เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1579 เกราะโชคชะตา

บทที่ 1579 เกราะโชคชะตา

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1579 เกราะโชคชะตา

“เขายังไม่ตายงั้นหรือ? มันคือวิญญาณอมตะชนิดใด?” ฟางหยวนมองฟงจิวเก้อที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย

เลือดไหลออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ดของฟงจิวเก้อ แต่เกราะแสงบางๆที่ปกคลุมอยู่ร่างกายของเขาช่วยชีวิตเขาเอาไว้

“วิญญาณเกราะโชคชะตาระดับแปด” ฟงจิวเก้อกระอักเลือดขณะกล่าว

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดมน

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นเกราะโชคชะตา แม้ฟงจิวเก้อจะเคยใช้มันในสายธารแห่งกาลเวลาก่อนหน้านี้ แต่ฟางหยวนไม่ได้อยู่กับเขาในเวลานั้น

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่ทราบถึงการมีอยู่ของวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาระดับแปด

นี่ทําให้เขาคํานวณผิด

รากฐานของวังสวรรค์….” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น แต่ในวินาทีต่อมา ความมุ่งมั่นของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น เขามองฟงจิวเก้อด้วยสายตาคุกคาม “เกราะโชคชะตาสามารถปกป้องเจ้าได้หนึ่งครั้ง แต่มันจะช่วยเจ้าได้อีกครั้งหรือไม่?”

ฟางหยวนยังมีบุตรแห่งภูตแรกกําเนิดอยู่อีกหนึ่งตน

ฟงจิวเก้อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสผ่นเลือดออกมา “แค่ก แค่ก เจ้าสามารถทดลอง ข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่าจุดเด่นของเกราะโชคชะตาคือการป้องกัน พลังของมันจะแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง แต่ผลลัพธ์ของมันถูกกําหนดโดยชะตากรรม หากข้ายังไม่ถึงที่ตาย เกราะโชคชะตาก็สามารถปกป้องข้าจากการโจมตีทุกชนิด หากข้าถูกลิขิตให้ตาย การป้องกันของเกราะโชคชะตาจะอ่อนแอราวกับกระดาษ”

“วิญญาณชะตากรรม!” ฟางหยวนขมวดคิ้วแน่น

“ถูกต้อง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับวิญญาณชะตากรรม” ฟงจิวเก้อพยักหน้าและถอนหายใจ

หากวิญญาณชะตากรรมถูกทําลาย โชคชะตาจะไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอีกต่อไป พลังอํานาจของเกราะโชคชะตาจะลดลงอย่างมาก แต่ตอนนี้วิญญาณชะตากรรมยังไม่ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์ โชคชะตายังผูกมัดผู้คนบนโลกใบนี้เอาไว้ นั่นทําให้เกราะโชคชะตาสามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่เกินกว่าระดับแปดออกมา

“เกราะหวนคืนของข้าเหมือนกระดองเต่าที่แข็งแกร่ง แต่เกราะโชคชะตายิ่งทรงพลังกว่า” ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้ขณะที่การโจมตีของเขายิ่งรุนแรงมากขึ้น

ฟงจิวเก้อใช้เกราะโชคชะตาโดยไม่สนค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามในการบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้สนับสนุนด้านพลังงานอมตะของฟงจิวเก้อ

“บึม!”

ทันใดนั้นการระเบิดที่รุนแรงก็ปะทุขึ้นขณะที่ละอองดาวสีม่วงแทรกซึมเข้ามาในสนามรบราชันภูตและทําให้เกิดรอยแตกร้าวกระทั่งเผยให้เห็นภูมิทัศน์ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

“รวดเร็วนัก!” ความเร็วในการอนุมานสนามรบราชันภูตของเทพธิดาจื่อเว่ยเหนือกว่าความคาดหมายของฟางหยวน

เลือดไหลออกมาจากจมูกและปากของเขาขณะที่สนามรบราชันภูตเริ่มพังทลายลง

ในความเป็นจริงเทพธิดาจื่อเว่ยไม่ได้มอบวิญญาณอมตะเกราะโชคชะตาให้กับฟงจิวเก้อเพื่อให้มันปกป้องเขาเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน วังสวรรค์จะสามารถสัมผัสถึงมัน ย้อนกลับไปในสายธารแห่งกาลเวลา หงซื้อสามารถค้นพบฟงจิวเก้อเพราะเบาะแสจากเกราะโชคชะตา

เพื่อคลี่คลายสนามรบราชันภูต เกราะโชคชะตาเป็นสิ่งสําคัญที่ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยสามารถถอดรหัสสนามรบราชันภูตได้ในระยะเวลาสั้นๆ

โดยปกติแล้วการอนุมานทางปัญญาจะยากลําบากที่สุดในช่วงเริ่มต้น ผู้อมตะทุกคนบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่สามารถอนุมานเกี่ยวกับฟางหยวนตราบเท่าที่วิธีป้องกันของเขาไม่เกิดความเสียหาย กระทั่งหนึ่งในสามผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ของทะเลตะวันออกฮัวอันก็ไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเกี่ยวกับฟางหยวน

เมื่อเทพธิดาจื่อเว่ยสามารถเปิดช่องโหว่ เรื่องยากก็กลายเป็นเรื่องง่าย

ละอองดาวสีม่วงแทรกซึมเข้าไปในสนามรบราชันภูตมากขึ้นเรื่อยๆ

“บึม!”

ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น สนามรบราชันภูตแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฟางหยวนพ่นเลือดคําโตออกมาขณะที่วิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากที่อยู่ในมิติช่องว่างของเขาเสียชีวิต กระทั่งวิญญาณอมตะยังได้รับบาดเจ็บในระดับหนึ่ง

ฟางหยวนกลับสู่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาในร่างราชันภูต

“ระวัง เขามีวิธีขโมยวิญญาณอมตะจากมิติช่องว่าง!” ฟงจิวเกือบินกลับไปหาเทพธิดาจื่อเว่ย ขณะเดียวกันเขาก็แจ้งเตือนสหายร่วมรบของเขา

“เป็นเจ้า!” เฉินอี้เป็นคนแรกที่เปิดปากกล่าว เขาตะโกนด้วยความโกรธและดวงตาที่เบิกกว้าง

เขาอนุมานและสามารถเชื่อมโยงฟางหยวนกับซวนปู้จินที่ขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณจากชิงโจวที่ทะเลทรายผีเขียว

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

เขาไม่สามารถสังหารฟงจิวเก้อเพราะเกราะโชคชะตา สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือข้อมูลเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะราชันภูตและวิธีขโมยวิญญาณอมตะของเขาถูกเปิดเผย

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนพยายามหลีกเลี่ยงตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น เขาซ่อนไพ่ใบนี้เอาไว้โดยหวังว่าจะสามารถใช้มันสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งด้วยการพึ่งพาสนามรบราชันภูตเพื่อเก็บความลับ แต่ความปรารถนาของเขาไม่ได้รับการตอบสนอง ฟางหยวนไม่สามารถสังหารผู้ใดขณะที่ไพ่ตายของเขาถูกเปิดเผย

“ฟางหยวน เจ้าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายอย่างแท้จริง หลิวกวนซื่อคือเจ้า ซวนปู้จินก็คือเจ้าเช่นกัน!” ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายเย็นเยียบ นางเข้าใจแผนการของฟางหยวนทันที “เจ้าต้องการควบคุมทะเลทรายผีเขียวเพื่อรวบรวมแก่นแท้อสูรวิญญาณและใช้ภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปบ่มเพาะจิตวิญญาณ น่าเสียดายที่ภูเขาตงฮันถูกทําลาย คือ ไม่ เจ้ามีวิธีฟื้นฟูภูเขาตงฮัน!”

ฟางหยวนไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ นางสามารถเปิดเผยความลับมากมายของฟางหยวนได้ทันที

ในความเป็นจริงเทพธิดาจื่อเว่ยก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน

“ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะมีวิธีขโมยวิญญาณอมตะของผู้อื่น!”

“โชคดีที่มือปีศาจปล้นวิญญาณอ่อนแอกว่ามือปีศาจไร้ลักษณ์ มันไม่สามารถเลือกวิญญาณที่จะขโมย มิฉะนั้นหากมันขโมยวิญญาณที่สําคัญของผู้อมตะ การกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของฟงจิวเก้อจะล้มเหลว เขาจะเผชิญหน้ากับฟันเฟือนและอาจถือแก่ชีวิต มันอาจเป็นปัญหาหากเขาไม่สามารถยื่อเวลาจนกว่าข้าจะสามารถถอดรหัสและทําลายท่าไม้ตายเขตแดนอมตะของฟางหยวน”

“อย่างไรก็ตาม เทพธิดาจื่อเว่ยมองฟางหยวนด้วยสายตาน่ากลัว แม้เขาจะล้มเหลวในการสังหารฟงจิวเก้อ แต่ปีศาจตนนี้สามารถขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะ นั่นหมายความว่าโชคของเขาแข็งแกร่งมาก!”

วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหายจากการโจมตีของเทพปีศาจบัวแดง แม้มันจะไม่ถูกทําลาย แต่มันก็อ่อนแอลงมาก ต่อมาเทพอมตะตะวันเดือดก็ลุกขึ้นและสร้างเส้นทางแห่งโชค

ตราบเท่าที่วิญญาณชะตากรรมไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ เส้นทางแห่งโชคจะยังแข็งแกร่งต่อไป ระดับความสําเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของฟางหยวนไม่สูงนัก เขาไม่มีท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังบนเส้นทางแห่งโชค แต่โชคก็ช่วยเหลือเขามาตลอด

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้ง

ฟงจิวเก้อสูญเสียพลังการต่อสู้ไปมาก ตอนนี้เขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเทพธิดาจื่อเว่ย ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมมือกับยักษ์สวรรค์และค่ายกลวิญญาณอมตะเพื่อต่อต้านเฉินอี้กับเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงพลังอํานาจของผู้อมตะระดับแปดออกมาในเวลานี้ ท่าไม้ตายของนางกระทั่งเหนือกว่าเฉินอี้

เฉินอี้มีมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสรรค์ขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยมีมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะกลุ่มดาว ไม่ใช่ว่ามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ต้อยกว่ามรดกที่แท้จริงของเทพอมตะกลุ่มดาว แต่มันเป็นเพราะพลังอํานาจของท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญาส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่พลังจิตของผู้ใช้งาน

ฟางหยวนมีบุตรแห่งภูตแรกกําเนิดอีกหนึ่งตน ราชันภูต และมือปีศาจปล้นวิญญาณ แต่พวกมันถูกเปิดเผยแล้ว เทพธิดาจื่อเว่ยและคนอื่นๆจะสามารถตอบโต้

พวกเขาไม่ได้ลดความระวังตัวลง พวกเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะปลดปล่อยการระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง หากมือปีศาจปล้นวิญญาณเข้าไปใกล้ แรงระเบิดจะบังคับให้มันล่าถอยออกมาและไม่สามารถขโมยวิญญาณ

วิธีตรวจสอบของเฉินอี้และเทพธิดาจื่อเว่ยค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่ได้ใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณ

ยิ่งเขาใช้มันมากเท่าใด ข้อบกพร่องก็จะยิ่งเปิดเผยออกมามากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเทพธิดาจื่อเว่ย หากเบาะแสบางอย่างรั่วไหล นางจะสามารถอนุมานวิธีตอบโต้ได้ทันที

“เปรี้ยง!”

ด้วยเสียงฟ้าผ่า จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าปรากฏตัวขึ้นในที่สุด นางกลับมาแล้ว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท