เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1586 ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง

บทที่ 1586 ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1586 ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง

กายาแห่งความฝันทั้งสองเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิและพักอยู่ที่สวรรค์สีเขียวน้อย

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ท่ามกลางสวรรค์ทั้งเก้า สวรรค์สีเขียวน้อยได้รับการพัฒนาน้อยที่สุด ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้มันเป็นสถานที่เก็บอาณาจักรแห่งความฝัน

สมาชิกนิกายเงา อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว เทพธิดาเมี่ยวหยิน และไป่หนิงปิงฝึกฝนอยู่ในสวรรค์สีเหลือง

การต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีระดับสูงเกินไป ศัตรูล้วนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด กระทั่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ยังต้องอาศัยค่ายกลวิญญาณในการต่อสู้ เมื่อมันถูกทําลาย พวกเขาก็ไม่สามารถสู้ต่อ

ในช่วงเวลาสําคัญฟางหยวนอาจต้องพึ่งพาสมาชิกนิกายเงาเพื่อใช้ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้

สําหรับร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน เขาอยู่ทางเหนือสุดของภาคเหนือน้อย

ด้วยหนึ่งความคิด ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจัดวางวิญญาณระดับมนุษย์ดวงสุดท้ายและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะ

ค่ายกลวิญญาณนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตร มีวิญญาณระดับมนุษย์ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงระดับห้าจากทุกเส้นทางแต่วิญญาณส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ แกนกลางของมันเป็นวิญญาณอมตะสองดวงบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งที่ฟางหยวนขโมยมาจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ

หนึ่งในแกนกลางของค่ายกลวิญญาณนี้ยังมีทรัพยากรอมตะระดับแปดจํานวนสามชิ้นและผลึกแก่นแท้น้ำแข็งอยู่ด้วย

ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งแต่ละชิ้นมีขนาดเท่าภูเขา

ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะปลดปล่อยมวลความเย็นออกมาอย่างไม่ต่อเนื่อง

เมื่ออากาศเย็นจัด ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะจะถูกสลักไว้รอบๆ มันจะปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและทําให้สถานที่แห่งนี้เหมาะสมสําหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์หิมะและอสูรหิมะ

แผนเดิมของฟางหยวนคือใช้ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพื่อผลิตอสูรหิมะและสร้างแหล่งรายได้ใหม่

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับผลึกแก่นแท้น้ำแข็งหนึ่งชิ้นมาจากการหมั้นหมายกับเซี่ยเอ๋อต่อมา เมื่อเขาสังหารหมู่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ เขาได้รับผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพิ่มอีกสองชิ้น

“ด้วยผลึกแก่นแท้น้ำแข็งทั้งสามชิ้น ขาสามารถผลิตอสูรหิมะได้อย่างง่ายดาย”

“ข้าจะตั้งชื่อค่ายกลวิญญาณนี้ว่าค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง”

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนสังเกตอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ร่างหลักกับร่างแยกของฟางหยวนสามารถแบ่งปันระดับความสําเร็จ เมื่อร่างหลักของฟางหยวนกลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ร่างแยกของเขาก็จะบรรลุระดับเดียวกัน

สิ่งนี้แตกต่างจากนิกายเงา ในอดีตเพื่อหลอกลวงเจตจํานงสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณจึงไม่แบ่งปันระดับความสําเร็จทุกเส้นทางให้กับร่างแยกของเขาและมุ่งเน้นไปที่เส้นทางสายใดสายหนึ่งเท่านั้น

เมื่อสมาชิกนิกายเงาต่อสู้กับวังสวรรค์ พวกเขาจะไม่ถูกค้นพบว่าเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นี่เป็นเหตุผลที่นิกายเงาสามารถส่งสายลับเข้าสู่วังสวรรค์

สําหรับร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวน มันง่ายที่จะถูกเปิดเผย แต่ฟางหยวนไม่ต้องการให้ร่างแยกของเขาออกไปข้างนอกและต่อสู้ แรงจูงใจของเขาแตกต่างจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลามีไว้เพื่อใช้แสงแห่งปัญญาเป็นหลัก

ในการอนุมานเรื่องต่างๆ จําเป็นต้องมีความสําเร็จบนเส้นทางสายนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด

ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นโดยร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา จุดประสงค์หลักของมันคือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม

แน่นอนว่ามันสามารถเฝ้ามองและควบคุมพื้นที่

“น่าเสียดายที่ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลไม่ใช่ปรมาจารย์เอก ปรมาจารย์สามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่นขณะที่ปรมาจารย์เอกสามารถใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าตามธรรมชาติ หากข้าเป็นปรมาจารย์เอก ข้าไม่จําเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งเพื่อสร้างค่ายกล ข้าสามารถใช้เพียงผลึกแก่นแท้น้ำแข็งเพียงอย่างเดียว”

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถนําวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งทั้งสองดวงไปใช้ในงานอื่น

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่ขาดแคลนวิญญาณอมตะ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญญา แต่โดยทั่วไปผู้อมตะมักมีวิญญาณอมตะอยู่อย่างจํากัด หากพวกเขาใช้วิญญาณอมตะเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ พวกเขาจะไม่สามารถนํามันไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ด้วยเหตุนี้ระดับความสําเร็จจึงมีความสําคัญ

หลังจากสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง ร่างแยกของฟางหยวนก็บินจากไป

แม้เขาจะไม่ใช่จิตวิญญาณแผ่นดินที่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ได้ในพริบตา แต่เขายังสามารถบิน

ผ่านไปชั่วครู่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาก็ข้ามผ่านระยะทางหลายร้อยลี้ เขาปกปิดตนเองและมองลงไปบนพื้น

กลุ่มมนุษย์หิมะหลายพันคนเคลื่อนที่อยู่ที่นั่น

ท่ามกลางพวกเขามีทั้งผู้ใช้วิญญาณและมนุษย์หิมะทั่วไป พวกเขาถูกจับมาจากแดนน้ำแข็งของภาคเหนือโดยฟางหยวน

ทาสมนุษย์หิมะนับพันชีวิตที่จะทําตามคําสั่งของเจ้านายหาได้ยากในสวรรค์สีเหลือง อย่างไรก็ตามมนุษย์หิมะกลุ่มนี้มีมาตรฐานสูงกว่าทาสมนุษย์หิมะที่ถูกขายในท้องตลาด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีสัดส่วนของผู้ใช้วิญญาณมากกว่ามนุษย์หิมะธรรมดา ไม่ใช่เรื่องปกติ หากนําพวกเขาไปขายในสวรรค์สีเหลือง ราคาของพวกเขาจะสูงกว่าทาสมนุษย์หิมะหลายสิบเท่า

มนุษย์หิมะเหล่านี้พึ่งย้ายมาอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พวกเขาทั้งหวาดกลัวและไม่คุ้นเคย

ตอนนี้ตัวตนระดับสูงของเผ่ากําลังหารือกันอย่างเข้มข้น

ฟางหยวนสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินในเขตแดนอมตะ ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกซ่อนเอาไว้ เมื่อเขาจับมนุษย์หิมะเหล่านี้ เขาปลอมตัวเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ ด้วยเหตุนี้สมาชิกเผ่ามนุษย์หิมะจึงไม่ทราบความจริง

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกลายเป็นปิงเจาและบินลงมาจากท้องฟ้า

ด้วยการใช้วิญญาณบางดวง เขาสร้างพายุหิมะขึ้นบนท้องฟ้าและทําให้หิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ

“อา…ผู้อมตะของเผ่าเรา!”

“คุกเข่าลงเร็วเข้า! คุกเข่าลงและทักทายนายท่านผู้อมตะ!”

“ยินดีต้อนรับนายท่านปิงเจา”

มนุษย์หิมะทั้งหมดเร่งคุกเข่าลงและแสดงความเคารพต่อฟางหยวน

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก “โลกกําลังวุ่นวาย แต่เราอยู่ในสวรรค์ ภูเขาทสามมีหมอกอมตะ เผ่ามนุษย์หิมะของเราไม่จําเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด”

เสียงของเขาไม่ตั้งแต่ทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

“ฟิ้ว”

สายลมกรรโชกแรงก่อนที่พายุหิมะจะหยุดลง กลุ่มมนุษย์หิมะเงยหน้าขึ้นและมองเห็นเพียงท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ขณะเดียวกันร่างของปิงเขาก็เลือนหายไปพร้อมกับสายลม

กลุ่มมนุษย์หิมะตกตะลึง หลังจากตระหนักว่ายิงเจาจากไปแล้ว พวกเขาก็ลุกขึ้นอย่างมีความสุขขณะทบทวนคํากล่าวของเขา

ผู้นําเผ่ามนุษย์หิมะคิดก่อนกล่าวกับกลุ่มผู้อาวุโส “ก่อนหน้านี้เรามาที่นี้เนื่องจากคําแนะนําที่คลุมเครือของนายท่านปิงเจา ท่านต้องการให้เรามาที่นี่ ตอนนี้ท่านแสดงตัวออกมาอีกครั้งเพื่อบอกเราว่าภูเขาสามลูกที่อยู่ข้างหน้าสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างสงบสุขงั้นหรือ?”

หลังจากหารือ ทุกคนเห็นด้วยและเริ่มออกเดินทาง พวกเขาไม่ลังเลอีกต่อไป แม้พวกเขาจะมีเด็กและคนชรารวมอยู่ด้วย แต่การเดินทางของพวกเขาก็เร็วกว่าก่อนหน้า

ในการสร้างอสูรหิมะไม่จําเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง เพียงผลึกแก่นแท้น้ำแข็งก็เพียงพอที่จะให้กําเนิดพวกมันแล้ว

แต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนทุ่มเทความพยายามสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หิมะ

“ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็ง อสูรหิมะและมนุษย์หิมะสามารถอาศัยรวมกันอยู่ที่นี่ ข้าจะไม่แยกทั้งสองเผ่าพันธุ์ออกจากกัน ข้าต้องการให้พวกเขาเผชิญหน้าและต่อสู้เพื่อพัฒนาตนเอง”

“การดูแลค่ายกลวิญญาณอมตะผลึกน้ำแข็งไม่ใช่ปัญหาสําหรับวิธีการบนเส้นทางอาหาร แต่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งสามชิ้นจะถูกใช้ไปเรื่อยๆและหมดลงในที่สุด”

พลังงานความเย็นที่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งปลดปล่อยออกมาประกอบด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต้าเหล่านี้จะถูกย้ายไปยังสภาพแวดล้อม สุดท้ายผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะสลายไปอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ยังมีเวลาอีกนานก่อนที่ผลึกแก่นแท้น้ำแข็งจะสลายไปจนหมด

หลังจากจัดการเรื่องเผ่ามนุษย์หิมะ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนก็ไปพบเผ่ามนุษย์หิมะที่ภาคใต้น้อย

ท่ามกลางภูมิภาคทั้งห้า ภาคใต้น้อยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งปฐพี่หนาแน่นที่สุด มันเหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์หิน

กระบวนการลงหลักปักฐานของเผ่ามนุษย์หินง่ายมาก ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาใช้วิธีเกือบเหมือนในอดีต

ขณะที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนกําลังจัดการมิตช่องว่างจักรพรรดิ ร่างหลักของเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของภาคใต้

ที่นี่คือร่องลึกใต้พิภพขนาดใหญ่ มันทั้งลึกและมืดมิด แม้จะเป็นเวลากลางวันแต่มันก็ยังถูกปกคลุมด้วยความมืด

มั่นเต็มไปด้วยเงาปีศาจเพราะมันก็คือรอยแยกปล้นเงา

ย้อนกลับไปข้าเรียนรู้ค่ายกลวิญญาณทองรอบทิศที่นี้ ข้าใช้กายาแห่งความฝันจํานวนมากเพื่อหยุดการบุกโจมตีของฝ่ายธรรมะ…”

ฟางหยวนสังเกตเห็นความเคลื่อนไหว “ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ที่นี่เช่นกันและมันก็ไม่อ่อนแอ

“ผู้ใด? นี่เป็นสถานที่สําคัญของฝ่ายธรรมะ ผู้บ่มเพาะสันโดษไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ไปก่อนที่จะเสียใจ!” เสียงของผู้อมตะภาคใต้ดังออกมาจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

“โอ้?” ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้น เจตนาสังหารพุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของเขา “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะทําให้ข้าเสียใจได้อย่างไร?”

“บึม!”

ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น เขาเริ่มโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างรุนแรง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท