้

เมิ้งตู๋ทําตามคําแนะนําของวังสวรรค์และขุดสุราใบมีดจํานวนมากขึ้นมาดื่ม

เมื่อเขาจิบสุราเล็กน้อย อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกใบมีดกรีดเฉือน เมื่อเขาดื่ม มากขึ้น เขารู้สึกเจ็บปวดจนแทบอยากตาย เมื่อเขาดื่มต่อไป เขากลายเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้น ทางแห่งกระบี่!!

จากนั้นเป็นต้นมาเขาก็อุทิศตนให้กับวังสวรรค์และกลายเป็นสายลับที่มีสถานะสูง เป็นอันดับสองในภาคเหนือรองจากองค์ชายฟงเซี่ยน

ต่อมาเป็นเพราะความโชคดีของหม่าหงหยุน เมิ้งตู้จึงถูกเปิดเผย

ฟางหยวนอนุมานและยืนยันว่าสถานที่แห่งนี้มีสุราใบมีดอยู่จริง แม้ปริมาณของมันจะไม่มาก แต่เขาต้องการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สําหรับเมิ้งตู๋ ฟางหยวนเลือกเขาอย่างระมัดระวังเพื่อทดสอบท่าไม้ตายอมตะราชันภูต

ฟางหยวนไม่สามารถหาผู้อมตะระดับแปดเพื่อทดสอบพลังอํานาจของท่าไม้ตายราชันภูต สําหรับผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไป พวกเขาไม่มีประโยชน์สําหรับฟางหยวน อย่างไรก็ตาม เมิ้งตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและมีชื่อเสียงในฐานะกึ่งปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกระบี่ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ดังนั้นฟางหยวนจึงเดินทางมายังทุ่งใบมีดร่วงโรยและท้าทายเมิ้งตู๋โดยตรง

การโจมตีก่อนหน้านี้เป็นท่าไม้ตายลับของเมิ้งตู๋ พลังของมันเหนือกว่ามาตรฐาน แต่ข้าสามารถป้องกันมันได้ด้วยราชันภูต การป้องกันของมันค่อนข้างดี”

ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ภายในใจ

เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะราชันภูตมานานแล้ว

ร่างของฟางหยวนถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะทองสัมฤทธิ์ที่สง่างาม บนศีรษะสวมมงกุฎทองคํา ใบหน้าถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอกสีดําที่ดูคลุมเครือ

การโจมตีของเมิ้งตู๋ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆให้ฟางหยวน เกราะทองสัมฤทธิ์บนหน้าอกของเขามีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ด้วยการใช้รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวน รอยขีดข่วนเหล่านี้ก็หายไป อย่างรวดเร็ว

นี่คือความพิเศษของราชันภูต!

ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีระดับเก้าไม่มีค่าใช้จ่าย มันทํางานด้วยตัวของมันเอง ขณะที่อาภรณ์ วิญญาณอาศัยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

ราชันภูตเป็นการผสมผสานระหว่างท่าไม้ตายอมตะทั้งสอง มันไม่ต้องใช้พลังงานอมตะแต่ พึ่งพาเพียงรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของฟางหยวน

“เมิ้งตู๋ เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่มานานหลายปี เจ้าสามารถสร้างท่าไม้ตายใหม่ๆ แต่น่าเสียดา ยที่เจ้าจะไม่ได้ใช้มันก่อนตาย!” ฟางหยวนยั่วยุ

เมิ้งตู๋หัวเราะด้วยความโกรธและมองฟางหยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ ใดเจ้าก็กําลังรนหาที่ตาย เคยมีค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่อยู่ที่นี่ แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าถึงโน้มน้าวให้เผ่านํามันออกไป?”

“เพราะตราบเท่าที่มีข้าอยู่ที่นี่ มันก็ไม่จําเป็นต้องมีกําลังเสริมใดๆเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้!”

เมิ้งตู๋กระทืบเท้าขวาลงบนพื้น

ในเวลาต่อมาพื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขณะที่แสงกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาล้อมรอบ ฟางหยวนเอาไว้ทุกด้าน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท