เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1560 ถึงปรมาจารย์สูงสุด

บทที่ 1560 ถึงปรมาจารย์สูงสุด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1560 ถึงปรมาจารย์สูงสุด

สงครามขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้

หากฟางหยวนเอาชนะผู้อมตะระดับหกหรือผู้อมตะระดับเจ็ด นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่เมื่อคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงเช่นจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า มันจึงกลายเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ในความเป็นจริงฟางหยวนไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายดาย แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างชื่อเสียงให้เขาในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่งและขึ้นนําฟงจิวเก้อ

หลังการต่อสู้ครั้งนี้ชื่อของฟางหยวนก็ยิ่งโด่งดังมากขึ้น

กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็เริ่มให้ความสนใจสัตว์ประหลาดตัวนี้

แน่นอนว่านี่เป็นแผนการของฟางหยวน

แม้มันจะเป็นความพ่ายแพ้ของฟางหยวนและถูกบังคับให้ล่าถอย เขาก็ยังได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้

ชนะหรือแพ้ไม่สําคัญ มีเพียงความสูญเสียและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการต่อสู้เท่านั้นที่มีคุณค่า

แม้ฟางหยวนจะแพ้ แต่เขาก็ได้รับกําไรมหาศาล คุณค่าของซี่โครงทั้งสามไม่ได้อยู่ที่ตัวมันเองแต่เป็นความหมายที่ซ่อนอยู่

ฟางหยวนใช้การต่อสู้ครั้งนี้สั่นคลอนโลกของผู้อมตะทั้งหมดรวมถึงการแสดงออกที่ซับซ้อนของซูตู๋ ความไม่พอใจของวูหยง และการถอนหายใจของลั่วเว่ยหยิน

เมื่อฟางหยวนกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขารู้สึกได้ถึงทัศนคติที่ไม่เหมือนเดิมจากผู้คนที่นี่

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดรวมถึงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามแสดงออกด้วยทัศนคติที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่วังสวรรค์กําลังหาโอกาสบุกโจมตีพวกเขาอีกครั้ง ดังนั้นฟางหยวนจึงกลายเป็นเสาหลักและสิ่งค้ำจุนจิตใจของพวกเขา

ฟางหยวนโจมตีผู้อมตะระดับแปดและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดเช่น จักรพรรดินีอสูรสายฟ้า

พลังการต่อสู้ของเขาปรากฏต่อหน้าทุกคน แล้วตอนนี้ผู้ใดจะสนใจการบ่มเพาะระดับเจ็ดของเขา?

ด้วยเหตุนี้เมื่อฟางหยวนกลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา คนเหล่านี้จึงออกมาต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้น

อย่างไรก็ตามทัศนคติของฟางหยวนค่อนข้างเย็นชา เขากล่าวเพียงไม่กี่คํากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ปิงหยวน และคนอื่นๆ ขณะที่เขาพยักหน้าให้เซี่ยเอ๋อ นี่ทําให้นางต้องก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะคนอื่นๆเผยรอยยิ้มด้วยความยินดีเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เสนอให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับฟางหยวนแต่ฟางหยวนปฏิเสธโดยไม่ลังเล

“สถานการณ์ในเวลานี้ค่อนข้างอันตราย สิ่งสําคัญในตอนนี้คือการใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อก้าวข้ามภัยอันตรายในครั้งนี้” ฟางหยวนกล่าวอย่างเฉยเมยแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย

สถานะของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

ผู้อมตะเหล่านี้ปฏิบัติกับเขาในฐานะผู้อมตะระดับแปด ตอนนี้พวกเขาต้องก้มศีรษะลงและแสดงทัศนคติของผู้น้อย

ด้านหนึ่งเป็นเพราะความแข็งแกร่งของฟางหยวนที่สามารถโจมตีจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ในทางกลับกันมีศัตรูตัวฉกาจอยู่ตรงหน้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากฟางหยวน

“ทุกคนกลับไปได้ ข้าต้องคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งเป็นการส่วนตัว” ฟางหยวนโบกมือให้กลุ่มผู้อมตะกลับไปโดยปราศจากความสุภาพ

จากนั้นฟางหยวนกล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหลางหยา นอกจากนั้นข้ายังเป็นสมาชิกพันธมิตรสีเผ่าพันธุ์”

คํากล่าวเหล่านี้ทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกดีมาก นี่ทําให้ความอึดอัดใจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ต้องส่งมอบความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมลดลงอย่างมาก

ผู้อมตะต่างมีไหวพริบและเร่งจากไป

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคว้าแขนของฟางหยวนและหายไปจากจุดนั้นก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในเมืองเมฆาที่หนึ่ง

“ด้วยวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าที่ทําให้สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า เราพบว่าพวกเขาได้เตรียมการบางอย่างไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจริงๆ เราต้องกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อันตรายเหล่านั้นเป็นอันดับแรกหากเราต้องการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยความกังวล

ฟางหยวนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของท่าน การปรับแต่งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ควรเป็นความสามารถพิ เศษของท่านมิใช่หรือ?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “วังสวรรค์ก็คือวังสวรรค์ วิธีการของพวกเขาผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ข้าใช้วิธีเกือบทั้งหมดแล้วแต่ยังไม่สามารถทําสิ่งใดกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้น”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายแหลมคม

วังสวรรค์เตรียมตัวมาดีจริงๆ เนื่องจากความพร้อมของพวกเขา พวกเขาจึงไม่กังวลว่าจะถูกค้นพบและไม่กลัวว่ามันจะถูกทําลาย บางทีเทพธิดาจื่อเว่ยอาจพิจารณาถึงทักษะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว

“ข้าสงสัยว่าท่าไม้ตายอมตะชําระล้างตัวเองของข้าจะมีผลหรือไม่?” ฟางหยวนคิดและค่อนข้างมั่นใจกับวิธีนี้หลังจากที่เขาสามารถกําจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูลของเทพธิดาจื่อเว่ย

แต่เขายังไม่ต้องการทดลองในเวลานี้

เขากล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา “ในกรณีนี้โปรดนําความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมให้ข้า เมื่อข้ากลายเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ข้าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน”

การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไปทันที ความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา เมื่อเขาต้องนํามันออกมามอบให้ฟางหยวน เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกไม่สบายใจและไม่เต็มใจ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาทําข้อตกลงกับฟางหยวนไว้แล้วและด้วยสถานการณ์ที่เลวร้าย แม้เขาจะไม่เต็มใจ เขาก็ทําได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ได้เห็นความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว

ความหมายที่แท้จริงคือเจตจํานงรูปแบบหนึ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นความหมายที่แท้จริงที่สามารถแสดงรูปลักษณ์ออกมาอย่างชัดเจน ความหมายที่แท้จริงนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของบรรพชนผมยาวที่นั่งไขว้ขาปิดเปลือกตา ร่างกายของเขาส่องประกายระยิบระยับเหมือนเพชร

เจตจํานงทั่วไปสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของพวกมันเองโดยการใช้จ่ายความคิด แต่ความหมายที่แท้จริงนี้สงบนิ่งราวกับรูปปั้น

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเหตุผลที่ความหมายที่แท้จริงนี้สามารถคงอยู่มาอย่างยาวนาน

“รับไป” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนก่อนจะถอนหาย ใจกล่าวกับฟางหยวน

ฟางหยวนพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อความหมายที่ แท้จริงของบรรพชนผมยาวพุ่งเข้าสู่จิตใจของเขา

แสงระยิบระยับส่องประกายขึ้นในใจของเขาทันที

ฟางหยวนเร่งนั่งลงและปิดเปลือกตาทําสมาธิ

เขาเริ่มใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อดูดซับความหมายที่แท้จริงของบรรพชนผมยาวอย่างต่อเนื่อง

ทุกอย่างดําเนินไปอย่างราบรื่น ฟางหยวนใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อซึมซับความหมายที่ แท้จริงของบรรพชนผมยาว

นี่คือความเข้าใจทั้งหมดของบรรพชนผมยาวที่มีต่อเส้นทางแห่งการหลอมรวม ตอนนี้มันกลายเป็นรากฐานของฟางหยวนแล้ว!

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของฟางหยวนทะยานขึ้นสู่ระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดในครั้งเดียว!

“นี่คือการทะยานขึ้นสู่สวรรค์ในขั้นตอนเดียว! กระทั่งในสงครามห้าภูมิภาคที่อาณาจักรแห่งความฝันปรากฏขึ้นมากมาย มันก็ยังไม่สามารถมอบความสําเร็จระดับนี้ให้ข้า!” กระทั่งฟางหยวนก็ยังรู้สึกตื่นเต้น กําไรของเขามหาศาลเกินไปจริงๆ

แม้ฟางหยวนจะดูดซับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทั้งหมดแล้ว แต่เขายังนั่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนและลิ้มรสความหอมหวานของมันอย่างเต็มที่

เส้นทางแห่งการหลอมรวม!

นี่เป็นเส้นทางที่พิเศษมาก

ผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดในการหลอมรวมวิญญาณ

วิธีการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณมีสามองค์ประกอบ เลี้ยงดู ใช้งาน และหลอมรวมวิญญาณ

ตอนนี้ในแง่ของการหลอมรวมวิญญาณ ฟางหยวนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ไปแล้ว ท่ามกลางผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคอาจไม่มีผู้ใดที่สามารถแข่งขันกับเขา

“อย่างไรก็ตามระดับความสําเร็จอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ สิ่งที่ข้าขาดตอนนี้คือประสบการณ์ในการหลอมรวม วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม และท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม” ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

“แต่ตราบเท่าที่ข้าฝึกฝนต่อไป ความก้าวหน้าของข้าจะรวดเร็วมาก ท้ายที่สุดตอนนี้ ข้าก็เป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม!”

“ผู้ใดจะคิดว่าหลังจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของข้าบรรลุระดับปรมาจารย์เอก ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าจะกลายเป็นระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดในเวลาอันสั้น!”

ฟางหยวนไตร่ตรองและตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

เพียงการชําเลืองมองเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์เล็กน้อย เขาก็สามารถเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้งและยังสามารถยกระดับมันได้อย่างเหมาะสม

เขาดูเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะที่มีเนื้อหามากกว่าเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ ระดับมนุษย์และสามารถทําความเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็วด้วยการประมวลผลเพียงเล็กน้อย

สําหรับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดที่ซับซ้อน ฟางหยวนจําเป็นต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อไตร่ตรอง แต่เนื่องจากความสําเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ความคิดของเขาจึงไม่มีข้อผิดพลาด

บางครั้งเขาไม่จําเป็นแม้แต่ต้องอนุมาน เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะหรือตัดสินว่าเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะนั้นๆใช้งานได้หรือไม่ด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น

สําหรับเคล็ดลับที่ไม่สมบูรณ์ เขาไม่ต้องใช้แสงแห่งปัญญาในการอนุมานอีกต่อไป ตอนนี้ความยากของมันลดลงเป็นอย่างมาก

“ในประวัติศาสตร์มีปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเพียงสามคน ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของข้าอยู่ในระดับถึงปรมาจารย์สูงสุด ข้าควรถูกพิจารณาว่าอยู่ในสิบอันดับแรกท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมตลอดกาล

พลังการต่อสู้ของฟางหยวนอาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่มุมมองของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันแทบยกระดับมุมมองบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที

ด้วยการยืนอยู่บนที่สูง

ข้อมูลเชิงลึกมากมายปรากฏขึ้นในใจของเขา

วิถีของการบ่มเพาะประกอบด้วยการเลี้ยงดู การใช้งาน และการหลอมรวม แท้จริงแล้วมันเป็นหนึ่งเดียวกัน

“การเลี้ยงดูวิญญาณเกี่ยวข้องกับการหลอมรวม การหลอมรวมวิญญาณต้องเข้าใจการใช้งาน และการใช้งานวิญญาณเกี่ยวเนื่องกับการเลี้ยงดูและการหลอมรวม

ฟางหยวนในปัจจุบันสามารถดูเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณและบอกได้ทันทีว่าวิญญาณ ดวงนั้นควรเลี้ยงดูอย่างไรและใช้งานอย่างไร

ด้วยความเข้าใจของเขา เขายังสามารถอนุมานวิธีการหลอมรวมวิญญาณได้จากวิธีการเลี้ยงดูและการใช้งานมันอีกด้วย

“เดี๋ยว! ข้าเข้าใจแล้ว ในความเป็นจริงท่าไม้ตายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ หรือท่าไม้ตายอมตะ พวกมันถือเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น!

ร่างกายของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเมื่อเขาเข้าใจประเด็นนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท