เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1599 ทักษะขั้นเทพ

ภาคใต้

มิติช่องว่างจักรพรรดิถูกวางลงก่อนที่มันจะดูดกลืนปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไป

“ครืน…”

หากบางคนเห็นสิ่งนี้พวกเขาจะตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์เพราะไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์ใดสามารถดู ดซับปราณสวรรค์พิภพปริมาณมหาศาลเข้าไปได้ในครั้งเดียวเช่นนี้

เนื่องจากปราณสวรรค์พิภพที่หนาแน่นเกินไป มันจึงดูเหมือนกลุ่มเมฆหมอกกําลังเคลื่อนที่อย่างน่าสะพรึงกลัว

ดูดซับมากขึ้นและมากขึ้น รับทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ฟางหยวนยิ้ม เขาสามารถบอกได้ว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิกําลังหิวมาก

เมืองจิ๋ว แม่น้ําหวนคืน และหุบเขาเหล่าโป ทั้งสามเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่น่า อัศจรรย์ แต่พวกมันก็สร้างภาระที่ยิ่งใหญ่ให้กับมิติช่องว่างของฟางหยวน ค่าใช้จ่ายของพวกมันมหาศาลมาก นี่ทําให้ฟางหยวนต้องวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพเป็นครั้งคราว

“นี่คือก่อนที่ภูเขาตงฮันจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หลังจากมันกลับสู่สภาพเดิม ปริมาณปราณสวรรค์พิภพที่มิติช่องว่างของข้าต้องการจะเพิ่มขึ้นไปอีก

จากแง่มุมนี้การทําลายภูเขาตงฮันกลับเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนเล็กน้อย

แน่นอนว่าเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดคือมิติช่องว่างจักรพรรดิมีทรัพยากรมากมาย มันเหมือน รากฐานขนาดใหญ่ที่แบกรับน้ําหนักของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสี่เอาไว้ มิติช่องว่างทั่วไปไม่สมารถรองรับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพสองแห่งได้ในเวลาเดียวกัน

ในความเป็นจริงการวางมิติช่องว่างลงเพื่อดูดซับปราณสวรรค์พิภพมีข้อเสียหลายประการ

ขณะที่มันดูดซับปราณสวรรค์พิภพ มิติช่องว่างของเขาจะเชื่อมต่อกับโลกภายนอก ตําแหน่งของฟางหยวนจะถูกเปิดเผยต่อเจตจํานงสวรรค์

หากผู้อมตะบางคนพยายามอนุมานเขาในเวลานี้ ความยากลําบากในการป้องกันตัวของเขาจะสูงขึ้นหลายเท่า

ดังนั้นก่อนหน้านี้ฟางหยวนจึงใช้วิธีซื้อทรัพยากรอมตะที่เต็มไปด้วยปราณสวรรค์พิภพเพื่อเติม เต็มความต้องการของมิติช่องว่างจักรพรรดิ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มขาดแคลนเงินทุน เขาไม่สามารถซื้อทรัพยากรเหล่านั้นได้อีกและต้องวางมิติช่องว่างลงเท่านั้น

มิติช่องว่างจักรพรรดิเหมือนสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ มันต้องการปราณสวรรค์พิภพมากกว่ามิติช่องว่างทั่วไปหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า

ปราณสวรรค์พิภพยังไหลเข้าสู่มิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง

แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่ทําให้ฟางหยวนตกใจ เขาตระหนักว่าครั้งนี้แตกต่างออกไปเพราะมันเป็น เวลาของภัยพิบัติ

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปี ภัยพิบัติสวรรค์ทุกห้าสิบปี และภัยพิบัติใหญ่ทุกหนึ่งร้อยปี

ตั้งแต่ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพิ่มความเร็วของเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิจนถึงขีดสุด ภัยพิบัติต่างๆก็มาเยือนเร็วขึ้น

ครั้งนี้เป็นภัยพิบัติพิภพ แต่ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติพิภพหรือภัยพิบัติสวรรค์ พวกมันไม่ใช่ปัญหา สําหรับฟางหยวนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีท่าไม้ตายอมตะเผยความลับสวรรค์

ท่าไม้ตายนี้ใช้วิญญาณอมตะความลับสวรรค์เป็นแกนกลาง มันทําให้ฟางหยวนสามารถอนุ มานรายละเอียดของภัยพิบัติที่กําลังจะเกิดขึ้น

ดังนั้นก่อนที่ทุกภัยพิบัติจะเกิดขึ้น ฟางหยวนจะรู้ล่วงหน้าและสามารถเตรียมตัวรับมือ

“กีซ กีซ”

เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นอย่างกะทันหัน

จากนั้นอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวจํานวนมากก็โผล่ออกมาจากใจกลางเกลียวแสงสีเหลือง

พวกมันมีร่างกายสูงสิบเมตรที่มีฟันอันแหลมคม ดวงตาสีแดงก่ำ มีปีกค้างคาวสีม่วงอยู่บนแผ่นหลัง และกําลังพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

“นักรบผีสีเหลือง” ฟางหยวนลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยมือไพล่หลัง เขามองอสูรกายเหล่านั้นด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

เขาผ่อนคลายมากแม้ศัตรูจะกําลังพุ่งเข้ามา

อย่างไรก็ตามภัยพิบัติยังไม่จบเพียงเท่านี้ สายฟ้าสีเขียวแยกกลุ่มเมฆออกจากกันก่อนที่อสูรกายอีกฝูงหนึ่งที่คล้ายกับนักรบผีสีเหลืองจะปรากฏตัวขึ้น

อสูรกายฝูงใหม่เหมือนทหารที่มีร่างกายใหญ่โต ดูเคร่งขรึม มีปีกอินทรีย์อยู่บนแผ่นหลัง และจัดทัพอย่างเป็นระเบียบ

“นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

เป็นเพียงเวลานี้ที่นักรบผีสีเหลืองมาถึงตัวฟางหยวนและเปิดปากขนาดใหญ่ของมันเพื่อกัดเขา

ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหวแต่ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นบนร่างกายของเขา

มันคือสิ่งที่สร้างชื่อให้กับฟางหยวน ท่าไม้ตายอมตะเกราะหวนคืน!

ไม่ว่าจะเป็นนักรบผีสีเหลืองหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียว ทุกการโจมตีของพวกมันล้วนถูก สะท้อนกลับ ฟางหยวนไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้าม

“ไปซะ” ฟางหยวนโบกมือเบาๆและส่งมังกรดาบบรรพกาลจํานวนมหาศาลพุ่งเข้าโจมตีศัตรู ราวกับคลื่นสมุทร

แม้นักรบผีสีเหลืองและนักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวจะมีจํานวนมากแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับกองทัพมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวน

ในไม่ช้าพวกมันก็ถูกกองทัพมังกรดาบบรรพกาลกลืนกิน เจตจํานงสวรรค์ยังไม่ทันส่งคลื่นลูกต่อไปออกมา แต่กองทัพมังกรดาบบรรพกาลก็พุ่งเข้าทําลายปราณสวรรค์พิภพที่กําลังควบรวมเป็นอสูรกายบางชนิดไปแล้ว

ครู่ต่อมาภัยพิบัติก็จบลง มิติช่องว่างจักรพรรดิกลับสูงความสงบอีกครั้ง

ฟางหยวนพยักหน้ากับตนเองและสรุป “นี่เป็นภัยพิบัติพิภพนักรบผีสีเหลืองธรรมดา แต่มันเปลี่ยนไปเพราะข้าไม่ได้ก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งก่อน เนื่องจากท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นที่สามารถเลื่อนภัยพิบัติออกไป”

ท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นเป็นหนึ่งในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มันจะเลื่อนภัยพิบัติออกไปจนถึงครั้งหน้าและทําให้ภัยพิบัติทั้งสองครั้งหลอมรวมกัน จุดอ่อนคือมันจะทําให้เจตจํา นงสวรรค์โกรธและส่งภัยพิบัติที่รุนแรงลงมาในครั้งต่อไป

เจตจํานงสวรรค์พยายามหยุดฟางหยวนและป้องกันไม่ให้เขามีความก้าวหน้าโดยการส่งภัยพิ บัติที่อ่อนแอที่สุดลงมาเพื่อให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยที่สุด

ในสถานการณ์นี้จุดอ่อนของท่าไม้ตายอมตะภัยพิบัติไม่รู้จบสิ้นจึงกลายเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวน

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะนี้เพื่อเพิ่มความยากลําบากของภัยพิบัติและรับร่องรองของพลังงานแห่งเต๋ามากขึ้นขณะที่เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําสิ่งใด

“นักรบผีสีเหลืองอยู่ในระดับภัยพิบัติพิภพขณะที่นักรบศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าเขียวอยู่ในระดับภัยพิบัติสวรรค์ ครั้งนี้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่น้อย!” ฟางหยวนตรวจสอบและพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณและการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้น

ทั้งสองล้วนมีประโยชน์สําหรับเขา

แต่ฟางหยวนต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากที่สุดในเวลานี้

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ฟางหยวนตั้งใจเลือกที่ว่างเพื่อรับภัยพิบัติทําให้เจตจํานงสวรรค์ไม่สามารถทําลายทรัพยากรของเขา

อย่างไรก็ตามแม้ภัยพิบัติจะสิ้นสุดลงแล้วแต่ฟางหยวนยังอยู่ที่นี่ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสลายเจตจํานงสวรรค์เพื่อกําจัดเจตจํานงสวรรค์ที่ตกค้าง

ขณะที่ร่างหลักของฟางหยวนกําลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขากําลังอนุมานท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่องอยู่กับวิญญาณสติปัญญา

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการสํารวจอาณาจักรแห่งความฝัน ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์

ด้วยความสําเร็จระดับนี้ เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของตนเอง

ในความเป็นจริงร่างหลักของฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลามากมายจากมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน และมรดกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา ตามตรรกะฟางหยวนสามารถดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะเหล่านั้น

แต่สําหรับฟางหยวน มรดกที่แท้จริงของไห้ฟานมีค่ามากที่สุด เนื่องจากวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาส่วนใหญ่ของเขามาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

ตัวอย่างเช่นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําระดับแปด วิญญาณปีอมตะระดับเจ็ด และวิญญาณราชินีมดระดับเจ็ด

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหลือเป็นวิญญาณอมตะระดับหก ส่วนใหญ่พวกมัน ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังการต่อสู้

ภารกิจหลักของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาคือการใช้มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพื่ออนุมานท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด

แม้เวลาจะผ่านไปเพียงไม่นานแต่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากลับมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันฟางหยวนมีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาครอสคลุมทุกแง่มุมไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี ป้องกัน เคลื่อนไหว และรักษา เขาเพียงต้องใช้เวลาฝึกฝนพวกมันอีกเล็กน้อยเท่านั้น

“แต่นี่ยังไม่เพียงพอ” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเปิดเปลือกตาขึ้นและถอนหายใจ

แสงแห่งปัญญาเลือนหายก่อนที่วิญญาณสติปัญญาจะบินออกไปอย่างช้าๆ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบินไปยังพื้นที่รกร้างเพื่อทดสอบท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา!

มีดบินพุ่งผ่านท้องฟ้าก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

เลือดไหลออกมาจากปากของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขณะที่เขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง

“ข้าอนุมานท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดที่เหมาะสมกับข้าแล้ว แต่ในสายธารแห่งกาล เวลา ข้าต้องเผชิญหน้ากับวังสวรรค์และต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับแปด”

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันระดับแปดที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าระดับแปดเป็นแกนกลาง แต่มันไม่มีท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีระดับแปด

กรณีของไห่ฟาน เขาได้รับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าในช่วงสุดท้ายของชีวิต ด้วย เวลาที่จํากัด มันไม่ง่ายที่จะคิดค้นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดในทุกแง่มุม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจํานวนมาก ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดเพียงพอแล้วสําหรับเขา สิ่งสําคัญก็คือเขามีวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาสามารถใช้มันเพื่อโจมตีหรือป้องกันได้ในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากนั้นการป้องกันยังสําคัญกว่าการโจมตีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

“ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นท่าไม้ตายที่ไม่ธรรมดา แม้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับเจ็ดจะ ไม่สามารถสังหารผู้อมตะระดับแปดแต่มันยังสามารถทําร้ายพวกเขา น่าเสียดายที่หลังจากดัดแปลง พลังของมันต่ำกว่าเดิมและจะได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรงกว่า”

การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะมีโอกาสสูงที่มันจะส่งผลเสียและแย่ลงกว่าเดิม

“ดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาฉบับสมบูรณ์จะเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!”

แม้ฟางหยวนจะได้รับท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาระดับหกและระดับเจ็ด แต่หลังจากดัดแปลง มันกลับมีข้อเสียมากกว่าข้อดี

นอกจากนี้ด้วยการอนุมานของฟางหยวน เขาตระหนักว่าจุดอ่อนเรื่องการสูญเสียความทรงจําของมันไม่ใช่เรื่องง่าย ความทรงจําที่หายไปไม่ใช่เพียงการลืมท่าไม้ตายนี้แต่มันเป็นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายนี้

ไม่ว่าจะเป็นความทรงจําหรือบันทึกที่อยู่ในวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลรวมถึงข้อความที่แกะสลักไว้บนแผ่นหินก็จะถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาทั้งหมด

“เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะตัดเวลามาก่อน แต่เมื่อเขาใช้มันบ่อยเกินไป ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมันจึงถูกลบออกจากสายธารแห่งกาลเวลาและไม่มีอยู่ในมรดกที่แท้จริงของเขา”

“แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ข้าได้รับจะไม่สมบูรณ์ นิกายเงาอาจเก็บบางส่วนเอาไว้ แต่นั่นมีความเป็นไปได้ไม่มาก”

“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าแน่ใจ นั่นคือท่าไม้ตายอมตะตัดเวลาเป็นทักษะขั้นเทพอย่างแท้จริง หากเข้า เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ข้าจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา โอกาสของข้าจะเพิ่มขึ้นยี่สิบส่วน”

วันต่อมา

“เป็นที่นี่” ลั่วเว่ยหยินอยู่ในท่าครึ่งคุกเข่าขณะที่วางฝ่ามือลงบนพื้นและสัมผัสได้ถึงความปั่นปวนของปราณพิภพ

หลังจากนั้นหลายร่างก็บินลงมาจากท้องฟ้า พวกเขาถูกนําโดยผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซีย เซี่ยชา!

“ฟางหยวนวางมิติช่องว่างและดูดซับปราณสวรรค์พิภพที่นี่ ในความเป็นจริง…เขาก้าวข้ามภัยพิบัติที่นี่” ลั่วเว่ยหยินกล่าวด้วยความมั่นใจ

ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้น ถั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีที่ทรงพลัง

ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเริ่มพูดคุย “มีท่านถั่วเว่ยหยินอยู่ที่นี่ พวกเราจะพบฟางหยวนในที่สุด”

“ฟางหยวนครอบครองแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพมากมาย เขามีภาระที่ยิ่งใหญ่ ด้วยเบาะแสนี้ เราจะหาเขาพบอย่างแน่นอน”

“พวกเจ้าไม่คิดว่ามันแปลกงั้นหรือ? เขามีวิญญาณท่องแดนอมตะ เหตุใดเขาถึงอยู่ที่ภาค ใต้? เหตุใดเขาไม่ไปทะเลตะวันออกหรือทะเลทรายตะวันตก สถานที่เหล่านั้นจะปลอดภัยกว่าหรือไม่?”

“ฮืม! เขาเป็นปีศาจที่ทุกคนต้องการตัว ไม่ว่าที่ใดก็ไม่ปลอดภัยสําหรับเขา!”

“ปีศาจตนนี้ร้ายกาจเกินไป เขาอยู่ภาคใต้เพราะต้องการปล้นสะดมทรัพยากรของพวกเราโดย เฉพาะอาณาจักรแห่งความฝันที่ภูเขาอี้เทียน เราไม่สามารถปล่อยให้เขาฉกชิงมันไป!”

“ฆ่า! เราต้องฆ่าปีศาจตนนี้ มิฉะนั้นพวกเราจะไม่สามารถผ่อนคลาย!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท