เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1582 ถึงเวลาถอนตัว

บทที่ 1582 ถึงเวลาถอนตัว

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1582 ถึงเวลาถอนตัว

“ผู้อาวุโสจิ้งหลาน!” เทพธิดาจื่อเว่ยกรีดร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า

เฉินอี้และฟงจิวเก้อแสดงออกด้วยความเสียใจความเกลียดชังความโกรธและอีกหลากหลายอารมณ์

“ไม่ใช่ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์กังวลว่าวิญญาณอมตะขโมยชีวิตจะสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ดังนั้นเขาจึงทําลายมันรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมมันไปแล้วนั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข้อมูลเท็จแต่วังสวรรค์คิดว่มันเป็นเรื่องจริง

หากเทพธิดาจื่อเว่ยต้องการทราบรายละเอียดนางต้องสอบปากคําจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเท่านั้น

ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์ขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้เขาไม่ว่าพวกเขาจะทําธุรกรรมส่วนตัวอย่างไรหรือปล่อยข้อมูลออกมาเพื่อหลอกลวงวังสวรรค์อย่างไรทุกอย่างก็มีเพียงคนทั้งสองเท่านั้นที่รู้

“ฮ่าฮ่าฮ่า” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างเต็มที่ “พวกเจ้าคิดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาสามารถรังแกได้โดยง่ายงั้นหรือ? ครั้งนี้พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”

“ระวัง!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนตะโกนเดือน

“อันใด!?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอ้าปากค้าง

แม้จึงหลานจะเสียชีวิตแต่หัวใจของนางยังปลดปล่อยสายฟ้าออกมาในไม่ช้าร่างกายที่แก่ชราของนางก็สูญสลายไปเพราะพลังงานสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากหัวใจของนาง

มันปลดปล่อยกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์พิภพออกมา

“นางยังไม่ตายอีกงั้นหรือ?”

“ไม่ดีแล้ว!”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์อ้าปากค้างด้วยความกลัวและตกใจ

ฟางหยวนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม เขากล่าว “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เก ราะสีดําของนางคล้ายเจตจํานงสิ่งสําคัญที่สุดคือหัวใจของนางดูเหมือนจะเป็นไพ่ตายสุดท้ายที่ นางทิ้งไว้ มันมีพลังมหาศาล เราต้องระวังมัน!”

ทันใดนั้นเกราะสีดําของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็ระเบิดและส่งดาวตกสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตียักษ์ สวรรค์

รวดเร็วมาก!

แม้ฟางหยวนจะกล่าวเตือนไปแล้ว แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลาพวกเขาไม่สามารถหลบเลี่ยงหรือใช้ท่าไม้ตายใดๆ

เพราะมันเร็วเกินไป!

จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวมากที่สุด พลังทําลายล้างของนางอยู่ใน ระดับมาตรฐานของระดับแปดแต่ความเร็วของนางอยู่บนจุดสูงสุดของระดับแปด

อย่างไรก็ตามดาวตกสายฟ้ากลับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าจุดสูงสุดของระดับ แปด มันเทียบเท่ากับระดับเก้า!

ยักษ์สวรรค์ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้

“เราจะถอนตัว!” เปลือกตาของเทพธิดาอเว่ยกระตุกนางต้องการหลบหนีแต่มันสายเกินไป

“บึม!”

เกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง

สายฟ้าระเบิดออกไปทุกหนทุกแห่ง

โลกกลายเป็นสีขาว แสงสว่างทําให้สายตาของทุกคนพร่ามัวผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าถึงกับหลั่งน้ําตาก่อนจะกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น มันทําให้พวกเขาตาบอดด้วยการชําเลืองมองเพียงครั้งเดียว!

เมื่อแสงจางหายคลื่นกระแทกก็ระเบิดออกไปทุกทิศทาง

กระทั่งกลุ่มของเทพธิดาจื่อเว่ยยังถูกผลักออกไป พวกนางไม่สามารถช่วยเหลือตนเองพวกนางเหมือนแพที่ลอยอยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์

ทวีปเมฆาทั้งหมดถูกเป่าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

แดนศักดิ์สิทธ์หลางหยาเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เดิมทีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมยังส่องแสงอยู่อย่างหนาแน่น แต่ตอนนี้ภายใต้แรงระเบิดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในบริเวณที่เกิดการระเบิดถูกทําลายเกือบทั้งหมด

พื้นที่ใจกลางของการระเบิดกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงผู้อมตะไม่กี่คนที่ยังเหลือรอด

“แค่ก แค่ก” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ระดับเจ็ดทั้งหมดกระอักเลือดและตกอยู่ในสภาพที่ น่าสมเพช

ร่างของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นโปร่งแสง เขาเกือบเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ

มีเพียงฟางหยวนที่ไม่ได้รับอันตราย แต่การแสดงออกของเขายังมืดมนมาก เกราะหวนคืนใกล้ถึงขีดจํากัดแล้วแม่น้ําหวนคืนที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเหลือมวลน้ําเพียงสิบส่วนหลังจากการโจมตีครั้งนี้

“สมบกับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ครั้งหนึ่งเคยต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณ! แม้ตาย นางก็ยังสามารถตอบโต้ได้ในระดับนี้”

ท่าไม้ตายนี้เป็นการกระตุ้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้าที่นางเก็บไว้ในหัวใจให้เกิดการระเบิดในครั้งเดียวพลังทําลายล้างของมันจึงน่าสะพรึงกลัวมาก

“หลังจากการระเบิด ไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งสายฟ้าเหลืออยู่นี่แสดงให้เห็นว่าความสําเร็จบนเส้นทางแห่งสายฟ้าของนางต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก!”

ความคิดมากมายปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่การสูญเสียของเขาก็รุนแรงมาก

ยักษ์สวรรค์พังทลายลงจากการระเบิดขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ครึ่งหนึ่งเสียชีวิตศพของพวกเขาถูกทําลายกระทั่งดวงวิญญาณยังแตกสลาย มีเพียงมิติช่องว่างของพวกเขาเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

ผู้อมตะที่รอดชีวิตต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนแสดงออกด้วยความตกใจ บางคนไร้อารมณ์ บางคนกลายเป็นผืนงง

การระเบิดครั้งสุดท้ายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมด

“ปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา! เรายังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต เรายังสู้ได้!” ฟางหยวนตะโกน ขณะเดียวกันเขาก็บินไปอยู่ด้านหน้าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อปกป้องฝ่ายหลังในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนต้องเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์

“ถูกต้อง เรายังมีวิญญาณอมตะขโมยชีวิต!” ตอนนี้เป็นช่วงเวลาอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่าเขาไม่สามารถแสดงความโกรธหรือเสียใจออกมาในเวลานี้

“ลงมือเร็ว!” เทพธิดาจอเว่ยและเฉินอี้รีบเคลื่อนไหว

เมื่อเห็นวิญญาณอมตะขโมยชีวิตกําลังจะถูกใช้งานอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร?

ท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม!

ร่างของเฉินอี้สั่นสะท้านขึ้นก่อนที่ควันสีเขียวจะก่อตัวเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่

ในเวลาเดียวกันเทพธิดาอเว่ยก็โจมตีอย่างดุเดือด

ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้า!

นางใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของนางออกมาโดยตรง ความรู้สึกโศกเศร้ากระจายออกไปโดยปราศจากรูปลักษณ์และทําให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อยู่เริ่มชักกระตุก พวกเขายกมือขึ้นกุมหัวใจของตนเองเอาไว้ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุอย่างลึกลับ

“ผมที่หก!” ฟางหยวนกรีดร้อง การโจมตีของเทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถป้อง กันได้ ผมที่หกแทบจะไม่สามารถรักษาชีวิตจากการระเบิดครั้งก่อนหน้าเขาอยู่ในสภาพปาน ตายดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเทพธิดาจอเว่ยอีกครั้งเขาจึงไม่สามารถอดทนและเสียชี วิตในที่สุด

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แม่น้ําหวนคืนก็สูญเสียมวลน้ําไปอีกมาก นี่แสดงให้เห็นว่าท่าไม้ตายของเทพธิดาจ๋อเว่ยไม่ด้อยกว่าการระเบิดครั้งสุดท้ายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!

“ไม่! ช่วยข้าด้วย!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคว้าแขนของฟางหยวนขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันต่อต้านการโจมตีของเทพธิดาจื่อเว่ย

ฟางหยวนมองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาด้วยความขมขึ้น

เนื่องจากเกราะหวนคืนสามารถปกป้องตัวเขาเองเท่านั้น มันไม่สามารถปกป้องจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

“ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง ท่านไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะขโมยชีวิตได้ในสถานการณ์นี้วิที่เดียวในตอนนี้คือย้ายแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ามาในมิติช่องว่างของข้านั่นคือทางเดียวที่เหลืออยู่!” ฟางหยวนกระตุ้นด้วยการแสดงออกที่จริงจัง

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธ เขามองฟางหยวนด้วยความโกรธ “ไม่ วิธีนี้ทํา ไม่ได้! ข้ายังสู้ไหว!”

“บึม!”

อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับถึงขีดจํากัดในเวลานี้ ท่าไม้ตายสายป้องกันของเขาถูกทําลาย ร่างกายของเขาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เขาตายแล้ว!

“ฆ่าเขา!” เทพธิดาอเว่ยรู้สึกผ่อนคลายลงและเกือบหมดสติทันที

ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเช่นกัน นั่นทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกขมขื่นอยู่ในหัวใจหลังจากใช้มันครั้งนี้นางต้องพักฟื้นอีกนาน

“จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา บัดซบ!” ฟางหยวนขมวดคิ้วสาปแช่ง “แต่มันยังไม่จบ บางที่…”

ในเวลาต่อมาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

เขามีเส้นผม เครา และคิ้วสีขาว มันก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวคนก่อนหน้านั้นเอง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีสองเจตจํานง นั่นทําให้มันมีสองบุคลิก หนึ่งขาว หนึ่ง เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมดําเสียชีวิตจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวก็ปรากฏตัวขึ้นอีก

“อันใด! จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอีกร่างหนึ่งนั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว นางรู้ความลับนี้ แต่นางมั่นใจว่าท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าสามารถกําจัดจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทั้งสองคน

แต่ความจริงก็คือจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลึกลับกว่าที่นางคิด

แม้เทพธิดาอเว่ยจะสามรถใช้ท่าไม้ตายอมตะความตายจากความโศกเศร้าได้อีกครั้งแต่นางไม่มีเวลาแล้วนอกจากนั้นวิธีทั่วไปก็ไม่สามารถสังหารจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่ได้รับการปกป้องจากฟางหยวน

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่หงุดหงิด ตรงข้าม ริมฝีปากของนางม้วนตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม นางเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นป้องกันตัวเองและสหายร่วมศึก

สหายที่กล่าวถึงก็คือเฉินอี้

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมของเฉินอี้สร้างผลไม้ขนาดใหญ่ขึ้นมาแล้ว

“มีเหตุย่อมมีผล ผลสามารถกําจัดเหตุ!” เฉินอี้ตะโกนขณะยื่นมือขวาออกไปคว้าผลไม้ผลนี้และบีบทําลายมัน

“ผัวะ!”

ผลไม้ที่ถูกบีบระเบิดน้ําผลไม้สาดกระเซ็นลงบนใบหน้าและร่างกายของเฉินอี้ราวกับยาพิษ

“ซี่ ซี่ ชี่”

น้ําผลไม้กัดกร่อนร่างกายของเฉินอี้และทําให้เขารู้สึกเจ็บปวด เนื้อและชั้นผิวหนังของเขาเน่าเปื่อยและเผยให้เห็นกระดูกที่อยู่ภายใน

เฉินอี้จ่ายด้วยราคามหาศาลเพราะเขามีแรงจูงใจ

การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไปขณะที่เขากล่าวด้วยความเคร่งขรึม“พวกเขาทําลายวิญญาณอมตะขโมยชีวิต!”

“เห้อ…” ฟางหยวนถอนหายใจและกระตุ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ท่านสามารถรวมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ากับ…”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผมขาวขัดจังหวะก่อนที่ฟางหยวนจะกล่าวจบประ โยค “ไม่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยายังมีไพ่ตายเหลืออยู่! ในอดีตร่างหลักของข้าเคยทําข้อตก ลงกับเทพอมตะตะวันเดือดหากเราเผชิญหน้ากับอันตรายจากการทําลายล้างเราสามารถขอค วามช่วยเหลือจากถ้ําสวรรค์นิรันดรหลังจากนั้นเราจะหลอมรวมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเข้ากับถ้ําสวรรค์นิรันดรและอยู่ในสถานะที่เท่าเทียม!”

หลังกล่าวจบคํา ประตูบานหนึ่งก็ถูกเปิดออก

ไม่กี่ลมหายใจต่อมา สัตว์อสูรแรกกําเนิดในตํานานเหมาลีชิวก็ปรากฏตัวขึ้น

ด้านหลังมันยังมีผู้อมตะระดับแปดอีกหลายคนที่เต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งการต่อสู้

“ตอนนี้แดนศักดิ์สิทธ์หลางหยาเป็นเขตปกครองของถ้ําสวรรค์นิรันดรแล้ว!”

“วังสวรรค์! กรงเล็บของพวกเจ้ายาวกว่าข้าเหมาลีชิว วันนี้ข้าจะช่วยตัดมัน ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ฟางหยวนอยู่ที่นี้เช่นกัน ฆ่าเขา! เราจะแก้แค้นการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและทวงคืนมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชค!”

เมื่อกําลังเสริมที่แข็งแกร่งมาถึง สถานการณ์พลิกกลับทันที

“เห้อ… ฟางหยวนสอบถอนหานยใจอยู่ภายใน ถึงเวลาถอนตัวแล้ว”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท