เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1587 ตายในมือปีศาจ

บทที่ 1587 ตายในมือปีศาจ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1587 ตายในมือปีศาจ

“บึม บึม บึม!”

ด้วยการระเบิดเป็นลูกโซ่ แสงหลากสีส่องประกายขึ้นราวกับดอกไม้ไฟ โลหะ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งไม้ วารี ปฐพี เพลิง ความแข็งแกร่ง จิตวิญญาณ พิษ ดวงดาว และเส้นทางอื่นๆอีกมากมาย

ภายใต้การโจมตีดังกล่าว รูปลักษณ์ที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณอมตะเผยตัวออกมาในที่สุด มันเหมือนปราสาทหินที่แข็งแกร่ง แสงสีขาวปกป้องมั่นจากการโจมตีของฟางหยวน

“ฮ่าฮ่าฮ่า การโจมตีที่เต็มไปด้วยสีสันแต่มีพลังเพียงเล็กน้อย วิธีการของเจ้าฉุดฉาดเกินไปและไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของเรา!” เสียงหัวเราะของผู้อมตะหยางซานมู่แห่งตระกูลหยางดังขึ้น

ปัจจุบันฟางหยวนอยู่ในร่างราชันภูต ผู้อมตะภาคใต้ไม่สามารถระบุตัวตนของเขา

“ไม่ ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของคนผู้นี้ไม่ต่ำต้อย เขาใช้ทุกวิธีเพื่อตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะของเรา!” ผู้อมตะซื้อชิวกล่าวเสียงต่ำ

นี่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยตระกูลจือ จ่อชิวได้รับมอบหมายให้ปกป้องสถานที่แห่งนี้ ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล คํากล่าวของเขาจึงมีน้ำหนัก

หยางซานมู่ขมวดคิ้วถาม “แล้วเราจะปล่อยให้เขาทดสอบต่อไปงั้นหรือ?”

จื่อชิวส่ายศีรษะ “ค่ายกลของเรามีวิธีการโจมตีเช่นกัน เมื่อวิญญาณถูกทําลายไประดับหนึ่ง มันจะปล่อยการโจมตีออกมา อย่ามองข้า ข้าไม่สามารถควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ พวกเจ้ารู้ว่ามีเหตุผลอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ข้าแน่ใจว่าข้าไม่จําเป็นต้องอธิบาย”

กลุ่มผู้อมตะมองหน้ากับอย่างช่วยไม่ได้

สาเหตุหลักคือครั้งหนึ่งฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวอี้ไห่และแทรกซึมเข้าสู่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ในช่วงเวลาสําคัญ เขาควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะก่อนจะจากไปพร้อมกับผลประโยชน์มหาศาล นั่นทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้สูญเสียใบหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นพวกเขาเริ่มวางกลยุทธ์ใหม่ ค่ายกลวิญญาณอมตะของตระกูลจือจะไม่ถูกควบคุมโดยคนนอกอีกต่อไป พวกเขาต้องดําเนินการด้วยตนเองเพื่อป้องกันคนทรยศเช่นฟางหยวน

หยางซานมู่หันหน้าไปทางผู้อมตะเซี่ยฟานจากตระกูลเซี่ย

เซี่ยฟานเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เมื่อเห็นหยางซานฟูหันหน้ามา เขาส่ายศีรษะตอบ “ฝ่ายตรงข้ามมีวิธีป้องกันการอนุมานบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทรงพลังมาก ข้าไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเลย เว้นเพียงเราจะได้รับข้อมูลสําคัญบางอย่างในภายหลัง”

หยางซานม่รู้สึกผิดหวัง

ต่อมาเขาก็ตะโกนออกไป “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าวายร้าย เหตุใดถึงใช้พลังเพียงน้อยนิด? เจ้ามาที่นี่เพื่อเกาหลังให้ข้างั้นหรือ?”

หยางซาน จอชิว และเซี่ยฟานต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขายังได้รับการปกป้องจากค่ายกลวิญญาณอมตะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นฟางหยวน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและเพิกเฉยต่อหยางซานมู่อย่างสิ้นเชิง เขายังตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะต่อไป

“ค่ายกลนี้ค่อนข้างซับซ้อนและแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดไว้

หยางซานมุ่ยังยั่วยุต่อไปแต่ฟางหยวนไม่สนใจเขา

หยางซานมู่ขมวดคิ้ว “เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด ขณะที่พวกเรามีคนมากกว่าและยังมีค่ายกลวิญญาณอมตะ หากเราซ่อนตัวอยู่ที่นี่และปล่อยให้เขาโจมตีได้อย่างอิสระ เราจะไม่ทําให้ฝ่ายธรรมะสูญเสียใบหน้างั้นหรือ? ผู้อมตะคนใดสามารถสังหารวายร้ายผู้นี้ นั่นจะเป็นเรื่องที่ดี!”

เขากล่าวแต่ไม่มีผู้ใดตอบรับ

ผู้อมตะเกือบทั้งหมดไม่ใช่คนใจร้อน มันอาจดูง่ายที่จะจัดการฟางหยวนที่อยู่เพียงลําพัง แต่นั่นคือปัญหา เหตุใดผู้อมตะระดับเจ็ดถึงกล้าบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะที่ทรงพลังนี้เพียงผู้เดียว?

พวกเขาคิดว่าอาจมีการซุ่มโจมตี ดังนั้นพวกเขาจะไม่เสี่ยง

เมื่อไม่มีผู้ใดตอบสนอง มันจึงช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของหยางซานมู่จะกลายเป็นมีดคม

หยางซานมู่เป็นผู้นําชั่วคราวของคนกลุ่มนี้ หากเขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป ผู้คนจะตําหนิเขาและทําให้เขาสูญเสียชื่อเสียง

“ตอนนี้เส้นโลหิตปฐพีของภาคใต้กําลังเคลื่อนไหว ทรัพยากรอมตะและวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องอาณาจักรแห่งความฝัน

ข้าต้องการออกไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และทิ้งสิ่งนี้ไว้ข้างหลัง หลังจากวางแผนมานานและกําลังจะประสบความสําเร็จ เจ้าวายร้ายผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้น หากข้าหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ตระกูลจะมีข้ออ้างและหลักฐานเพื่อหยุดข้า ข้าจะไม่สามารถออกเดินทาง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางซานมู่ก็กัดฟันกล่าว “ศัตรูค่อนข้างลึกลับ ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ ข้าจะปล่อยเขาไปไม่ได้ ทุกคน ดูแลค่ายกลวิญญาณ ข้าจะออกไปสู้กับเขา”

ผู้อมตะที่ได้ยินเรื่องนี้มีการแสดงออกที่แตกต่างกัน

บางคนขอให้เขาระวังตัว บางคนปรบมือและยกย่องความกล้าหาญของเขา บางคนยืนยันว่าหยางซานม่ควรจะปกป้องค่ายกลวิญญาณอมตะอยู่ภายในอย่างสงบ

หยางซานมู่ลอบเย้ยหยันอยู่ภายใน แต่ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ ชื่อเสียงสําคัญที่สุด เขาต้องออกไปต่อสู้กับฟางหยวน

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นหยางซานมู่ออกมาแต่เขาก็สามารถทําความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

ระเบิดวิญญาณ!

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทันที

หยางซานมู่ต่อสู้กับฟางหยวนหลายรอบแต่เขากลับไม่สามารถทําสิ่งใดนอกจากนั้นยังรู้สึกตื่นตระหนก เขาคิด “คนผู้นี้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณงั้นหรือ!? แม้การโจมตีของเขาจะเรียบง่ายแต่มันทรงพลังมาก ขณะเดียวกันวิธีป้องกันของเขาก็ลึกลับมาก ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา และจะแพ้ในไม่ช้า หากข้าถอนตัวในเวลานี้มันยังไม่น่าเกลียด ข้าได้รับข้อมูลบางอย่างของเขาแล้ว ข้าสามารถอธิบายตัวเองในภายหลัง!”

หยางซานม่ต้องการถอย แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? เขามีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย หลังจากเห็นหลางซานม่ตั้งใจล่าถอย เขาก็กระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูตทันที

วิสัยทัศน์ของหยางซานม่เปลี่ยนไป เขาติดอยู่ในสนารบราชันภูตและไม่สามารถหลบหนี

หยางซานม่ตกใจมาก เขตแดนอมตะ! นี่เป็นไปได้อย่างไร? มีเขตแดนอมตะที่สามารถใช้งานได้รวดเร็วถึงระดับนี้อยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร!?”

เขาตื่นตระหนกมากแต่ยังพยายามสงบจิตใจ “อย่าสับสน เขตแดนอมตะนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว มันต้องมีข้อบกพร่อง บางทีมันอาจง่ายที่จะอนุมานและทําลาย ข้ามีผู้อมตะคนอื่นๆ อยู่เคียงข้าง เมื่อพวกเขาเห็นเขตแดนอมตะนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาจะช่วยข้าออกไปอย่างแน่นอน!

ฟางหยวนชี้นิ้วออกไปขณะที่บุตรแห่งภูตสามตนพุ่งเข้าโจมตีหยางซานมู่

หัวใจของหยางซานม่กระตุก เขาพยายามถ่วงเวลาด้วยการต่อสู้และล่าถอย

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ

ทันใดนั้นร่างของหยางซานก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงขณะที่ดวงตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขาตะโกน “วิญญาณอมตะของข้า!”

ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการขโมยวิญญาณอมตะ เขาโยนมันเข้าไปในมิติของว่างจักรพรรดิโดยไม่แม้แต่จะชําเลืองตามอง

หยางซานมู่ฟนเลือดออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

ปรากฏว่าฟางหยวนขโมยวิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะที่เขากําลังใช้งาน การสูญเสียวิญญาณอมตะทําให้ท่าไม้ตายอมตะล้มเหลวขณะที่ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ย้อนกลับ

“ดูเหมือนโชคของข้าจะดีกว่าเจ้ามาก ข้าไม่สามารถขโมยวิญญาณอมตะที่สําคัญของฟงจิวเก้อแต่สามารถขโมยวิญญาณอมตะที่สําคัญของเจ้า” ฟางหยวนหัวเราะเย้ยหยัน

“ฟงจิวเก้อ? เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”

มือปีศาจปล้นวิญญาณ!

ฟางหยวนประสบความสําเร็จอีกครั้ง

“พรวด!”

หยางซานมู่ฟนเลือดคําโตออกมาอีกหน ท่าไม้ตายอมตะของเขาล้มเหลว ด้วยผลกระทบย้อนกลับสองครั้ง มันทําให้เขาเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ

มือปีศาจปล้นวิญญาณฆ่าคนได้จริงๆ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท