เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1602 กรรไกรฤดูใบไม้ผลิ

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้นขณะที่เปลือกตาของสมาชิกนิกายเงากระตุก

ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขาสามารถกําหราบอสูรปีขาลแรกกําเนิดได้ในครั้งเดียว แม้มันจะไม่ใช่การโจมตี แต่ท่าไม้ตายของเขาก็ทําให้ผู้คนรู้สึกชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก

“ฟ่อ…”

อสรพิษเลื้อยคลายออกมาจากเกลียวแสงที่สอง

อสูรปีแรกกําเนิดตัวที่สาม!

คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นลั่วเว่ยหยินหรือเซี่ยชา การแสดงออกของพวกเขาต่างเปลี่ยนแปลงไป

เพราะอสูรปีมะเส็งแรกกําเนิดตัวนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา ชัดเจนว่ามันอันตรายกว่าอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวก่อนหน้า

สิ่งสําคัญที่สุดคือมีโอกาสที่อสูรปีแรกกําเนิดจะปรากฏตัวขึ้นมากกว่านี้

“นี่เป็นค่ายกลชนิดใด!?” ผู้อมตะตระกูลเซียวอุทานและรู้สึกถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

“ฆ่า!” ผู้อมตะภาคใต้ตะโกนและปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมา

กองทัพอสูรมีคํารามขณะที่ใช้เขี้ยวและกรงเล็บของพวกมันโจมตีศัตรู

มันกลายเป็นสนามรบนองเลือด อสูรปีจํานวนมากเสียชีวิต อย่างไรก็ตามอสูรปียังปรากฏตัวออกมาจากเกลียวแสงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มได้รับบาดเจ็บ

“มีอสูรปีมากเกินไป ค่ายกลวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก จํานวนอสูรปีมีมากกว่าการต่อสู้ของฟงจิวเก้อ” หลิวหาวลอบตกใจ เขามีข้อมูลจากวังสวรรค์ แต่เขายังไม่สามารถทําสิ่งใดเพราะเขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือเส้นทางแห่งค่ายกล

“ค่ายกลวิญญาณนี้เลวร้ายเกินไป เราต้องทําลายมันเพื่อคว้าชัยชนะ!”

“ตราบเท่าที่เราสามารถทําลายบางส่วน เราจะสามารถส่งข้อความขอกําลังเสริมจากพันธมิตร!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจวิธีจัดการกับสถานการณ์แต่พวกเขาขาดวิธีการที่เหมาะสม

“ช่างเป็นค่ายกลที่ยุ่งยากนัก เซี่ยชาขมวดคิ้ว หลังจากแกนกลางแรก นางยังไม่พบแกนกลางที่สอง

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าต่ำเกินไป บางทีข้าควรโจมตีอย่างเต็มที่และทําให้มันไม่สามารถรับการโจมตีของข้า ข้าต้องสร้างจุดอ่อนขึ้นมาด้วยตนเอง เจตนาสังหารของเซี่ยชาพุ่งสูงขึ้น นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่นางกลับเริ่มร้อนใจหลังจากตกลงสู่กับดักของฟางหยวน

ลั่วเว่ยหยินสัมผัสได้ถึงเจตนาของเซี่ยชา เขาเร่งกล่าวเตือน “อย่าตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน ปีศาจตนนี้เจ้าเล่ห์มาก กระทั่งวังสวรรค์ยังไม่สามารถจับเขา นิกายเงาเคยครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลก่อนจะถูกทําลาย แต่วิญญาณอมตะหลายดวงที่เหลือยังอยู่ในมือพวกเขา หากท่านโจมตีด้วยกําลังทั้งหมด ท่านอาจตกลงสู่หลุมพรางของฟางหยวน เขาจะใช้มันโจมตีท่าน”

ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของสนามรบแห่งความโกลาหลคือการผนึกการโจมตีของศัตรูและสะท้อนกลับ

ลั่วเว่ยหยินกล่าวอย่างจริงจังและชาญฉลาด กระทั่งฟางหยวนยังต้องยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แม้ลั่วเว่ยหยินจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาแต่การอนุมานของเขาถูกต้อง อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายใช้วิญญาณอมตะจากมรดกของไห่ฟานเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะจากสนามรบแห่งความโกลาหลเป็นส่วนสนับสนุนเท่านั้น

เซี่ยชาสูดหายใจลึกและมองอสูรประกาแรกกําเนิดด้วยสายตาเย็นชา

อสูรประกาแรกกําเนิดถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่ทรงพลัง แต่เปรียบเทียบกับอสูรประกาแรกกําเนิด การโจมตีของพวกเขาก็ทําได้เพียงฝากรอยขีดข่วนเล็กๆเอาไว้บนร่างกายของศัตรูเท่านั้น

อสูรประกาแรกกําเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถทําสิ่งใดแม้พวกเขาจะพยายามอย่างหนักก็ตาม

สายตาของเซี่ยชาทําให้อสูรประกาแรกกําเนิดรู้สึกถึงภัยคุกคาม มันแยกตัวออกจากกลุ่มผู้อมตะภาคใต้และพุ่งเข้าโจมตีนางทันที

“เดรัจฉาน!” เซี่ยชาหัวเราะเย้ยหยัน กลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากปะทุออกมาจากร่างของนางและก่อตัวเป็นท่าไม้ตายอมตะ

กรรไกรสีเขียวหยกขนาดใหญ่เท่าช้างพุ่งเข้าเนื้อนลําคอของอสูรประกาแรกกําเนิด

กลิ่นดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดด สายลม และต้นหญ้าลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

อสูรประกาแรกกําเนิดมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่เลือดจะพุ่งออกมาจากบาดแผลบนลําคอของมัน

อาการบาดเจ็บปลุกธรรมชาติที่ป่าเถื่อนของมันขึ้นมา มันพุ่งเข้าโจมตีเซี่ยชาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

เซี่ยชาไม่หลบแต่ก่อนที่อสูรประกาแรกกําเนิดจะโจมตีนาง ร่างของนางก็อันตรธานหายไปราวกับฟองสบู่แตก

หลังจากนั้นกรรไกรสีเขียวหยกก็บินเข้าโจมตีอสูรประกาแรกกําเนิดอีกครั้ง

เมื่อเซี่ยชาหายตัวไป ความสนใจของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ถูกกรรไกรสีเขียวหยกดึงดูดไป ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“นี่คือกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันทรงพลังจริงๆ” ข้อมูลปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวนที่เฝ้ามองอยู่

เซี่ยชามีท่าไม้ตายอมตะหนึ่งชุดที่ประกอบด้วยสี่ท่า กรรไกรฤดูใบไม้ผลิเป็นหนึ่งในนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันแหลมคมและทรงพลังมาก กระทั่งร่างกายที่แข็งแกร่งของอสูรประกาแรกกําเนิดก็ไม่สามารถป้องกันมันได้

ฟางหยวนรู้สึกอิจฉา

นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้

มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณมีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปดเช่นกัน แต่ฟางหยวนขาดวิญญาณอมตะระดับแปดที่จําเป็น แม้เขาจะสามารถดัดแปลงและใช้วิญญาณอมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดแทน แต่พลังอํานาจของมันจะตกลงจากระดับแปด

วิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงดวงเดียวที่ฟางหยวนมีคือวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันสามารถใช้เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะอันเชิญอสูรปี ปีแห่งโชคร้าย และอื่นๆ

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีสามารถเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้เพื่อฟางหยวน

ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายจะส่งผลกระทบบนเส้นทางแห่งโชค

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะทั้งสองไม่สามารถโจมตีได้เหมือนกรรไกรฤดูใบไม้ผลิที่จะส่งผลกระทบต่อการต่อสู้โดยตรง

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องการท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา

“ฉับ ฉับ”

อสูรประกาแรกกําเนิดไม่สามารถแข่งขันกับกรรไกรฤดูใบไม้ผลิของเซี่ยชา มันได้รับบาดเจ็บทั่วร่างและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

เซี่ยชาเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวแต่อสูรปีระกาแรกกําเนิดกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของนางได้อย่างชัดเจน

“สมกับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย ความแข็งแกร่งนี้อยู่ในระดับเดียวกับสมาชิกวังสวรรค์” ฟางหยวนถอนหายใจ

เมื่อเห็นอสูรประกาแรกกําเนิดกําลังจะตาย ค่ายกลวิญญาณอมตะก็ถูกกระตุ้นใช้งานและนําอสูรประกาแรกกําเนิดออกจากสนามรบทันที

“ส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งทาสกําหราบอสูรปีระกาแรกกําเนิดและทําให้มันกลายเป็นทาสของเขา

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดอีกครั้ง

เขาเรียกอสูรปีแรกกําเนิดออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้ขณะเดียวกันก็หลอกใช้ผู้อมตะภาคใต้เพื่อทําให้อสูรปีแรกกําเนิดอ่อนแอลงก่อนจะกดขี่มันเป็นทาส

วิธีการนี้เคยถูกใช้ในทะเลทรายตะวันตกเมื่อวังสวรรค์ไล่ล่าเขา

แต่วิธีการเดิมสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่มันยังใช้ได้ผล

เซี่ยชากําลังจะฆ่าอสูรประกาแรกกําเนิดและคิดว่าจะได้รับทรัพยากรอมตะระดับแปดที่ล้ำค่า แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะหายไปอย่างกะทันหัน

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้สบถสาปแช่งด้วยความโกรธขณะที่การแสดงออกของเซี่ยชาเปลี่ยนเป็นมืดครื้ม แต่นางยังเผยรอยยิ้ม “ในที่สุดเจ้าก็เผยจุดอ่อน เจ้าต้องการเก็บเกี่ยวอสูรปีแรกกําเนิดตัวอื่นอีกหรือไม่?”

ค่ายกลวิญญาณอมตะจะไม่เปิดเผยข้อบกพร่องหากมันขนส่งเพียงอสุรปีทั่วไป แต่เมื่อมันขนส่งอสูรปีแรกกําเนิด มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง นั่นทําให้เซี่ยชาได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

ดังคาด หลังจากนั้นนางก็ค้นพบแกนกลางที่สองและทําลายมัน

แต่เสียงโห่ร้องยินดีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลับอยู่ได้ไม่นาน หลังจากแกนกลางที่สองถูกทําลาย มันกลับกลายเป็นเกลียวแสงและปล่อยกองทัพอสูรูปีออกมาอีกครั้ง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท