เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1556 ความยากลําบากของฟางหยวน

บทที่ 1556 ความยากลําบากของฟางหยวน

บทที่ 1556 ความยากลําบากของฟางหยวน

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาบนแผ่นหลังของฟางหยวน

ฟางหยวนอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีเกราะหวนคืน เมื่อสายฟ้าโจมตีเขา คลื่นกระแทกก็ส่งเขาพุ่งลงจากท้องฟ้าขณะที่สายฟ้าถูกสะท้อนกลับไป

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจึงหลานเย้ยหยันขณะที่ดวงตาของนางหมุนวนและดูดซับสายฟ้าที่สะท้อนกลับมาเข้าไป

ฟางหยวนเกือบพุ่งกระแทกพื้นแต่เขายังสามรถบังคับร่างมังกรให้เปลี่ยนทิศทางและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อีกครั้ง

“ไส้เดือนน้อย…” จิ้งหลานเยาะเย้ยและกระโจนไปเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง

นางรวดเร็วมาก แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างมังกรดาบบรรพกาลและมีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความเร็วของเขาก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับจิ้งหลาน

ความเร็วของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด มีเพียงฮุยฟงซื้อและผู้อมตะระดับเจ็ด เพียงไม่กี่คนที่สามารถแข่งขันกับเขา

อย่างไรก็ตามจิ้งหลานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนที่ ความเร็วของนาง อยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปด

เปรียบเทียบกับความเร็วระดับเจ็ดของฟางหยวน เขายังช้าเกินไป

“รับนี่!” จึงหลานบินไปด้านหลังฟางหยวนและส่งแสงลึกลับออกจากฝ่ามือ

พลังงานลึกลับปะทะเกราะหวนคืนและทําให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

น้ํากระเด็นออกจากเกราะหวนคืน ความหนาของมันลดลงในอัตราที่สามารถมองเห็นได้

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป เขาสะบัดหางและเร่งหลบหนีด้วยกําลังทั้งหมด

จิ้งหลานหัวเราะเสียงดังและคิด ‘จื่อเว่ยผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ในระยะเวลาสั้นๆ นางก็ประสบความสําเร็จในการอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดที่สามารถตอบโต้เกราะหวนคืนของฟางหยวนได้แล้ว น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายนี้ใช้ได้เพียงครั้งคราวเท่านั้น มันมีขีดจํากัดด้านเวลา มิฉะนั้นข้าจะกําจัดปีศาจน้อยตนนี้เสียเดี๋ยวนี้!’

ขณะที่นางกําลังคิดเรื่องนี้ การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

ห่างออกไป กําแพงภูมิภาคปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของนาง

‘ดังนั้นปีศาจน้อยตนนี้ก็ต้องการหลบหนีเข้าไปในกําแพงภูมิภาค!’ จิ้งหลานตระหนักได้ทันที

เป็นเรื่องยากสําหรับผู้อมตะในการข้ามกําแพงภูมิภาค ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด มันก็ยิ่งยากลําบากเท่านั้น หลังจากเข้าสู่กําแพงภูมิภาค ผู้อมตะจะถูกกดดัน นอกจากนั้นพวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบย้อนกลับทุกครั้งที่พวกเขาใช้ท่าไม้ตาย

มันไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับผู้อมตะระดับหกที่จะข้ามกําแพงภูมิภาค มันอันตรายสําหรับผู้อมตะระดับเจ็ดและยิ่งยากลําบากกว่ามากสําหรับผู้อมตะระดับแปด โดยพื้นฐานแล้วไม่มีผู้อมตะระดับแปดคนใดเดินทางผ่านกําแพงภูมิภาค พวกเขาเต็มใจใช้ทางอ้อมโดยเดินทางผ่านสวรรค์สีดําหรือสวรรค์สีขาวมากกว่า

“ปีศาจน้อยตนนี้เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด เขาจะได้เปรียบในกําแพงภูมิภาค ข้าจะปล่อยให้ มันเกิดขึ้นไม่ได้!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของจิ้งหลานก็ส่องประกายขึ้นขณะที่นางทะยานร่างไปข้างหน้าฟางหยวนเพื่อปิดกั้นเส้นทางของเขา

ฟางหยวนติดอยู่ในการต่อสู้ที่ขมขื่น

เขาเคยใช้วิธีหลบหนีโดยการเข้าไปในกําแพงภูมิภาคมาหลายครั้ง เขามีข้อได้เปรียบอย่างมาก ในกําแพงภูมิภาค ร่างทารกอมตะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเมื่ออยู่ภายใน

นั่นหมายความว่าเขาจะปลอดภัยหากเขาสามารถเข้าไปในกําแพงภูมิภาค

แต่จิ้งหลานไม่ให้โอกาสเขา การโจมตีของนางเหมือนคลื่นยักษ์ที่ทําให้ฟางหยวนต้องหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นความเร็วของจิ้งหลานก็ทําให้นางสามารถกีดขวางเส้นทางของฟางหยวนได้เสมอ

ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ไม่ไกลจากกําแพงภูมิภาค แต่ด้วยการคงอยู่ของจิ้งหลาน มันทําให้เขารู้สึกราวกับกําแพงภูมิภาคอยู่ห่างไกลมาก

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร!

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย!!

ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ฟางหยวนต้องใช้สองท่านี้อีกครั้ง มังกรดาบบรรพกาลจํานวนมากเคลื่อนที่กระจัดกระจายกันออกไปในทุกทิศทางเพื่อซ่อนตัวร่างจริงของฟางหยวนและเปิดโอกาสให้เขาเดินหน้าต่อ

“นี่!” ดวงตาของจิ้งหลานเบิกกว้างด้วยความโกรธ นางไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์

นางเคยทดลองมาแล้ว ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของนางไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน

แต่นางมีวิธีการเคลื่อนไหวมากมายและในไม่ช้านางก็สามารถกําจัดมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนถูกบังคับให้เผยตัวออกมา

อย่างไรก็ตามร่างจริงของฟางหยวนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้หลายและเข้าใกล้กําแพงภูมิภาคมากขึ้น

จึงหลานกลายเป็นสายฟ้าพุ่งออกไปและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความขมขื่นและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายทั้งสองอีกหน มังกรดาบบรรพกาลอาจทรงพลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจิ้งหลาน มันก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยอําพรางร่างจริงของเขาเท่านั้น เปรียบเทียบกับสายฟ้าของจิ้งหลาน มังกรดาบบรรพกาลกลายเป็นเปราะบางมาก

แต่ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปแม้จิ้งหลานจะพยายามขัดขวางก็ตาม

ระยะห่างจากกําแพงภูมิภาคเหลือไม่มากนักแต่ทั้งสองฝ่ายยังต่อสู้กับอย่างดุเดือด ฟางหยวนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการก้าวไปข้างหน้าทีละเล็กทีละน้อย

“ข้าพบเจ้าแล้ว!” จิ้งหลานเผยรอยยิ้มชั่วร้ายหลังจากทําลายมังกรดาบบรรพกาลทั้งหมดและเปิดเผยร่างจริงของฟางหยวน

นางผลักฝ่ามือออกไปและส่งแสงลึกลับออกมา

แสงลึกลับทําลายเกราะหวนคืนและทิ้งไว้เพียงชั้นน้ำบางๆเท่านั้น

“ดี! คราวนี้มันพัฒนาขึ้นมาก” จิ้งหลานหัวเราะและส่งเสียงชื่นชมเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “เราตรวจสอบเกราะหวนคืนมานานแล้ว ผลลัพธ์ก่อนหน้าพร้อมกับข้อมูลที่ได้จากผู้อาวุโสกลายเป็นกุญแจสู่การเปลื่นยแปลงเชิงคุณภาพ การอนุมานมักยากลําบากในช่วงแรก แต่จะง่ายดายในภายหลัง ตอนนี้ข้าจะอนุมานท่าไม้ตายอมตะระดับแปดโดยใช้วิญญาณอมตะของผู้อาวุโสเพื่อทําลายเกราะหวนคืน”

“ดี ข้ากําลังรออยู่!” จิ้งหลานตอบกลับเทพธิดาจื่อเวยขณะมองฟางหยวนบินเข้าสู่กําแพงภูมิภาศ

ไม่มีสิ่งใดที่สามารถทําได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

จิ้งหลานไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะสองท่าของเขามีประสิทธิภาพอยู่บ้าง แม้นางจะพยายามขัดขวางฟางหยวนหลายครั้งแต่นางก็ไม่สามารถหยุดเขาจากการเข้าไปในกําแพงภูมิภาค

“แต่เจ้าคิดว่าจะปลอดภัยในกําแพงภูมิภาคงั้นหรือ?”

“เพียงกําแพงภูมิภาค มันจะปิดกั้นข้าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าจิ้งหลาน ได้อย่างไร? ฮืม!”

พลังปราณสีดําพุ่งออกมาจากรูจมูกของจิ้งหลานและกระจายออกไปปกคลุมร่างกายทั้งหมดของนางเอาไว้ราวกับก้อนเมฆสีดํา

ท่ามกลางก้อนเมฆสีดํา ภูตผีจํานวนนับไม่ถ้วนคํารามอย่างเกรี้ยวกราด พวกมันกระทั่งต่อสู้กันเองและสร้างสายฟ้าขึ้นในก้อนเมฆ

จิ้งหลานเข้าไปในกําแพงภูมิภาคและไล่ล่าฟางหยวนต่อไป

“นางเข้ามาที่นี่จริงๆ!” ฟางหยวนตกตะลึง

“ปีศาจน้อย วิธีของเจ้าอาจได้ผลกับคนอื่น แต่สําหรับข้ามันเป็นเพียงการเล่นกลต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ย้อนกลับไปข้าเคยใช้กําแพงภูมิภาคเป็นสนามรบต่อสู้กับเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเขายังเป็นผู้อมตะระดับแปดมาแล้ว เจ้าโชคร้ายที่พบข้า!”

จิ้งหลานตะโกนและส่งสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่จิ้งหลานก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเช่นกัน เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนางขณะที่นางเริ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ

การใช้ท่าไม้ตายในกําแพงภูมิภาคจะส่งผลกระทบย้อนกลับไปยังตัวผู้ใช้งาน โชคดีที่นางมีมิติ ช่องว่างเทียมที่แตกต่างจากมิติช่องว่างของผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีทรัพยากรอยู่ในภายใน หากทรัพ ยากรถูกทําลาย ผู้อมตะจะพบกับความสูญเสียอย่างมาก

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”

สายฟ้าโจมตีฟางหยวนและทําลายเกราะหวนคืนอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งในกําแพงภูมิภาคฟางหยวนก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากจิ้งหลาน

อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างมังกรดาบบรรพกาลเต็มไปด้วยคราบเลือด

ขณะเดียวกันก้อนเมฆสีดําที่ปกคลุมร่างของจิ้งหลานก็สลายไปอย่างรวดเร็วและเผยให้เห็น ชุดเกราะสีดําทมิฬของนางแล้ว

ใบหน้าของนางซีดขาวแต่นางยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและสาบานว่าจะสังหารปีศาจตนนี้ให้ได้

“ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่สามารถทําลายเกราะหวนคืนถูกสร้างขึ้นแล้ว!” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดาจ่อเว่ยดังขึ้น

จิ้งหลานมีความสุขมาก

เทพธิดาจื่อเว่ยเตือน “ท่านี้ทรงพลังมาก ข้าต้องขอให้ผู้อาวุโสระมัดระวัง ผลก ระทบย้อนกลับจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหากการกระตุ้นใช้งานล้มเหลว”

“อย่ากังวล” จิ้งหลานตอบกลับ

แต่นางกลับล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานถึงสามครั้ง

โชคดีที่นางมีประสบการณ์มากมายและสามารถหยุดได้ทันเวลาเมื่อนางรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

ผลกระทบย้อนกลับรุนแรงมาก ชุดเกราะส่วนใหญ่ของนางถูกทําลายไปแล้วและเผยให้เห็นร่างกายที่อยู่ภายใน

ในความพยายามครั้งที่สี่ นางประสบความสําเร็จในที่สุด

“ฟางหยวน ตายซะ!” จิ้งหลานบินอยู่เหนือศีรษะมังกรดาบบรรพกาลและส่งลําแสงขนาด ใหญ่พุ่งเข้าโจมตีมัน

ฟางหยวนไม่มีเวลาหลบ เขาทําได้เพียงมองลําแสงพุ่งลงมาเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท