เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1561 ทิวทัศน์บนจุดสูงสุด

บทที่ 1561 ทิวทัศน์บนจุดสูงสุด

บทที่ 1561 ทิวทัศน์บนจุดสูงสุด

หนึ่งในวิถีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมคือการหลอมรวมท่าไม้ตายให้เป็นวิญญาณดวงหนึ่ง

ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ความแข็งแกร่งของตนเอง

ท่าไม้ตายนี้เป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ผู้อมตะหญิงซูเซียนเอ๋อคิดค้นขึ้นเพื่อบุตรสาวของนาง ไห่ลั่วหลัน มันเป็นแก่นแท้บนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เมื่อกระตุ้นใช้งานมันสามารถสร้างภูตมนุษย์ รูปลักษณ์ของภูตมนุษย์จะเหมือนกับรูปลักษณ์ของผู้ใช้วิญญาณและเป็นภาพที่เกิดจากจิตใต้สํานึกของพวกเขา

ยิ่งไปกว่านั้นภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งเหล่านี้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยเจตจํานงของตัวมันเอง

มีวิญญาณห้าสิบดวงที่ใช้สร้างท่าไม้ตายนี้

ตามความเข้าใจในปัจจุบันของฟางหยวนเกี่ยวกับแนวทางการหลอมรวม ท่าไม้ตายใดๆไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์หรือท่าไม้ตายอมตะ พวกมันถือเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น

กล่าวคือวิญญาณที่ใช้สร้างท่าไม้ตายความแข็งแกร่งของตนเองสามารถใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง

เมื่อวิญญาณความแข็งแกร่งของตนเองถูกสร้างขึ้น มันจะสามารถปล่อยภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งออกมา

ประโยชน์ของสิ่งนี้เห็นได้ชัดเจน

ท่าไม้ตายถูกหลอมรวมเป็นวิญญาณเพียงดวงเดียวเพื่อใช้จากแทนวิญญาณหลายดวงจากท่าไม้ตายเดิม เมื่อผู้ใช้วิญญาณกระตุ้นใช้งานมันจะสะดวกรวดเร็วและใช้พลังวิญญาณน้อยกว่าการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอีกด้วย

อีกตัวอย่างหนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน

นี่เป็นท่าไม้ตายที่ฟางหยวนคิดค้นขึ้นมาด้วยตนเอง มันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางความแข็งแกร่งที่เกิดจากการผสมผสานท่าไม้ตายหลายท่าเข้าด้วยกันเช่นท่าไม้ ตายจิตวิญญาณม้ามังกร ท่าไม้ตายสามเศียรหกกร ท่าไม้ตายระเบิดสายฟ้า ท่าไม้ตายภูตสัตว์อสูร ท่าไม้ตายราชันผีดิบสวรรค์หกกร และอื่นๆ

วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายนี้มีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะยกภูเขาวิญญาณอมตะถึงแม่น้ำ และวิญญาณอมตะล้างใจ นอกจากนี้ยังมีวิญญาณสนับสนุนเช่นวิญญาณระเบิดพลัง วิญญาณความขมขึ้น วิญญาณยืมความแข็งแกร่ง วิญญาณความแข็งแกร่งของปฐพี วิญญาณความแข็งแกร่งของวารี วิญญาณความแข็งแกร่งของวายุ วิญญาณความแข็งแกร่งของสายฟ้า วิญญาณความแข็งแกร่งของอัคคี วิญญาณราชันบัวสมบัติสวรรค์ วิญญาณผนึกลมหายใจ ตลอดจนวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและอื่นๆอีกมากมาย

ท่าไม้ตายนี้มีรายละเอียดมากมาย มันลําบากมากในการกระตุ้นใช้งาน

เป็นเพราะฟางหยวนฝึกฝนมันอย่างสม่ํำเสมอ เขาจึงสามารถกระตุ้นใช้งานมันได้อย่างอิสระในการต่อสู้

แต่ในความเป็นจริงขั้นตอนของมันซับซ้อนเกินไป

จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากท่าไม้ตายนี้ถูกพัฒนาไปเป็นวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว?

วิญญาณอมตะหมื่นตัวตน!

เห็นได้ชัดว่ามันจะสะดวกสบายและใช้งานได้ในการต่อสู้จริง!

ฟางหยวนเพียงต้องส่งพลังงานอมตะให้กับวิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อสร้างภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจํานวนมาก

ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดมัน ทําให้เขาสามารถบรรลุถึงจุดนี้

ทุกท่าไม้ตายอมตะสามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณอมตะ!

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้นแต่ยังคิดต่อไป

“ตอนนี้ข้ามีความสามารถเปลี่ยนท่าไม้ตายให้เป็นวิญญาณ”

“อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายบางท่าไม่สามารถทําได้ ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายเขตแดนอมตะแม่น้ำโลหิตสีม่วงหรือท่าไม้ตายอมตะความคิดอุกกาบาตเพลิง หากเป็นท่าไม้ตายที่เกินขีดจํากัด มันต้องแยกเป็นวิญญาณอมตะหลายดวง จากนั้นข้าจึงจะใช้วิญญาณอมตะเหล่านั้นสร้างท่าไม้ตายที่ต้องการ

“วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

*ข้อดีคือความสะดวกรวดเร็วและพึ่งพาพลังจิตน้อยลง ข้อเสียคือเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน มันอาจต้องใช้วิญญาณอมตะบางดวงเป็นวัสดุในการหลอมรวม นอกจากนั้นพลังอํานาจของวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนก็อาจไม่ทรงพลังเท่ากับท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน”

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนใช้วิญญาณอมตะหลายดวงและวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับไม่ถ้วนเพื่อกระตุ้นการทํางาน ขณะที่วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่มันมีอยู่เท่านั้น หากมันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ด มันอาจมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่จํากัด ดังนั้นพลังอํานาจของมันก็จะถูกจํากัดไปด้วย

“อีกประการหนึ่งคือเมื่อใช้วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว มันจะง่ายต่อการตอบโต้ ท่าไม้ตายซับซ้อนกว่าแต่มันยากที่ผู้อื่นจะอนุมานและถอดรหัส

ท่าไม้ตายสามารถปรับเปลี่ยนและยกระดับได้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามารถเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะกําปั้นยักษ์หมื่นตัวตนและเกราะหวนคืน

แต่วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนไม่สามารถทําเช่นนั้น

“แน่นอนว่าประโยชน์โดยรวมของการเปลี่ยนท่าไม้ตายเป็นวิญญาณยังเหนือกว่าเพราะวิญญาณสามารถใช้เป็นแกนกลางในการสร้างท่าไม้ตายอื่นๆ มันยังจะช่วยเพิ่มพลังอํานาจและป้องกันการอนุมานได้ดีขึ้นอีกด้วย

“แม้วิญญาณอมตะบางดวงอาจถูกใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวม แต่ข้าก็สามารถหลอมรวมมันขึ้นมาอีกครั้ง!”

ความสามารถนี้เป็นประโยชน์มากต่อฟางหยวน

อันดับแรกท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามารถดัดแปลงเป็นท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน เดิมที่การกระตุ้นใช้งานเกราะหวนคืนเป็นเรื่องที่ยากลําบากมาก เขาต้องใช้เวลาเตรียมตัวค่อนข้างมาก หากล้มเหลวเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

แต่หากฟางหยวนมีวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน เขาสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืนโดยใช้วิญญาณอมตะหมื่นตัวตนเพื่อลดขั้นตอนและใช้งานได้เร็วขึ้น

ด้วยวิธีนี้พลังการต่อสู้ของเขาจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก

ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะมากมายแต่ท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้บ่อยมีไม่มาก

หากเขาสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนและวิญญาณอมตะมังกรดาบบรรพกาล เขาจะใช้วิญญาณอมตะเพียงสองดวงเพื่อใช้แทนท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร

นอกจากนี้ท่าไม้ตายอื่นๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นวิญญาณอมตะเช่นกัน

ขณะที่ฟางหยวนกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็เกิดความเข้าใจบางอย่าง

“เดี๋ยว! ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายหรือการหลอมรวมวิญญาณ ทั้งสองล้วนใช้ประโยชน์จากพลังงานแห่งเต๋า”

“เกราะหวนคืนของข้าใช้ประโยชน์จากแม่น้ําหวนคืนขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณใช้ประโยชน์จากเมืองจิ๋ว”

“เมืองจิ๋วและแม่น้ำหวนคืนไม่ใช่วิญญาณ เหตุใดพวกมันถึงสามารถใช้งาน? ไม่ใช่เพราะพวกมันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่เต็มไปด้วยพลังงานแห่งเต๋างั้นหรือ?”

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู การใช้งาน และการหลอมรวมวิญญาณ ทุกสิ่งล้วนพึ่งพาพลังงานแห่งเต๋า

“ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการบ่มเพาะเส้นทางใด ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับพลังงานแห่งเต๋าเป็นความจริงที่พลังงานแห่งเต๋เชื่อมต่อพวกเราเข้ากับสวรรค์พิภพ”

ทันใดนั้นวลีเก่าแก่ของการบ่มเพาะก็ปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนอีกครั้ง

มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณเป็นแก่นแท้แห่งสวรรค์พิภพ

ฟางหยวนไม่เคยเข้าใจวลีนี้ได้ลึกซึ้งเท่ากับช่วงเวลานี้มาก่อน

“ข้าต้องเปลี่ยนท่าไม้ตายอมตะให้เป็นวิญญาณอมตะ แม้ข้าต้องใช้วิญญาณอมตะเป็นวัสดุในการหลอมรวม ข้าก็จะรวมพวกมันให้เป็นหนึ่งเดียว

“วิญญาณอมตะคือภาชนะบรรจุพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ วัสดุในการหลอมรวมเปรียบเสมือนการสะสมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า ตราบเท่าที่เป็นเส้นทางเดียวกัน พวกมันก็สามารถสนับสนุนซึ่งกันและกัน

“เหตุผลที่แม่น้ําหวนคืนและเมืองจิ๋วสามารถใช้แทนวิญญาณอมตะในท่าไม้ตายอมตะเป็นเพราะพวกมันมีรองรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมาก จากมุมมองนี้ท่าไม้ตายอมตะจึงสามารถพัฒนาเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

ฟางหยวนได้รับคําตอบของปัญหามากมาย

เส้นทางแห่งการหลอมรวมค่อนข้างพิเศษ แม้จะเป็นเส้นทางเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับทุกเส้นทาง ความเข้าใจที่ได้รับจากความสําเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมทั้งกว้างและลึกกว่าความสําเร็จบนเส้นทางสายอื่นที่ฟางหยวนเคยได้รับ

“คิดไปแล้วข้าใช้วิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าเพื่อฟื้นฟูภูเขาตงฮัน มันดูเหมือนข้ากําลังใช้วิญญาณอมตะ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นการใช้ท่าไม้ตายอมตะพื้นที่ก่อนหน้า ท่าไม้ตายอมตะสามารถเปลี่ยนเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจากอีกมุมมองหนึ่ง นี่ก็เป็นการหลอมรวมวิญญาณเช่นกัน”

“แต่สิ่งที่ข้าพยายามหลอมรวมไม่ใช่วิญญาณอมตะแต่เป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้าภูเขาตงฮัน!”

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาสามารถหลอมรวมวิญญาณระดับเก้า?

สิ่งสําคัญคือท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่เขาเคยใช้กับภูเขาตงฮันในอดีตเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!

เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ฟางหยวนก็ได้รับแนวคิดมากมายจากการฟื้นฟูภูเขาตงฮัน

“ภูเขาตงฮันสามารถฟื้นฟูได้ มันยังสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะได้เช่นเดียวกับแม่น้ำหวนคืน!”

โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว จุดสูงสุดบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่บันทึกไว้ ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ วิญญาณปีศาจสามเศียรพันกร ไม่ใช่ว่ามันคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพชนิดหนึ่งงั้นหรือ?”

“นอกจากนี้ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ที่สามารถทํางานได้ด้วยตัวมันเองโดยไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ นี้ก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเช่นกัน!”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนไม่เคยเข้าใจว่าเพราะเหตุใดผนึกภูตผีจึงไม่ต้องการพลังงานอมตะในการกระตุ้นใช้งาน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

ภูเขาตงฮันต้องการพลังงานอมตะหรือไม่? ไม่

หุบเขาเหล่าโปต้องการพลังงานอมตะหรือไม่? ไม่

เทพปีศาจจิตวิญญาณต่อต้านภัยพิบัติโดยใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมายแต่เขาไม่ได้ใช้พลังงานอมตะเพื่อปลดปล่อยพลังการต่อสู้ของเขาออกมา

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกชนิดจะสามารถหลอมรวมกันเพื่อก่อให้เกิดแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจําเป็นต้องสอดประสานกัน

ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดูวิญญาณ การใช้วิญญาณ และการหลอมรวมวิญญาณ พวกมันจําเป็นต้องใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่สอดประสานกัน

ฟางหยวนครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

สามวันสามคืนผ่านไป

เขาซึมซับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงแต่เขาใช้เวลาทําความเข้าใจมันถึงสามวันสามคืน

ดวงตาสีดําของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยสติปัญญา

“เจ้า” เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของฟางหยวน จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกตกใจ เล็กน้อย

“มีสิ่งใดผิดปกติ้งั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ “บรรยากาศที่เจ้าปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่นี้ทําให้ข้ารู้สึกเหมือนกําลังมองเทพอมตะตะวันเดือดหรือเทพปีศาจปล้นสวรรค์!”

เทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และผู้อมตะระดับเก้าทุกคนได้ รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางของตนเอง

ฟางหยวนสามารถก้าวไปถึงขอบเขตของพวกเขาแล้วด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

เขาไม่ได้มองขึ้นไปบนภูเขาสูงตระหง่านจากด้านล่างอีกต่อไป

แต่นี่คือมุมมองจากจุดสูงสุดของการบ่มเพาะบนเส้นทางของผู้ใช้วิญญาณ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท