เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1572 สายเกินไป

บทที่ 1572 สายเกินไป

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1572 สายเกินไป

เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้ฟางหยวนบินออกจากเมืองเมฆาและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่กระจัดกระจายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แสงสีทองส่องประกายขึ้นและนําฟางหยวนไปยังพื้นที่รกร้างที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ทันที

หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะที่จัดตั้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้ง ตอนนี้มันมีความสามารถในการขนส่งผู้คนเพิ่มเข้ามา

ในการบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งก่อนหน้าา ฟงจิวเก้อโจมตีมนุษย์ขนจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่สามารถทําสิ่งใด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเรียนรู้จากบทเรียนที่น่าเศร้าและเสนอให้ฟางหยวนเพิ่มวิธีขนส่งเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ

นิกายหลางหยาช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณอมตะหมื่นตัวตนโดยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของบรรพชนผมยาว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องตอบแทนด้วยการปรับปรุงค่ายกลวิญญาณอมตะให้พวกเขา

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาและด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาจึงประสบความสําเร็จในการดัดแปลงค่ายกลวิญญาณอมตะดังกล่าว

เมื่อฟางหยวนมาถึงสถานที่รกร้างว่างเปล่า เขาสูดหายใจลึกและเริ่มฝึกท่าไม้ตายของเขา

ท่าไม้ตายอมตะราชันภูต!

ชุดเกราะสีทองและมงกุฏที่งดงามปรากฏขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ถูกปกปิดไว้ด้วยชั้นเมฆหมอกหนาทึบ ผ้าคลุมราชันภูตปักลายภูตผีจํานวนมากเอาไว้หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คนผู้หนึ่งอาจมองเห็นภูตผีมากกว่าพันตน

นี่คือผลลัพธ์จากการบ่มเพาะของฟางหยวน

ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ!

ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่กลุ่มหมอกควันสีดําพุ่งออกไปทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า แต่ด้วยการป้องกันของค่ายกลวิญญาณอมตะ ทวีปเมฆาจึงปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาและสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากการระเบิดติดต่อกันเป็นลูกโซ่ พื้นที่รอบๆก็ถูกทําลายล้าง ดินเมฆกระจัดกระจายออกไปทําให้เกิดรูของโหว่ขนาดใหญ่ที่มีรัศมีหลายจํานวนมาก

เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ภาพภูตผีที่อยู่บนผ้าคลุมของฟางหยวนก็เลือนหายไปหนึ่งตน

นี่คือราคาของการใช้ท่าไม้ตายอมตะระเบิดวิญญาณ

แต่ฟางหยวนไม่สนใจค่าใช้จ่ายนี้ เขายังกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายต่อไป

ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต!

“ฟื้ว..”

สายลมกรรโชกแรงพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนสี

ในพริบตาพื้นที่ขนาดใหญ่ก็กลายเป็นเขตแดนอมตะของฟางหยวน

เขตแดนนี้เป็นมิติสีเขียวซีดปนสีเหลือง มีเมฆหมอกหนาทึบที่ลดประสิทธิภาพในการรับรู้ทิศทางสายลมกรรกโชกแรงทําให้เกิดเสียงโหยหวย

ฟางหยวนปล่อยภูตผีออกมา พวกมันส่งเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกและเคลื่อนไหวไปรอบๆ ในสนามรบราชันภูตพลังของภูตผีเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้น พวกมันเหมือนปลาที่อยู่ในน้ํา

หลังจากทดสอบบางอย่าง ฟางหยวนก็เก็บภูตผีและหยุดใช้เขตแดนอมตะราชันภูต

ท้องฟ้ากลับมาสดใส

ท่าไม้ตายอมตะเขตแดนราชันภูตเป็นความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเคยอนุมานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายมันใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ราชันภูเขาม่วงทิ้งไว้เบื้องหลังเป็นแกนกลางฟางหยวนเคยให้มนสังหารสองเทพธิดาแห่งทะเลตะวันออกโหยวชานและฉินไปอี้มาแล้ว

แต่จุดเด่นของเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงที่พังทลายคือการปกปิดและการซ่อนตัวจากโลกภายนอก จุดอ่อนของมันคือเวลาในการจัดตั้ง มันต้องถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า แต่ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ หากคนผู้หนึ่งพยายามใช้มันระหว่างการต่อสู้ ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาหลบหนี้ก่อนที่เขตแดนจะถูกสร้างขึ้น

เขตแดนอมตะราชันภูตถูกคิดค้นขึ้นโดยฟางหยวน เขาใช้ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะจํานวนมากที่บันทึกอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นข้อมูลอ้างอิง

เขตแดนอมตะราชันภูตด้อยกว่าเขตแดนอมตะดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายในแง่ของการปกปิดและซ่อนตัวจากโลกภายนอก แต่มันมีข้อดีที่สามารถใช้งานได้ภายในเวลาเท่ากับการกระพริบตาสามครั้ง

แม้ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวแต่เขตแดนนี้สามารถใช้งานได้จริงระหว่างการต่อสู้

ตราบเท่าที่ฟางหยวนสามารถคว้าโอกาสและประสบความสําเร็จในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตศัตรูของเขาจะไม่สามารถหลบหนี

หลังจากเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตถูกจัดตั้งขึ้น ความได้เปรียบของฟางหยวนจะยิ่งใหญ่มาก

“ปัจจุบันขาสามารถเลือกที่จะไว้ชีวิตหรือสังหารผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดได้ตามใจปรารถนา” ฟางหยวนถอนหายใจ

ผู้อมตะไม่ง่ายที่จะเอาชนะและยิ่งยากกว่าในการจับกุมหรือสังหาร

ประการแรก มีวิธีหลบหนีมากมาย คนผู้หนึ่งไม่สามารถจัดการกับความเป็นไปได้ทั้งหมด ประการที่สอง ฟางหยวนต่อสู้เพียงลําพังขณะที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาไม่ว่าจะเป็นวังสวรรค์หรือถ้ําสวรรค์นิรันดร พวกเขาต่างมีกําลังเสริม ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเอาชนะศัตรูของเขาอย่างรวดเร็วที่สุด

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนต้องระวังตัวและเลือกคู่ต่อสู้ หากเฉิงตูไม่มีเขตแดนอมตะที่สามารถกักขังทั้งศัตรูและตัวเขาเองในทุ่งใบมีดร่วงโรยฟางหยวนจะไม่เสี่ยงต่อสู้เป็นตายกับเขา

หลังจากทดสอบเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต ฟางหยวนก็คิดถึงท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก ด้วยการใช้วิญญาณอมตะจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่และท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผีเป็นแกนกลาง ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณของเขาจึงสามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปด

ฟางหยวนเคยใช้มันเพียงสองครั้งแต่มันกลับสามารถขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปดจากชิงโจวและวิญญาณอมตะกระบี่เห็นระดับเจ็ดของเฉิงตู ทั้งสองครั้งทําให้สถานการณ์ผลิกผันอย่างรวดเร็วหลังจากเพิ่งสูญเสียวิญญาณอมตะดังกล่าว มันทําให้เขาตัดสินใจระเบิตตัวเองทันที

“ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณได้บ่อยนักเพราะข้าต้องการ ตบังตัวตนหากข้อมูลรั่วไหลออกไปศัตรูจะระวังตัวมากขึ้นและจะพยายามหาวิธีต่อต้าน สุดท้ายการจัดเตรียมของข้าในทะเลทรายผีเขียวจะถูกค้นพบเช่นกัน

“แต่ด้วยสนามรบราชันภูต ขาสามารถกักขังศัตรูและใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณเพื่อขโมยวิญญาณอมตะของพวกเขา มีโอกาสน้อยมากที่ศัตรูจะสามารถหลบหนี ข้าจะปล้นฆ่าพวกเขาในเขตแดนและเก็บเกี่ยวทรัพยากรในการบ่มเพาะของข้า!”

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความไร้ปรานี จิตสังหารปะทุขึ้นในใจของเขา

ด้วยเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต เขาสามารถเริ่มต้นการเข่นฆ่าและขโมยวิญญาณอมตะไปพร้อมกับการกลืนกินมิติช่องว่างเพื่อดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

ฟางหยวนไม่มีปัญหาในการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาไม่รู้สึกผิดและไม่โทษตัวเอง

เขาเลียริมฝีปากก่อนจะส่ายศีรษะ “น่าเสียดาย…ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”

หากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาไม่ถูกค้นพบ หากไม่มีแรงกดดันจากวังสวรรค์ ฟางหยวนจะออกไปและเข่นฆ่าผู้คน! แต่สิ่งสําคัญในตอนนี้คือการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ขณะนี้การรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้มีความสําคัญต่อฟางหยวนมากกว่าการขโมยวิญญาณอมตะ

ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเวลาผ่านไป ฟางหยวนจะถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ

วังสวรรค์จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไป พวกเขาจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอีกครั้งและ อีกครั้งแม้แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจะเตรียมตัวรับมืออย่างเต็มที่แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อต้านได้ ตลอดไป

ไพ่ตายของนิกายหลางหยาถูกเปิดเผยในการต่อสู้ครั้งก่อนไปแล้วขณะที่วังสวรรค์มีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึงพวกเขาอาจมีไพ่ตายที่สามารถกวาดล้างนิกายหลางหยาหรือคิดแผนการอันแยบยลที่เป็นภัยร้ายแรงต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก่อนที่วังสวรรค์จะบุกโจมตีเป็นครั้งที่สอง

แต่ระหว่างการย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีโดยวังสวรรค์อย่างแน่นอน บางที่องค์ชายฟงเซี่ยนอาจซุ่มรออยู่แล้วฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปด แม้ฟางหยวนจะสามารถป้องกันตัว แต่เขาไม่สามารถโจมตึกลับ นี่เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ

เพื่อแก้ปัญหานี้ เขามีสองทางเลือก

ทางเลือกแรกคือใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดทางเลือกถัดไปคือใช้วิญญาณอมตะระดับแปดเพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพในการครอบครองของฟางหยวน หุบเขาเหล่าโปเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรืออาจกล่าวว่ามันเป็นทางเลือกเดียวของเขา

ฟางหยวนมีแรงบันดาลใจในการสร้างท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป แต่โชคไม่ดีที่มันมีความคืบหน้าค่อนข้างช้าแม้เขาจะได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญาแล้วก็ตาม

ในแง่ของวิญญาณอมตะระดับแปด ฟางหยวนมีสี่ดวงได้แก่วิญญาณทัศนคติ วิญญาณดาบแห่งปัญญาวิญญาณที่ไหลผ่านราวกับสายน้ําและวิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณ

วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถผลิตวิญญาณปีมันไม่ได้มีไว้สําหรับการต่อสู้วิญญาณป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณเป็นส่วนสําคัญของท่าไม้ตายอมตะราชันภูตที่ไม่สามารถนําออก

ดังนั้นจึงมีเพียงวิญญาณดาบแห่งปัญญาที่เหลืออยู่

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาระดับแปดดวงนี้มา นานแล้วเพื่อเลี้ยงดูมันเขาต้องใช้จ่ายทรัพยากรจํานวนมหาศาลขณะที่เขาไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว

เหตุผลสําคัญคือวิญญาณดาบแห่งปัญญาต้องการพลังงานอมตะระดับแปด นี้เป็นสิ่งที่ราชันภูเขาม่วงออกแบบมาเพื่อโป๊ชิงโดยเฉพาะแต่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและมีเพียงพลังงานอมตะระดับเจ็ดเท่านั้น

นี่เป็นกฎที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

ในความเป็นจริงวิญญาณอมตะระดับแปดส่วนใหญ่ต่างต้องการพลังงานอมตะระดับแปด อย่า งไรก็ตามวิญญาณอมตะระดับแปดสามดวงของฟางหยวนเป็นข้อยกเว้น

วิญญาณทัศนคติพึ่งพาเพียงพลังจิต วิญญาณปีไหลผ่านราวกับสายน้ําสามารถใช้พลังงาน อมตะระดับใดก็ได้แต่ประสิทธิภาพของมันจะขึ้นอยู่กับพลังงานอมตะที่ใช้ วิญญาณป้ายคําสั่งอสูร วิญญาณอาศัยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของผู้ใช้งาน

หลังจากไตร่ตรอง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะและมรดกมากมาย แต่ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดที่เขาต้องการสามารถพึ่งพาเพียงหุบเขาเหล่าโปเท่านั้น

“ข้าสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืนได้ก่อนหน้านี้เนื่องจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งวารีระดับปรมาจารย์ของข้า

“คราวนี้เพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป ข้าต้องพึ่งพาความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่น่าเสียดายที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของข้าอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น มีอุปสรรคขนาดใหญ่ขวางทางข้าอยู่

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์ในหลายเส้นทาง เขายังเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการโจรกรรมและเป็นถึงปรมาจารย์สูงสุดบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่เขาไม่สามารถถ่ายโอนพวกมันไปยังเส้นทางสายอื่น

ตอนนี้ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขายังอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

“แต่ข้ามีแสงแห่งปัญญา แม้ความก้าวหน้าจะช้า แต่ข้ายังสามารถบังคับให้ตนเองเดินหน้าต่อไป”

“ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเวลา ข้าหวังว่าจะสามารถสร้างมันคือ!?”

ทันใดนั้นวังวนแสงสีดําขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

“โอ้ ไม่!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปทันที

เขาตระหนักว่าสิ่งนี้เกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ที่ฟงจิวเก้อทิ้งไว้เบื้องหลัง

ฟางหยวนเคยตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาแล้ว จิตวิญญาณแผ่ นดินหลางหยาก็เช่นกันทั้งสองรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่กําจัดได้ยากแต่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋เหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคาม

แต่ผู้ใดจะคิดว่าโดยปราศจากการควบคุมและพลังงานอมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้จะยังเกิดปฏิกิริยาดังกล่าวด้วยตัวของมันเอง

“ทําลายมัน!” ฟางหยวนกรีดร้อง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาออกคําสั่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน

ค่ายกลวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนดัดแปลงถูกกระตุ้นใช้งานทันที

อย่างไรก็ตามลําแสงสี่สายกลับพุ่งออกมาจากวังวนแสงสีดําเรียบร้อยแล้ว

วังวนแสงสีดําระเบิดหายไปในเวลาต่อมา ขณะที่แสงสี่สายกลายเป็นผู้อมตะสี่คน

ฟงจิวเก้อ เฉินอี้ และจักรพรรดินีอสูรสายฟ้ารวมอยู่ในกลุ่มนี้โดยมีผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งเป็นผู้นํา

นางกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะเผยรอยยิ้มให้กับฟางหยวน “ฟางหยวน ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”

นางก็คือผู้นําคนปัจจุบันของวังสวรรค์ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่ง เทพธิดาจอเว่ย!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท