เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1589 โจมตีเต็มกําลัง

บทที่ 1589 โจมตีเต็มกําลัง

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1589 โจมตีเต็มกําลัง

ในอดีตฟางหยวนต้องปกปิดและซ่อนตัวเอง แต่ตอนนี้ต่อหน้าผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ มันไม่จําเป็นอีกต่อไป

การปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตกตะลึง

ฟางหยวนเคยปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่และได้รับผลประโยชน์มากมายในการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน เขากลายเป็นผู้นํานิกายเงาและถูกไล่ล่าโดยฝ่ายธรรมะของภาคใต้แต่เขายังสามารถหลบหนี

การไล่ล่าของวังสวรรค์ไร้ประโยชน์

หลายเดือนก่อนฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ภาคใต้และสังหารผู้อมตะสองคนของตระกูลฮั่วและตระกูลเฉิง หากไม่ใช่เพราะผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ กระทั่งไท่เมี่ยนเฉินก็ยังต้องตาย

หลังจากนั้นวังสวรรค์ส่งผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกมา แต่ฟางหยวนยังสามารถจัดการนาง เขาขายกระดูกซี่โครงสามชิ้นของนางและแสดงฉากการต่อสู้ที่เขาทุบตีนางในสวรรค์สีเหลือง นั่นทําให้โลกสั่นสะเทือน ชื่อเสียงของฟางหยวนพุ่งทะยานขึ้นเหนือฟงจิวเก้อ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดอันดับหนึ่ง ผู้อมตะส่วนใหญ่ตระหนักว่าแม้ฟางหยวนจะมีการบ่มเพาะระดับเจ็ด แต่เขาควรถูกปฏิบัติเหมือนผู้อมตะระดับแปด

นอกจากนี้ฟางหยวนยังเป็นปีศาจต่างโลกที่เดินทางมาจากอนาคตด้วยวิญญาณกาลเวลา เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย ผู้คนดูแคลนความไร้ยางอายของเขา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะแต่เขากลับโจมตีมนุษย์ธรรมดา

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าเหนือหัวบนเส้นทางสายปีศาจ

เมื่อบุคคลดังกล่าวปรากฏตัวขึ้น ช่วยไม่ได้ที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะรู้สึกประหลาดใจ ตกใจ และตื่นตระหนก

“ท่านหยางชานมู่เสียสละตนเองอย่างกล้าหาญเพื่อฝ่ายธรรมะ วันหนึ่งเราจะทําให้เขาต้องชดใช้!” เซี่ยฟานกล่าวด้วยความโศกเศร้า

กลุ่มผู้อมตะเงียบ ไม่มีผู้ใดคิดว่ามันเป็นภาพลวงตา การปรากฏตัวของฟางหยวนทําให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงและสงสารหยางชานมู่ เหตุใดเขาถึงโชคร้ายวิ่งเข้าไปหาฟางหยวน? เขาสามารถอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะแต่เขากลับเลือกที่จะออกไป นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายงั้นหรือ?

แต่ความเงียบอยู่ได้ไม่นานเมื่อบางคนตะโกน “ฟางหยวนผู้นี้ยังดุร้ายเช่นเคย เขาล่อลวงท่านหยางซานมู่ออกไป โชคดีที่พวกเรามีท่านเซี่ยฟานและท่านจื่อชิวเป็นผู้นํา ภายใต้การนําของพวกท่าน พวกเราจะสามารถควบคุมสถานการณ์ ป้องกันอาณาเขตของเราและไม่ปล่อยให้วายร้ายผู้นี้เข้ามา!”

กลุ่มผู้อมตะมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน บางคนต้องการกล่าวบางสิ่งแต่ในจังหวะนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะทั้งหมดกลับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

นอกค่ายกลวิญญาณอมตะ มังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาราวกับฝนดาวตก

ใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซีดขาวเพราะแสงสะท้อนจากเกล็ดสีเงินของหมื่นมังกร

แม้พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากค่ายกลวิญญาณอมตะ พวกเขาก็ยังรู้สึกราวกับตัวเองตัวเล็กจิ๋วและอ่อนแอมาก

หมื่นมังกรของฟางหยวนมีพลังไม่มากไปกว่าก่อนหน้า แต่ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน มันง่ายที่จะใช้งาน ขั้นตอนลดลงขณะที่โอกาสประสบความสําเร็จเพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรได้ห้าหรือหกครั้งในการโจมตีเดียว

ฟางหยวนส่งกองทัพมังกรดาบบรรพกาลจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้ง

เกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ระลอกคลื่นสีขาวกระจายออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะราวกับคลื่นยักษ์และพยายามปิดกั้นการโจมตีของกองทัพมังกรดาบบรรพกาล

“น่าสนใจ” ฟางหยวนสังเกตสนามรบอย่างระมัดระวัง ค่ายกลวิญญาณอมตะสั่นสะเทือนแต่รากฐานของมันยังมั่นคง

“เรามีค่ายกลวิญญาณอมตะ เราสามารถต่อต้านได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง” ผู้อมตะภาคใต้กล่าวด้วยความไม่แน่ใจขณะมองไปที่จื่อชิว

ดวงตาของจื่อชิวส่องประกายขึ้น ตอนนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะยังสามารถปกป้องพวก

เขาแต่…

อีกฝ่ายคือฟางหยวน!

ปีศาจอมตะที่กระทั่งวังสวรรค์ก็ไม่สามารถจัดการแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม

“ทุกคน ขอความช่วยเหลือจากตระกูลของพวกเจ้า บอกพวกเขาว่าฟางหยวนอยู่ที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะปิดกั้นคนเช่นนี้ได้งั้นหรือ?” จื่อชิวถอนหายใจ

เมื่อได้ยินคํากล่าวของจื่อชิว ทุกคนเร่งขอกําลังเสริมทันที

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนยังไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วผู้อมตะภาคใต้เหล่านี้จะกล้าขอกําลังเสริมได้อย่างไร? พวกเขาเพียงรายงานการต่อสู้ไปตามปกติเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนเปิดเผยตัวตน ผู้อมตะเหล่านี้จึงกล้าขอกําลังเสริมอย่างเปิดเผย

“โฮก…”

มังกรดาบบรรพกาลคํารามและโจมตีขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะปิดกั้นด้วยพลังทั้งหมดของมัน

“ป้องกัน! แม้ตาย เราก็ต้องหยุดเขา!”

“ทิศตะวันตกแนวป้องกันถูกทําลายแล้ว ซ่อมแซมมันเร็วเข้า!”

“ข้าเหลือพลังงานอมตะไม่เพียงพอ ผู้ใดก็ได้มาแทนที่ข้าเร็ว!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ปิดกั้นการโจมตีของฟางหยวนด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากแรงกดดันจากฟางหยวน กลุ่มผู้อมตะเหล่านี้จึงหยุดคิดร้ายต่อกันและรวมใจเป็นหนึ่ง

จื่อชิวพยายามซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณอมตะขณะที่เซี่ยฟานพยายามอนุมานจุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร

ผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งสองอยู่ในสภาพที่น่าอนาถโดยไม่ต้องกล่าวถึงกลุ่มผู้อมตะระดับหก

ด้านนอกค่ายกลวิญญาณอมตะ ร่างจริงของฟางหยวนเฝ้ามองการต่อสู้อยู่อย่างสงบ

หลังจากได้รับวิญญาณอมตะหมื่นตัวตน ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรใช้งานได้สะดวกมาก มันไม่ใช่วิธีการที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอีกต่อไปแต่มันเป็นท่าไม้ตายอมตะที่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ทั่วไป

ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุดของฟางหยวนในเวลานี้คือการระเบิดวิญญาณของบุตรแห่งภูตแรกกําเนิด แต่ตอนนี้เขาไม่เหลืออสูรวิญญาณแรกกําเนิดที่สามารถใช้งานได้ ก่อนหน้านี้เขาใช้มันโจมตีฟงจิวเก้อรวมถึงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโดยหวังที่จะสังหารคนทั้งสอง แต่การโจมตีทั้งสองครั้งกลับไม่ประสบความสําเร็จ

สําหรับการระเบิดวิญญาณบุตรแห่งภูตบรรพกาล มันมีพลังใกล้เคียงกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกร แต่เมื่อมันอยู่ในเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต พลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

พลังอํานาจของฟางหยวนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นแล้ว ตอนนี้เขาสามารถปราบปรามผู้อมตะภาคใต้และทําให้ฝ่ายหลังต้องป้องกันตัวเท่านั้น

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังขมวดคิ้วบาง

การโจมตีครั้งนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน เขาต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้

ฟางหยวนยังมีสามวิธีที่เหลืออยู่ แต่เกราะหวนคืนไม่มีประโยชน์ ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันเป็นการโจมตีดวงวิญญาณแต่ผู้อมตะภาคใต้ซ่อนตัวอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะ สําหรับมือปีศาจปล้นวิญญาณ มันไม่สามารถทะลวงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ

“ท่านจื่อชิวหยู่!” ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นเมื่อผู้อมตะระดับแปดของตระกูลจื่อลอบเดินทางมาอย่างลับๆ

“ผู้ใดจะคิดว่าค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะมีประตูหลังซ่อนอยู่ มันทําให้ผู้อมตะระดับแปดเดินทางมาที่นี้ได้โดยตรง! ตระกูลทุ่มเทกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก!” จื่อชิวลอบยกย่องอยู่ในใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประตูที่ซ่อนอยู่ในค่ายกลวิญญาณอมตะนี้จะทําให้ตระกูลจื่อได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากอาณาจักรแห่งความฝัน

เมื่อฟางหยวนบุกโจมตีที่นี่ จื่อชิวหยูตัดสินใจเปิดเผยไพ่เด็ดที่ซ่อนไว้ใบนี้ออกมาทันที

“ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะต่อไป ข้าจะล่อปีศาจตนนี้ให้เข้ามาในกับดักของข้า” จื่อชิวหยูยิ้ม

ฟางหยวนมีสมบัติมากมายอยู่กับตัว หากจื่อชิวหยูสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะจับหรือฆ่าฟางหยวน ไม่เพียงเขาจะได้รับของขวัญมากมายแต่เขายังสามารถยกระดับชื่อเสียงของตนเองและตระกูลจื่อจนถึงขีดสุด

แม้ฟางหยวนจะประสบความสําเร็จเป็นอย่างมาก แต่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่มีการบ่มเพาะระดับแปด เขามั่นใจในความสําเร็จของตน หลังจากเรียนรู้เรื่องนี้ เขาตัดสินใจมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตฟางหยวน สําหรับผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆของภาคใต้ พวกเขาไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ในทันที

การปรากฏตัวของจื่อชิวหยูทําให้กลุ่มผู้อมตะภาคใต้มีความมั่นใจมากขึ้น พวกเขาพยายามต่อต้านฟางหยวนอย่างเต็มที่

แต่เพียงเมื่อพวกเขากําลังจะประสบความสําเร็จ ฟางหยวนกลับหยุดโจมตีและจากไปด้วยวิญญาณท่องแดนอมตะ

“เขาตระหนักถึงการคงอยู่ของข้างั้นหรือ?” จื่อชิวหยูขมวดคิ้ว แต่ด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะที่เขาสร้างขึ้นด้วยตนเอง เขามั่นใจว่ามันจะไม่เปิดเผยสิ่งใดออกไป แล้วเหตุใดฟางหยวนถึงล่าถอย?

“ที่นี่คือทะเลสาบสัมผัสใจงั้นหรือ?” แสงสีเขียวหยกส่องประกายระยิบระยับก่อนที่ฟางหยวนจะปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า

เขามองลงไปเพื่อพบกับภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นมังกรอีกครั้ง

กองทัพมังกรดาบบรรพกาลพุ่งลงไปขณะที่กลุ่มเมฆหมอกลอยขึ้นมาปะทะกับมัน

แต่ในไม่ช้ากลุ่มเมฆหมอกก็ไม่สามารถต่อต้านกองทัพมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนและกระจายหายไป

ภูมิประเทศที่แท้จริงถูกเปิดเผย

ทะเลสาบสีน้ำเงินเข้มตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสีเขียวอันเงียบสงบ มีหินทรงกลมสีขาวบริสุทธิ์เรียงซ้อนกันอยู่ริมทะเลสาบ

บนผิวน้ำมีวิญญาณสัมผัสใจบนเส้นทางแห่งปัญญาลอยอยู่เป็นจํานวนมาก นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกของตระกูลจื่อถูกทิ้งไว้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนไม่ได้ไล่ล่าพวกเขา เขามองไปที่ทะเลสาบสัมผัสใจและเริ่มปล้น!

ข่าวการปล้นแหล่งทรัพยากรของตระกูลจื่อไปถึงจุอชิวหยูในไม่ช้า แม้ทะเลสาบสัมผัสใจจะมีค่ายกลวิญญาณอมตะปกป้องอยู่ แต่การป้องกันของมันไม่แข็งแกร่งนัก ฟางหยวนสามารถทําลายมันได้อย่างง่ายดาย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท