เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1598 ลืม

บทที่ 1598 ลืม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1598 ลืม

อาณาจักรแห่งความฝันมาถึงฉากที่สี่

“ข้าฆ่าหลี่ซิ่นแล้ว” ฟางหยวนกล่าว

ชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าฟางหยวนพยักหน้า “ดูเหมือนเจ้าจะเชี่ยวชาญท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาแล้ว แต่เจ้าได้เรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับหกเท่านั้น ต่อไปข้าจะสอนท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดให้เจ้า ฟังให้ดี”

ฟางหยวนตั้งใจฟังและจดจํามันเอาไว้

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดซับซ้อนกว่าระดับหกหลายเท่า

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวเพียงเมื่อได้ฟังขั้นตอนของมัน นี่เป็นท่าไม้ตายที่ซับซ้อนที่สุดที่เขาเคยได้ยิน

ชายชรากล่าวอีกครั้งก่อนจะจากไป “หลังจากประสบความสําเร็จในการเรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดเรียบร้อยแล้ว จงมาหาข้า”

ฟางหยวนถูกทิ้งไว้เพียงลําพังในอาณาจักรแห่งความฝัน

“ดูเหมือนข้ายังต้องฝึกฝนขั้นตอนที่สี่ของท่าไม้ตายนี้”

หลังจากทําความเข้าใจ ฟางหยวนก็เริ่มฝึกฝนอย่างหนักอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

แม้ท่าไม้ตายนี้จะซับซ้อนมากและควบคุมได้ยากแต่ฟางหยวนไม่ขาดความอดทน

บุคลิกของเขาถูกหลอมจนกลายเป็นเหล็กสีดําตั้งแต่ชีวิตแรกและด้วยการกลั่นแกล้งของโชคชะตา เขาจึงกลายเป็นคนที่เต็มไปด้วยมุ่งมั่นและแน่วแน่มาก

ความพ่ายแพ้เล็กๆน้อยๆไม่ทําให้เขารู้สึกท้อแท้หรือต้องการยอมแพ้

ขณะที่ฟางหยวนสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ในมิติช่องว่างจักรพรรดิร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขากําลังนั่งอนุมานอยู่ด้านหน้าวิญญาณสติปัญญา

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและพึมพํา “การอนุมานค่ายกลวิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว ต่อไปข้าจะอนุมานท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา”

แท้จริงแล้วมันค่อนข้างแปลก

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาทรงพลังมากแต่เหตุใดมันไม่ถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ?

หลังจากทั้งหมดอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งกาลเวลานี้มาจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ โดยทั่วไปมันควรจะถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตามมันกลับไม่มีเนื้อหาดังกล่าว

“เรายังไม่สามารถอนุมานตําแหน่งของฟางหยวนอีกงั้นหรือ?” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่อยู่ตรงหน้านางเงียบและแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด

เนื่องจากฟางหยวนทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของรอยแยกปล้นเงาและนําอาณาจักรแห่งความฝันไปก่อนหน้านี้ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงรวมตัวกันและจัดตั้งกลุ่มไล่ล่าฟางหยวน

ผู้นําของกลุ่มนี้คือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย เซี่ยชา

เซี่ยชาเป็นหญิงชราผมขาวที่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า อย่างไรก็ตามแม้นางจะแก่แล้วแต่นางยังเจ้าอารมณ์ สายตาของนางกวาดไปทั่วและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมากดดันผู้คนทั้งหมด

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ก้มหน้าลง

ผู้ใดจะไม่ต้องการค้นหาฟางหยวน? แต่เขามีเกราะราชันภูตปกป้องอยู่ กระทั่งผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่ของวังสวรรค์เทพธิดาจื่อเว่ยยังไม่สามารถทําสิ่งใดโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะภาคใต้ที่รวมตัวกันอย่างเร่งรีบกลุ่มนี้

แน่นอนว่าฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีรากฐานที่ไม่ธรรมดาและไม่ควรมองข้าม แต่คนเหล่านี้ต้องการเบาะแสเพิ่มเติมเพื่ออนุมานตําแหน่งของฟางหยวน

ด้วยเบาะแสที่เพียงพอ พวกเขาจะสามารถใช้วิธีการต่างๆและรวมมือกันทําลาย การป้องกันของเกราะราชันภูต

แม้เกราะราชันภูตจะแข็งแกร่งแต่เมื่อมันถูกโจมตีด้วยการอนุมานอย่างต่อเนื่อง มันจะถูกทําลายในที่สุด

เซี่ยชาเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน “สารเลวฟางหยวน หลังจากรอยแยกปล้นเงา เขาก็หายตัวไปในอากาศ!”

แรงกดดัน

ตราบเท่าที่ฟางหยวนยังมีชีวิต ในฐานะผู้นํากลุ่มไล่ล่า ชื่อเสียงของนางจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตระกูลของนางจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลําบากไปพร้อมกัน

“ปีศาจฟางหยวนเก็บตัวอยู่อย่างเงียบๆ เขาต้องสํารวจอาณาจักรแห่งความฝันและรับผลประ โยชน์จากมัน! เราต้องกําจัดเขาอย่างรวดเร็วที่สุด มิฉะนั้นเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง!” เซี่ยชากล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว “ทุกคน หากมีไพ่ตายใด จงใช้มันออกมา ข้าสาบานด้วยชื่อของข้าว่าข้าจะชดเชยให้พวกเจ้าอย่างยุติธรรม”

ผู้อมตะภาคใต้มองหน้ากันแต่ไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว

เซี่ยชารู้สึกผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ นางกวาดตามองไปรอบๆก่อนจะหยุดอยู่ที่คนผู้หนึ่ง “หลิวห่าว ข้าสงสัยว่าเจ้ามีวิธีการที่ยอดเยี่ยมใดหรือไม่?”

หลิวห่าวตะลึง

เขาเป็นชายร่างสูงในชุดคลุมสีเขียวและมีเคราแพะ ใบหน้าของเขาเป็นสีเหลือง เขาเป็นตัวแทนของตระกูลวู

เนื่องจากความวุ่นวายก่อนหน้านี้ มันทําให้ผู้อมตะจํานวนมากของตระกูลรูเสียชีวิต ดัง นั้นพวกเขาจึงต้องรับผู้อมตะภายนอกเข้าสู่ตระกูลในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดนอก หลิวห่าวเป็นหนึ่งในนั้น

แต่ความจริงก็คือเขาเป็นสายลับของภาคกลางที่ถูกส่งมาโดยเทพธิดาจื่อเว่ยภายใต้การจัดการของวูหยง

เชี่ยชาคุ้นเคยกับผู้อมตะคนอื่นๆยกเว้นหลิวห่าว ฉากหน้าเขาแสดงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและไม่มีชื่อเสียงมากนัก

หลิวห่าวตอบสนองด้วยการเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าไม่สามารถทําสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้อมูลของเรามีน้อยเกินไป ในความคิดเห็นของข้า เราไม่ได้อ่อนแอ ปัญหาคือเราไม่มีเบาะแสที่สําคัญ”

“ถูกต้อง!”

“หลิวห่าวกล่าวได้ถูกต้อง!”

คํากล่าวของหลิวห่าวสะท้อนความคิดของทุกคนที่อยู่ที่นี่

เซี่ยชารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่นางไม่มีข้อสงสัยเพราะตระกูลวและฟางหยวนมีความขัดแย้งกันอย่างลึกซึ้ง

“ตอนนี้เราควรทําอย่างไร? เราจะรอต่อไปหรือไม่? หากฟางหยวนไม่ปรากฏตัว พวกเราก็ไม่สามารถทําสิ่งใดและต้องรอให้เขาออกมางั้นหรือ?”

เซี่ยชาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ในจังหวะนี้เสียงลึกลับสายหนึ่งกลับดังขึ้น “ข้าสามารถช่วยเรื่องนี้”

“ผู้ใด?” กลุ่มผู้อมตะตกใจ กระทั่งเซี่ยชายังยืนขึ้น

ผู้อมตะลึกลับที่สวมหมวกทรงกรวยปรากกฏตัวขึ้น หากเขาไม่เปิดปากกล่าวจะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเขา

“เจ้าคือผู้ใด?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เตรียมพร้อมต่อสู้ บรรยากาศกลายเป็นยิ่งตึงเครียด

“เดี๋ยว! เจ้าคือ…” การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลไท่เปลี่ยนไปขณะที่เขาหยุดกลุ่มผู้อมตะ

“ถูกต้อง ข้าคือลั่วเว่ยหยิน” ผู้อมตะลึกลับตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยรอยยิ้ม

อาณาจักรแห่งความฝัน

ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ด เจ้าเชี่ยวชาญมันแล้วจริงๆ!”

ฟางหยวนป้องหมัดขึ้น “ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวัง”

ชายชราพยักหน้า “ดูเหมือนเจ้าจะมีความสามารถในด้านนี้ ดีมาก การแก้แค้นของตระกูลมีความหวังในที่สุด แต่ข้ามีเรื่องที่ต้องบอก”

“โปรดชี้แนะ”

“ประการแรก…” ชายชราชนิ้วชี้ข้างขวาขึ้น “ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับหกสามารถสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดแต่ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปด ระดับเจ็ดกับระดับแปดแตกต่างกันเกินไป แม้เจ้าจะเชี่ยวชาญท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดแล้ว เจ้าก็อย่าคิดที่จะออกไปแก้แค้นศัตรูในเวลานี้ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหก มันเพียงการรนหาที่ตายเท่านั้น”

“ประการที่สอง…” ชายชราชูนิ้วกลางข้างขวาขึ้น “เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหก การใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเป็นเรื่องยาก เจ้าต้องยกระดับการบ่มเพาะของเจ้าให้ถึงระดับเจ็ดหรือระดับแปด! เมื่อการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น เจ้าจะสามารถเรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับแปด ด้วยท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับแปด เจ้าจะสามารถแก้แค้น แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าต้องอดทน!”

“ประการที่สาม…” ชายชราชูนิ้วนางข้างขวาขึ้น “ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลังมาก แต่มันก็มีข้อเสียที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งระดับสูงขึ้น ข้อเสียของมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เจ้าควรตระหนักถึงมันแล้วถูกต้องหรือไม่? ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาจะลบความทรงจําที่เกี่ยวกับมันของ เจ้ายิ่งเจ้าใช้มันมากเท่าใด เจ้าก็จะลืมมันมากเท่านั้น วันหนึ่งเจ้าจะลืมข้าลืมศัตรู และลืมกระทั่งท่าไม้ตายนี้ ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะลืมทุกสิ่ง เจ้าต้องควบคุมตนเองและไม่ใช้มันมากเกินไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท