เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1568 เจ้าหญิงนิทรากระอักเลือด

บทที่ 1568 เจ้าหญิงนิทรากระอักเลือด

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1568 เจ้าหญิงนิทรากระอัก เลือด

“ข้าต้องการให้เผ่าเมิ้งอธิบายเรื่องนี้เดี๋ยวนี้! มิฉะนั้นแม้ข้าจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ข้าก็จะไม่ ปล่อยเรื่องนี้ไป!” เจ้าหญิงนิทรามองสองผู้อมตะเผ่าเมิ้งอย่างดุเดือด

การสูญเสียของนางคือหายนะอย่างแท้จริง สิ่งนี้ทําให้นางโกรธมากและต้องการคําอธิบายโด ยตรงจากเผ่าเมิ้ง

นางไม่เหมือนฟางหยวน ฟางหยวนสูญเสียธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวแต่เขายังมีแหล่งราย ได้อื่นเช่นธุรกิจปลามังกร ธุรกิจแมงมุมหน้าคน ธุรกิจอสรพิษเพลิง และอื่นๆ

สําหรับเจ้าหญิงนิทรา การสูญเสียเข็มศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เหมือนกับการสูญเสียเสาหลักทางการ เงินของนาง แม้นางจะยังมีเม่นศักดิ์สิทธิ์ แต่นางต้องรอให้หนามของมันงอกขึ้นมาใหม่ นางต้องใช้ ทั้งเวลาและเงินทุนจํานวนมหาศาล

เจ้าหญิงนิทรามีแผนการระยะยาว ทุกครั้งที่นางเก็บเกี่ยวเข็มศักดิ์สิทธิ์ นางไม่ได้นําทั้งห มดออกมาแต่จะเหลือไว้บางส่วนเพื่อให้พวกมันเติบโตต่อไป

อย่างไรก็ตามหัวขโมยผู้นี้กลับนําเข็มศักดิ์สิทธิ์ไปทั้งหมด เขาไม่ได้ทิ้งไว้แม้แต่ชิ้นเดียว

เจ้าหญิงนิทราไม่ได้สูญเสียเพียงเข็มศักดิ์สิทธิ์แต่มันยังส่งผลกระทบต่ออนาคตของนางอีกด้วย

น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวิธีการย้ายเม่นศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่มิติช่องว่างของข้า! การออกไปข้างนอก มัน ไม่ปลอดภัยจริงๆ!” หมัดของเจ้าหญิงนิทราสั่นสะท้าน นางรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย

แต่ในความเป็นจริงแม้นางจะสามารถเคลื่อนย้ายเม่นศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็ยังมีปัญหา

ประการแรก นางไม่สามารถควบคุมเม่นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ หากสัตว์อสูรแรกกําเนิดโจ มตีมิติช่องว่างของนาง นางจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

ประการที่สอง หากเจ้าหญิงนิทราเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เจตจํานงสวรรค์จะส่งภัยพิบัติที่ทรงพลังลงมาเนื่องจากการคงอยู่ของเม่นศักดิ์สิทธิ์

ประการสุดท้าย เม่นศักดิ์สิทธิ์เป็นไพ่ตายของเจ้าหญิงนิทราที่ทําให้นางสา มารถเอาตัวรอดจากเผ่าเมิ้งและเผ่ามู่หลาน หากนางวางมันไว้ในมิตช่องว่างและเกิดการต่อสู้ขึ้น ในอนาคต นางอาจไม่สามารถปล่อยมันออกมาได้ทันเวลา

“เจ้าหญิงนิทราโปรดสงบจิตใจลงก่อน” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งเกลี้ยกล่อมซ้ํา แล้วซ้ําอีก

“สงบจิตใจงั้นหรือ? ข้าจะสงบจิตใจลงได้อย่างไร? เจ้าบอกว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น เมิ้งตู๋้เสีย ชีวิตในสนามรบ ตกลงว่าข้าควรจะเชื่อเผ่าเมิ้งของพวกเจ้าหรือไม่? ข้าปล่อยให้พวกเจ้าเข้ามาข้าง ในและต้อนรับพวกเจ้าอย่างอบอุ่น พวกเจ้าบอกว่าพบหลักฐานแล้วขณะที่ข้าไม่พบสิ่งใดเลยและ อาศัยเพียงลานสืบสวนของพวกเจ้าเท่านั้น ต่อมามีเบาะแสที่ชัดเจนปรากฏขึ้น แต่พวกมันถูกทิ้งไว้ โดยคนร้ายจริงๆงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไรที่ลานสืบสวนจะไม่พบเบาะแสหลังจากนั้น?”

นางกล่าวขณะที่เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผาก

นางพยายามสงบจิตใจลงและมองสองผู้อมตะเผ่าเมิ้งอย่างระมัดระวัง

จากนั้นนางก็ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากออกมาและค่อยๆถอยกลับหลังไปอย่างช้าๆ

สองผู้อมตะเผ่าเมิ้งทําได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นแต่พวกเขาเข้าใจความคิดของเจ้าหญิงนิทรา

ตอนนี้เม่นศักดิ์สิทธิ์สูญเสียหนานไปหมดแล้ว พลังการต่อสู้ของมันตกลงสู่จุดต่ําสุด นั่น หมายความว่าพลังการต่อสู้ของเจ้าหญิงนิทราก็ลดลงเช่นกัน ไม่ตายที่นางเคยใช้ ต่อรองกับสองกองกําลังใหญ่หายไปแล้ว เป็นธรรมดาที่เจ้าหญิงนิทราต้องระวังตัวให้มากขึ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งถอนหายใจ “เจ้าหญิงนิทรา หากเรื่องนี้เป็นแผนการของ เผ่าเมิ้งของข้าเพื่อขโมยเข็มศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เหตุใดเราต้องกลับมากับเจ้า? หากเราวางแผนร้ายต่อ เจ้า เราควรหลอกล่อให้เจ้าติดอยู่ในเขตแดนอมตะ เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”

เจ้าหญิงนิทราเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “นั่นอาจเป็นเพราะเผ่าเมิ้งของพวกเจ้าเป็น ฝ่ายธรรมะและต้องปฏิบัติตามกฏ ดังนั้นพวกเจ้าจึงไม่สามารถทําร้ายข้าได้โดยตรง ใน ทางกลับกัน ข้าได้ทําข้อตกลงกับเผ่าเมิ้งของพวกเจ้าไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเจ้าจึงวางแผนที่จะ ลดพลังการต่อสู้ของข้าก่อน จากนั้นจึงใช้วาทศิลป์เพื่อหลอกลวงข้า!”

สองผู้อมตะเผ่าเมิ้งมองหน้ากันด้วยความขมขื่น

คํากล่าวของเจ้าหญิงนิทราไม่สมเหตุสมผล การคิดอย่างรวดเร็วของนางทําให้สองผู้อมตะเผ่า เมิ้งรู้สึกหมดคําพูด

“อืม!” เจ้าหญิงนิทรากล่าวต่อ “พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้กลอุบายของฝ่ายธรรมะงั้นหรือ? หาก เผ่าเมิ้งของพวกเจ้าไม่อธิบายให้ข้าฟัง เช่นนั้นข้าก็จะขอให้โลกตัดสิน!”

“หยุด!” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งตะโกนเสียงดัง ใบหน้าของเขากับเฉิงจือใจก ลายเป็นซีดเผือด

แต่มันสายไปแล้ว!

เจ้าหญิงนิทราเปิดเผยเรื่องนี้ในสวรรค์สีเหลืองโดยตรง นางรีบแจ้งเผ่ามู่หลานผ่าน การติดต่อของนางเช่นกัน

นี่ทําให้ความพยายามในการซ่อนเร้นเรื่องการเสียชีวิตของเมิ้งตู๋้กลายเป็นสูญเปล่า พวกเขาไม่ สามารถหาตัวฆาตกรและยังทําให้เจ้าหญิงนิทราสูญเสียเข็มศักดิ์สิทธิ์กระทั่งถูกเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดในที่สาธารณะ

“เจ้า…เจ้าเจ้า” เมิ่งจื่อใจชี้นิ้วไปที่เจ้าหญิงนิทราด้วยดวงตาที่แทบจะสามารถพ่นไฟออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งหน้าซีดขณะที่เขามองเจ้าหญิงนิทราด้วยเจตนาสังหาร

เจ้าหญิงนิทราแสดงออกอย่างเฉยเมยแต่ภายในกลับลอยเผยรอยยิ้มขมขื่น

ว่าการกระทําของนางได้ทําลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างนางกับเผ่าเมิ้งเรียบร้อย แล้ว แต่นางไม่มีทางเลือก

นางต้องทําสิ่งนี้

ข้อตกลงพันธมิตรใดๆล้วนมีโอกาสถูกทําลายโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสมอ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ รุนแรงเกินไป เจ้าหญิงนิทราต้องปกป้องตนเอง

แต่นางจะปกป้องตนเองได้อย่างไร?

แม้เมิ้งตู๋จะตายแต่เผ่าเมิ้งไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ดเช่นนางจะสามารถต่อต้าน

เจ้าหญิงนิทราเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการหยิบยืมความแข็งแกร่งของผู้อื่นเพื่อสนับสนุนนาง แม้ เผ่าเมิ้งจะมีเจตนาร้าย พวกเขาก็ต้องยับยั้งชั่งใจ ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นกองกําลังฝ่ายธรรมะ

“เจ้าหญิงนิทรา ณ จุดนี้ คํากล่าวใดๆก็ไร้ความหมายอีกต่อไป แต่ข้าขอบอกเจ้าว่าอย่าได้คิด เช่นนั้น พวกเราถูกหลอกใช้โดยคนร้ายตัวจริง!” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งกล่าวด้วยน้ํา เสียงที่หนักแน่น

สถานการณ์ชัดเจนมาก

แม้สองผู้อมตะเผ่าเมิ้งจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่พวกเขาก็สามารถสรุปได้ว่าผู้ อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ชั่วร้ายมาก ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาบังคับให้เมิ้งตู๋ระเบิดตัวเองได้ อย่างไร แต่เขาตั้งใจทิ้งเบาะแสเอาไว้เพื่อหลอกล่อให้ผู้อมตะเผ่าเมิ้งออกไล่ล่าและบังคับให้เจ้าหญิ งนิทราเดินทางออกไปพร้อมกัน สุดท้ายคนร้ายจึงสามารถขโมยเพิ่มศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปได้อย่าง สะดวกสบาย

“เผ่าเมิ้งของเราจะอธิบายให้ฟัง!” ก่อนจากไปผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งทิ้งประโยคนี้เอาไว้

เมื่อผู้อมตะเผ่าเมิงจากไป เจ้าหญิงนิทราก็เริ่มจัดตั้งค่ายกลวิญญาณไว้รอบๆเม่นศักดิ์สิทธิ์

เผ่าเมิ้งสูญเสียเบาะแสของคนร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงทําได้เพียงเดินทางกลับ

แม้พวกเขาจะได้รับเบาะแสบางอย่างในเวลานี้ พวกเขาก็จะสงสัยว่ามันเป็นกับดักของศัตรู หรือไม่

ภายในลานสืบสวน เมิ้งจือใจกล่าวด้วยสายตาดุร้าย “คนร้ายผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์นัก เรื่องนี้ถูกเปิด เผยแล้ว พวกเราจะตัดสินว่าเจ้าหญิงนิทราเป็นคนร้ายได้หรือไม่?”

ไม่ว่าเจ้าหญิงนิทราจะเป็นคนร้ายหรือไม่ หากเผ่าเมิงโจมตีและฆ่านาง พวกเขาจะสามารถ กู้คืนเกียรติยศและแก้ไขวิกฤตให้กลายเป็นชื่อเสียง นอกจากนั้นพวกเขาอาจยังได้รับเม่นศักดิ์สิทธิ์ อีกด้วย

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งถอนหายใจ “ข้าก็คิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่ประการ แรก ลานสืบสวนไม่สามารถจัดการเจ้าหญิงนิทราและเม่นศักดิ์สิทธิ์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ สถานที่ แห่งนี้อยู่ใกล้กับเผ่ามู่หลาน ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่เข้ามายุ่ง ประการที่ สอง เรามีข้อตกลงพันธมิตรกับนางและจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรงหากเราโจมตี นางสุดท้ายสถานการณ์ของภาคเหนือไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

ในปัจจุบันถ้ําสวรรค์นิรันดรปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เหยากวงได้รับตําแหน่งราชันใต้ขณะที่ ถ้ําสวรรค์นิรันดรกําลังรวบรวมสมาชิกตระกูลฮวงจินเข้าด้วยกัน ในช่วงเวลานี้ พวกเขาต้องอุทิศตนเพื่อภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือคือตระกูลฮวงจิน ดังนั้นมันจึงไม่มีความ จําเป็นต้องรวบรวมพวกเขา ในความเป็นจริงแผนการของถ้ําสวรรค์นิรันดรคือการรวบรวมผู้บ่ม เพาะสันโดษให้เข้าร่วมกับฝ่ายธรรมะ

อย่างไรก็ตามแผนนี้ถูกขัดขวางเล็กน้อยเมื่อวังสวรรค์ปลอมตัวเป็นฟางหยวนและสังหารผู้บ่ม เพาะสันโดษที่กําลังจะแต่งงานเข้าสู่กองกําลังฝ่ายธรรมะ

แต่ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังพยายามดําเนินการตามแผนเดิม

ดังนั้นในฐานะสมาชิกตระกูลฮวงจิน หากเผ่าเมิ้งโจมตีเจ้าหญิงนิทราที่เป็นผู้บ่มเพาะสัน โดษ มันจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม พวกเขาจะถูกตรวจสอบและลงโทษโดยถ้ําสวรรค์นิรันดร

นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของเผ่าเมิ้งกังวลมากที่สุด

ขณะที่สองผู้อมตะเผ่าเมิ้งมุ่งหน้ากลับฐานทัพ ฟางหยวนก็รับกลับเช่นกัน

เข็มศักดิ์สิทธิ์นอนอย่างเงียบๆอยู่ในมิติช่องว่างของเขา แน่นอนว่าเขาคือคนร้ายที่อยู่เบื้องห ลังเหตุการณ์ทั้งหมด

ฟางหยวนรู้จักเผ่าเมิ้งเป็นอย่างดี และด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาได้วาง กับดักที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ

เพิ่มเติมด้วยโชคอันทรงพลังของเขา เจ้าหญิงนิทราจึงถูกบังคับให้ออกไปจากหุบเขาของนาง และทําให้แผนการของฟางหยวนประสบความสําเร็จทันที

ผู้อมตะทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าใกล้เม่นศักดิ์สิทธิ์ แต่ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่ คุ้นเคยและสามารถปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงนิทราได้อย่างสมบูรณ์ กระทั่งเม่นศักดิ์สิทธิ์จะลืมตาที่ นขึ้น มันก็ยังไม่สงสัย

สุดท้ายฟางหยวนจึงสามารถถอนหนานทั้งหมดของมันออกมา

จากความทรงจําในชีวิตแรกของฟางหยวน เจ้าหญิงนิทราเป็นหนึ่งในผู้อมตะของภาคเหนือที่ ต่อต้านวังสวรรค์ สําหรับเม่นศักดิ์สิทธิ์ ฟางหยวนไม่สนใจสัตว์อสูรแรกกําเนิดตัวนี้

มันจะดีกว่าที่เขาจะปล่อยให้เม่นศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของเจ้าหญิงนิทราต่อไป เมื่อเม่นศักดิ์สิท ธิ์สร้างหนานขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ยังสามารถกลับมาขโมยมันได้อีกหน!

ฟางหยวนไม่รู้สึกผิดแม้แต่ตอนที่เขาฆ่าคนโดยไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงการลักทรัพย์

“เทพปีศาจปล้นสวรรค์ช่างน่ายกย่องนักที่สามารถสร้างเส้นทางแห่งการโจรกรรมขึ้นมาได้ ฟางหยวนได้ลิ้มรสผลประโยชน์อันหอมหวานและต้องมองเส้นทางแห่งการโจรกรรมในมุมใหม่ทั้งหมด

ในการต่อสู้กับเมิ้งตู๋ มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถกําหนดชัยชนะได้ทันที โดยปราศจากสี่ งนี้ ฟางหยวนจะไม่สามารถพรากชีวิตของเมิ้งตู๋ได้อย่างง่ายดาย

“ก่อนการปรากฏขึ้นของเส้นทางแห่งการโจรกรรม แม้ผู้อมตะจะต่อสู้กันจนถึงแก่ความ ตาย พวกเขาก็ยังไม่สามารถรับผลประโยชน์จากการต่อสู้ แต่ด้วยการคงอยู่ของเส้นทางแห่งกา รโจรกรรม พวกเขาสามารถได้รับทรัพยากรโดยไม่จําเป็นต้องต่อสู้จนถึงชีวิต ค่าใช้จ่ายลดลง ขณะที่ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น ช่างยอดเยี่ยมนัก!

โชคไม่ดีที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสําหรับการขโมยของ ด้านหนึ่งข้าไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทาง แห่งการโจรกรรมมากนัก ข้ามีเพียงวิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ระดับเจ็ด เท่านั้น ในทางกลับกัน ข้าได้เปิดเผยมือปีศาจปล้นวิญญาณไปแล้วที่ทะเลทรา ยตะวันตก หากข้าปล้นชิงไปทั่ว อาจมีบางคนสามารถเชื่อมโยงและอนุมานถึงตัวตนที่แท้จริงของ ข้า”

“หลังจากรวบรวมทรัพยาการทั้งหมด ข้าจะรีบกลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและ หลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน

แม้ฟางหยวนจะมีวิธีขโมยของแต่เขาไม่สามารถใช้มันได้มากนัก

หลังจากทั้งหมดการบ่มเพาะจิตวิญญาณของเขาเป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่า

การเพิ่มขึ้นของรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหมายความว่าเขาจะสามารถใช้ประโย ชน์จากท่าไม้ตายอมตะราชันภูตได้มากขึ้น พลังการต่อสู้ของเขาจะพุ่งสูงขึ้น การบ่มเพาะจิตวิญ ญาณพึ่งพาวิญญาณความเด็ดเดี่ยวขณะที่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวต้องการวัตถุดิบจากทะเลทราย ผีเขียว ดังนั้นตัวตนของซวนปัจินจึงต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ

“โอ้ ถูกต้อง ข้าไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยง่าย” ฟางหยวนหัวเราะคิกคักและเริ่มปล่อยข่าวลือ ออกไปในสวรรค์สีเหลือง เขากล่าวว่าเจ้าหญิงนิทรากําลังโกหก นางวางแผนโจมตีเผ่าเมิ้ง เข็มศักดิ์ สิทธิ์ที่หายไปอยู่กับนาง นางกําลังเตรียมตัวเผชิญหน้ากับภัยพิบัติและก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น

ความจริงถูกบดบังมากขึ้นในขณะนี้ นั่นหมายความว่าฟางหยวนจะปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน

สําหรับเจ้าหญิงนิทรา เมื่อนางได้ยินข่าวลือเหล่านี้ นางแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความ โกรธและวิตกกังวล

แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท