เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1574 พลังที่แท้จริงของเฉินอี้

บทที่ 1574 พลังที่แท้จริงของเฉินอี้

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1574 พลังที่แท้จริงของเฉินอี้

ยักษ์สวรรค์ทั้งสูงใหญ่และทรงพลัง มันยกแขนขึ้นและส่งหมัดตรงไปยังสี่ผู้อมตะภาคกลาง

ดวงตาของเฉินอี้ส่องประกายขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “ปล่อยข้า!”

เปรียบเทียบกับยักษ์สวรรค์ ร่างของเฉินอี้มีขนาดเล็กมาก อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่เขาระเบิดออกมากลับสามารถแข่งขันกับยักษ์สวรรค์ได้อย่างเท่าเทียม

ท่าไม้ตายอมตะโซ่เถาวัลย์!

เฉินอี้ชี้นิ้วออกไปขณะที่แสงสีเขียวหยกจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ารัดพันยักษ์สวรรค์

ยักษ์สวรรค์ต่อสู้อย่างดุเดือด แต่ด้วยการกีดขวางจากโซ่เถาวัลย์ หมัดของยักษ์สวรรค์จึงถูกเบี่ยงเบนทิศทางมันพุ่งเข้าปะทะดินเมฆและสร้างรูช่องโหว่ขนาดใหญ่ทิ้งไว้

เฉินอี้ลอยขึ้นสู่อากาศและชี้นิ้วออกไปอีกครั้ง

แสงสีเขียวหยกเพิ่มจํานวนขึ้นขณะที่โว่เถาวัลย์ผูกมัดยักษ์สวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคํารามด้วยความโกรธและบังคับยักษ์สวรรค์อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามพละกําลังของยักษ์สวรรค์กลับไม่สามารถทําลายเถาวัลย์ที่รัดพันอยู่บนร่างกายของมันได้นี่ทําให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“ผมที่หก!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียก

ผมที่หกใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที แสงสีทองระเบิดออกจากร่างของยักษ์สวรรค์และทําลายเถาวัลย์จํานวนมากในครั้งเดียว แต่ในไม้ช้ามันก็ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง

เฉินอี้เย้ยหยันขณะใช้ท่าไม้ตายต่อไป

เถาวัลย์ที่ถูกทําลายตกลงบนพื้นเมฆ แต่ด้วยความตั้งใจของเฉินอี้ พวกมันจึงเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหม่

ต้นไม้ใหญ่เติบโตขึ้นรอบๆยักษ์สวรรค์และกลายเป็นกรงขนาดใหญ่ที่กักขังมันเอาไว้ภายใน

เมื่อเวลาผ่านไปกิ่งไม้ก็เริ่มเกี่ยวพันกันจนกลายเป็นกรงขังทรงกลมที่มีลําต้นขนาดมหึมาเป็นเสาค้ําจุนมันเอาไว้

ท่าไม้ตายอมตะเรือนจําต้นไม้บรรพกาล!

ยักษ์สวรรค์หลุดพ้นจากการรัดพันของเถาวัลย์แต่มันกลับถูกกักขังไว้ในเรือนจําต้นไม้บรรพกาลจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคํารามด้วยความโกรธและสั่งให้ผู้อมตะ เผ่ามนุษย์ขนปลดปล่อยท่าไม้ตายสายโจมตีของพวกเขา

แต่เรือนจําต้นไม้บรรพกาลกลับสามารถดูดซับการโจมตีทั้งหมดและกระทั่งใช้มันเป็นสารอาหารเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวมันเองอีกด้วย

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาทดสอบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตระหนักว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการทําลายเรือนจําต้นไม้บรรพกาลคือการใช้กําปั้นของยักสวรรค์

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกว่างเปล่า พวกเขาทําได้เพียงควบคุมยักษ์สวรรค์เพื่อปล่อยหมัดและส่งฝ่าเท้าออกไปเท่านั้น

“บัดซบ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสบถสาปแช่งขณะที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขาติดอยู่ที่นี่และไม่สามารถใช้ความช่วยเหลือฟางหยวน เขาทําได้เพียงเฝ้ามองฟงจิวเก้อและเทพธิดาคือเว่ยโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขาโดยไม่สามารถทําสิ่งใด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารีบติดต่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน “เร็วเข้า! ปล่อยมังกรหิน แรกกําเนิดออกมา!”

“โฮก…” เสียงมังกรดังขึ้นพร้อมกับร่างอันใหญ่โตที่ปรากฏต่อหน้าทุกคน

มังกรหินแรกกําเนิด!

ร่างกายของมันถูกสร้างขึ้นจากหินและเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี ร่างของมันทั้งหนักและหนา เขี้ยวมังกรของมันคมเหมือนหินงอกหินย้อยความใหญ่โตของมันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก

มังกรหินแรกกําเนิดอาจดูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ช้า แต่ในความเป็นจริงมันสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็วและสร้างเงาขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้น

สี่ผู้อมตะจากวังสวรรค์ที่อยู่ภายใต้เงาดําเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ

“ผู้ใดจะคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะมีมังกรหินแรกกําเนิดซ่อนอยู่!” ฟงจิวเก้อถอนหายใจ

เทพธิดาอเว่ยยิ้ม “มันไม่ได้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มันน่าจะมาจากเผ่ามนุษย์หิน”

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ เทพธิดาจ๋อเว่ยสามารถอนุมานความจริงได้ทันที

“ให้ข้าทําลายมังกรหินแรกกําเนิดตัวนี้!” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเลียริมฝีปากขณะที่เจตจํานงแห่งการต่อสู้ของนางพุ่งสูงขึ้น

“ไม่จําเป็น!” เฉินอี้กล่าวก่อนจะชี้นิ้วออกไปโดยใช้ท่าเดิม

ท่าไม้ตายอมตะโซ่เถาวัลย์!

เถาวัลย์แผ่ขยายออกไปมัดร่างมังกรหินเอาไว้ แต่ในขณะที่มันถูกพันธนาการ มันก็ยังพุ่งเข้าไปหาผู้อมตะภาคกลางทั้งสี่

ผู้อมตะทั้งสี่หลบออกไปขณะที่มังกรหินพุ่งกระแทกพื้น หลังจากนั้นเฉินอี้ก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะเรือนจําต้นไม้บรรพกาลอีกครั้งเพื่อกักขังมันไว้ภายใน

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกประหลาดใจและผิดหวังมาก

กระทั่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังต้องสูดหายใจลึกและรู้สึกหนาวเย็นไปถึงแกนกระดูก

มังกรหินแรกกําเนิดที่พวกเขาต้องการพึ่งพากลับถูกกําจัดอย่างง่ายดายโดยเฉินอี้เพียงลําพัง

ด้านเทพธิดาจ่อเว่ยและฟงจิวเก้อ พวกเขากําลังปราบปรามค่ายกลวิญญาณอมตะ

สําหรับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า นางยังไม่ได้ทําสิ่งใดเลย

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นน่าเกลียด แต่เขาไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก

“มังกรหินแรกกําเนิดมีจุดเด่นในด้านการป้องกัน เมื่อมันได้รับบาดเจ็บ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ นจะเสียสละตนเองเพื่อรักษามันไว้”

เมื่อผู้อมตะได้รับบาดเจ็บ การรักษาพวกเขาเป็นเรื่องที่ยากลําบาก ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใดการรักษาก็ยิ่งยากลําบากมากเท่านั้น

สําหรับผู้อมตะระดับแปด หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บ พวกเขาต้องให้ความสําคัญกับมันและรักษาตนเองโดยไม่สามารถแบ่งความสนใจไปกับสิ่งอื่นแต่วิธีการรักษามังกรหินสามารถทําได้ระหว่างการต่อสู้ นี้เป็นสิ่งที่ทําให้คู่ต่อสู้ของมันรู้สึกปวดหัว

มังกรหินมีชื่อเสียงด้วยเหตุนี้

แต่วันนี้แตกต่างออกไป เพราะคู่ต่อสู้ของมันคือผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ เฉินอี้!

ประการแรก วังสวรรค์ปราบปรามและกําจัดผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์มาตลอด ด้วยรากฐานดังกล่าว พวกเขาจึงคุ้นเคยกับมังกรหินของเผ่ามนุษย์หินเป็นอย่างดี

ประการที่สอง มังกรหินแรกกําเนิดตัวนี้ไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปดในการครอบครองขณะที่เฉินอี้สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดและมีวิธีต่อสู้ที่เหมาะสม สิ่งนี้นําไปสู่ความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่และทําให้มังกรหินแรกกําเนิดกลายเป็นไร้ประโยชน์ไปอย่างสมบูรณ์

สุดท้าย ท่าไม้ตายอมตะของเฉินอี้ไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะทั่วไปโดยเฉพาะเรือนจําต้นไม้บรรพกาลที่ไม่เกรงกลัวต่อท่าไม้ตายอมตะของศัตรู นี่เป็นเรื่องยากที่จะกําจัด

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มังกรหินแรกกําเนิดจะถูกกําหราบโดยเฉินอี้

ยิ่งมันพยายามดิ้นรนเท่าใด มันก็ยิ่งถูกผูกมัดเท่านั้น โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก มันจะไม่สามารถปลดปล่อยตนเองออกมาจากโซเถาวัลย์และแน่นอนว่ายังมีเรือนจําต้นไม้บรรพกาลอยู่อีกชั้น

“มนุษย์ขนเราต้องพึ่งพาตนเอง!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตะโกนเมื่อเขาเห็นจุดอ่อนของเรือนจําต้นไม้บรรพกาลและเริ่มทําลายมัน

“สมกับเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์” เฉินอี้เผยรอยยิ้มและพิ่มทํา “แต่อย่าคิดว่าจะสามารถทําลายเรือนจําต้นไม้บรรพกาลของข้าได้โดยง่าย”

การเคลื่อนไหวของยักษ์สวรรค์หยุดลงอย่างกะทันหัน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นผืนงง เขาหันกลับหลังและพบมือที่เกิดจากกิ่งไม้จับขาของยักษ์สวรรค์เอาไว้

“มันคือสิ่งใด?” ยักษ์สวรรค์ฟาดฝ่ามือทั้งสองข้างลงไปเหมือนขวาน

มือไม้ถูกแยกออกโดยขวานยักษ์

ยักษ์สวรรค์ต้องการโจมตีมันอีกครั้งแต่ในจังหวะนี้มนุษย์พฤกษาก็โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินและพุ่งเข้าโจมตีหน้าอกของยักษ์สวรรค์และส่งมันล้มลงบนพื้นในครั้งเดียว

ผู้อมตะของนิกายหลางหยาพยายามบังคับยักษ์สวรรค์ให้ยืนขึ้น แต่มนุษย์พฤกษากลับโจมตีอย่างต่อเนื่องมันกระโดดขึ้นสู่อากาศก่อนจะพุ่งลงไปกระแทกยักษสวรรค์อีกครั้ง

ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ผู้อมตะเผ่ามนุษยขนทําเรื่องผิดพลาดโดยการใช้ท่าไม้ตายอมตะกับมนุษย์พฤกษา

อาการบาดเจ็บของมนุษย์พฤกษาถูกเยียวยาและกลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับยักษ์สวรรค์เรียบร้อยแล้ว

เฉินอี้เผยรอยยิ้มพึงพอใจนี่คือท่าไม้ตายอมตะของเขา หุ่นเชิดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นท่าไม้ ตายต่อเนื่องจากเรือนจําต้นไม้บรรพกาลและมีเพียงการโจมตีทางกายภาพเท่านั้นที่จะส่งผลต่อมัน

“นี่คือพลังแห่งมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์!” ดวงตาของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าส่องประกายขึ้น

เฉินอี้แสดงความสามารถอันยิ่งใหญ่ออกมาในครั้งนี้ เขากําหราบทั้งยักษ์สวรรค์และมังกรหินแรกกําเนิดด้วยตัวเขาเพียงผู้เดียว

นี่คือพลังที่แท้จริงของเขา ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์และผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องมีพลังการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา

ก่อนหน้านี้ในการต่อสู้ที่ทะเลทรายผีเขียว เขารู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก เขาต่อสู้โดยคํานึงถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในการต่อสู้ครั้งนั้นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลฟางมีข้อได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด นั่นทําให้เฉินอี้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบและไม่สามารถทําสิ่งใด

อย่างไรก็ตามตอนนี้เฉินอี้สามารถปลดปล่อยพลังอํานาจที่แท้จริงของเขาออกมา แม้เขาจะยังไม่ได้ใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมที่เป็นไพ่ตายของเขา แต่เขาก็สามารถกําหราบยักษ์สวรรค์และมังกรหินแรกกําเนิดได้อย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท