เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1601 ปีแห่งความตาย

บทที่ 1601 ปีแห่งความตาย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1601 ปีแห่งความตาย

พื้นที่ถูกปิดผนึก โลกเปลี่ยนเป็นมิติสีน้ำเงินในครั้งเดียว

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนแปลงไป

“นี่คือกับดัก!” บางคนตะโกน

หลายคนกระสับกระส่าย

ลั่วเว่ยหยินเงียบ สายตาของเซี่ยชากลายเป็นเย็นเยียบ

รอยยิ้มของฟางหยวนค่อยๆจางหายไปและกลายเป็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกขณะที่เขามองกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ราวกับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

ในอดีตอัจฉริยะแห่งทะเลตะวันออกฮัวอันเคยอนุมานเขา ฟางหยวนอนุมานกลับและค้นพบตัวตนของฮัวอัน ตอนนี้ผู้อมตะภาคใต้วางแผนไล่ล่าเขา ฟางหยวนก็สามารถซ่อนแผนอีกครั้ง

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะตกลงสู่หลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามโดยง่ายได้อย่างไร? เขาแสร้งแสดงว่าตนเองตกเป็นเหยื่อเพื่อล่อลวงผู้อมตะภาคใต้ให้เข้ามาติดกับดักของเขา

“ใจเย็น! เรามีจํานวนมากกว่า ฟางหยวนจะทําสิ่งใดได้”

“ถูกต้อง เรามีท่านหญิงเซี่ยชาและท่านลั่วเว่ยหยิน เราไม่กลัวเขตแดนอมตะของเขา!”

“นี่ไม่เหมือนเขตแดนอมตะสนามรบราชันภูต”

“แน่นอน สนามรบราชันภูตของเขาถูกภาคกลางทําลายแล้ว วิธีการทําลายยังอยู่ในสวรรค์สีเหลือง แล้วเขาจะใช้มันได้อย่างไร?”

ผู้อมตะภาคใต้สามารถสงบจิตใจลงได้ในที่สุด

เป็นเพียงเวลานี้ที่ลั่วเว่ยหยินกล่าว “นี่ไม่ใช่เขตแดนอมตะ มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่”

“ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา” เซี่ยชากล่าวเสริม

“พวกเจ้าทั้งสองช่างรู้มากนัก” ฟางหยวนยิ้มและพยักหน้า

ท่ามกลางเขตแดนอมตะของฟางหยวน เขตแดนที่แข็งแกร่งที่สุดคือดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายและสนามรบราชันภูต เขตแดนแรกเคยใช้สังหารฉินไป่อี้และหยูชานขณะที่เขตแดนหลังเคยกักขังฟงจิวเก้อและทําให้เขาตกอยู่ในสถานการร์ที่สิ้นหวัง

แต่ศัตรูทั้งสองครั้งต่างเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาไม่สามารถแข่งขันกับเซี่ยชาและลั่วเว่ยหยินที่เป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกค่ายกลวิญญาณอมตะ

ค่ายกลวิญญาณอมตะแตกต่างจากเขตแดนอมตะ

วิญญาณที่ใช้สร้างเขตแดนอมตะมักอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ พวกมันจะสร้างเขตแดนที่แยกออกจากโลกภายนอกเพื่อใช้ในการต่อสู้ สําหรับค่ายกลวิญญาณอมตะ วิญญาณจะอยู่ในโลกภายนอก ค่ายกลวิญญาณส่วนใหญ่มีไว้เพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในและป้องกันการโจมตีจากภายนอก ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนมีพลังอํานาจในการแยกพื้นที่เพื่อให้เขาสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ภายใน

“บึม บึม บึม”

การระเบิดปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“เนื่องจากนี่คือค่ายกลวิญญาณอมตะ เราจึงสามารถค้นหาแกนกลางและทําลายพวกมัน!” ผู้อมตะบางคนไม่สามารถอดทนและเริ่มโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนทันที

แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็พบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ท่าไม้ตายที่ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟถูกดับลงโดยไม่ส่งผลกระทบมากนัก

การแสดงออกของไท่ชิวจงเปลี่ยไป เขาตะโกนเตือนสหายของเขา “ทุกคนระวัง ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกกระตุ้นการทํางานแล้ว!”

“มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่จะเร่งความเร็วท่าไม้ตายของพวกเราและทําให้พวกมันถึงขีดจํากัด นั่นเป็นสาเหตุที่พวกมันหายไปอย่างรวดเร็ว” หลิวห่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มืดมน

การโจมตีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้หยุดลง พวกเขาเริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์

ผู้อมตะตระกูลช่ายพ่นไฟสีส้มออกมา พวกมันกระจายออกไปโดยไม่มีสิ่งใดถูกเผาไหม้

ผู้อมตะตระกูลเชียวส่งก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกมาแต่มันกลับละลายหายไปอย่างรวดเร็ว

วิธีการทั้งหมดของพวกเขาไร้ประโยชน์

ฟางหยวนมองการโจมตีของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยสายตาเย็นชาแต่ไม่หยุดพวกเขา

ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยไฟ น้ำแข็ง หรือสิ่งใด พวกมันล้วนถูกค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทําลายทั้งหมด

หัวใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้จมดิ่งลง

“ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ตอบสนองได้ดีมาก ต้องมีบางคนควบคุมมันอยู่!”

“ผู้ใด? มันต้องเป็นสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา!”

กลุ่มผู้อมตะแสดงความคิดเห็น

เป็นเช่นที่พวกเขาคิด ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดากระต่ายขาว เทพธิดาเมี่ยวหยิน และอิงอู๋เซี่ยเป็นผู้ดูแลแกนกลางแต่ละส่วนของค่ายกลวิญญาณอมตะ

การต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะเข้าร่วม แต่มันเพียงพอที่จะต่อต้านผู้อมตะภาคใต้กลุ่มนี้

กล่าวได้ว่าผู้อมตะภาคใต้กําลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยขณะที่ฟางหยวน ลั่วเว่ยหยิน และเซี่ยซายังไม่เคลื่อนไหว

ความสนใจของฟางหยวนอยู่ที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองคน เขารู้ว่าทั้งสองจะปลดปล่อยพลังอํานาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาทันทีเมื่อพวกเขาลงมือ

ลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาไม่เคลื่อนไหวแต่พวกเขายังตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอมตะของฟางหยวน

ลั่วเว่ยหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี แม้เขาจะเข้าใจเส้นทางสายอื่น แต่ค่ายกลวิญญาณนี้ยอดเยี่ยมเกินไป คนที่ไม่คุ้นเคยกับมันจะไม่สามารถมองทะลุมันได้อย่างง่ายดาย

แต่เซี่ยชาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งกาลเวลา นางมองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจนกว่าลั่วเว่ยหยิน อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะของฟางหยวนไม่ได้มีเพียงเส้นทางแห่งกาลเวลาแต่มันยังมีความซับซ้อนของเส้นทางแห่งค่ายกลอยู่อีกด้วย

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเซี่ยชาไม่สูงนัก

ดังนั้นเส้นทางแห่งค่ายกลจึงเป็นอุปสรรคสําคัญของนาง

“ท่านผู้นํา พวกเราพร้อมแล้ว” เป็นเพียงเวลานี้ที่อิงอู๋เซี่ยแจ้งเตือนฟางหยวน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและตอบกลับ “เช่นนั้นก็ให้พวกมันเข้ามา”

หลังกล่าวจบคําร่างของฟางหยวนก็เลือนหายไปต่อหน้าลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา

“โฮก…”

เสียงคํารามของสัตว์ร้ายดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง

“โฮก! ก๊าก! เจี๊ยก!”

เสียงกรีดร้องของสัตว์ป่าจํานวนมากดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เกลียวแสงขนาดใหญ่ต่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนที่ฝูงอสูรปีจํานวนนับไม่ถ้วนจะพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

วานร อสรพิษ มังกร พยัคฆ์ และอสูรปีทุกรูปแบบปรากฏตัวขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอสูรปีเดียวดาย มีอสูรปีบรรพกาลอยู่จํานวนหนึ่ง

ในค่ายกลวิญญาณอมตะ นอกจากฝูงอสูรปีก็มีเพียงผู้อมตะภาคใต้เท่านั้น

อสูรปีมีสติปัญญาไม่สูงนัก ในไม่ช้าพวกมันก็พุ่งเข้าโจมตีกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยความดุร้าย

“ฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยชากล่าวอย่างเฉยเมย

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มต่อสู้กับฝูงอสูรปีทันที

หลิวห่าวสะบัดแขนเสื้อส่งมีดบินจํานวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปแยกร่างอสูรปีอย่างต่อเนื่อง

“ดูเหมือนจะมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่ ฟางหยวนพยายามใช้วิธีเดิมอีกครั้ง เขาใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เขาเคยใช้กับฟงจิวเก้อก่อนหน้านี้!”

ฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะระบายน้ำเพื่อส่งฟงจิวเก้อเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้เป็นการผสานสามค่ายกลวิญญาณอมตะเข้าด้วยกัน มันถูกเรียกว่าค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตาย

อันดับแรก นิกายเงาใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางแห่งกาลเวลาสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ ค่ายกลนี้ปกปิดการคงอยู่ของสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา นั่นทําให้ผู้อมตะภาคใต้ไม่ตระหนักถึงมัน

ต่อมา ด้วยการใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะระบายน้ำ มันสามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา

สุดท้าย มันเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปีแรกกําเนิดที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นแกนกลาง มันทําให้พวกเขาสามารถเรียกอสูรปจากสายธารแห่งกาลเวลาออกมาต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้

เดิมทีฟางหยวนไม่มีความสามารถในการทําเรื่องนี้ แต่หลังจากความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเขาบรรลุระดับปรมาจารย์ สิ่งที่ฉุดรั้งเขาไว้ก็ถูกกําจัด

ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งค่ายกลหรือเส้นทางแห่งกาลเวลา ฟางหยวนต่างเป็นปรมาจารย์ทั้งสองเส้นทาง นอกจากนี้เขายังมีมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจจิตวิญญาณ และแสงแห่งปัญญา เป็นธรรมชาติที่เขาจะสามารถอนุมานสุดยอดค่ายกลวิญญาณอมตะเช่นนี้

“ฆ่า!” ผู้อมตะตระกูลปาตะโกนขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น เขากระทืบอสูรปีเดียวดายจนตายในครั้งเดียว

เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างของผู้อมตะตระกูลช่ายขณะที่เขาใช้ไฟเผาทําลายอสูรปีนับสิบตัว

ไท่ชิวจงกลายเป็นลําแสงสีทองพุ่งเข้าแยกร่างอสูรปราวกับเต้าหู้

“ปีศาจฟางหยวน เราต้องขอบคุณเจ้าสําหรับความมั่งคั่งนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงหูจางหัวเราะขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไม้จับอสูรปีที่อยู่รอบๆและนําพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างของตน

อสูรเหล่านี้มีวิญญาณปาระดับมนุษย์แต่ไม่มีวิญญาณอมตะ พวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะภาคใต้

ท้ายที่สุดกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนก็ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังของตระกูลต่างๆและมีการบ่มเพาะระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ดังนั้นผลลัพธ์นี้จึงเป็นไปตามความคาดหวัง

ฟางหยวนยังสงบนิ่ง ทุกอย่างอยู่ในการคาดเดาของเขาทั้งหมด การต่อสู้พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น

อสูรปียังหลั่งไหลออกเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไม่หยุดยั้ง

“เหตุใดถึงมีมากมายนัก?”

“ปีศาจฟางหยวนผู้นี้พยายามทําให้พวกเราหมดแรง!”

“การทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะเป็นหนทางสู่ชัยชนะ!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เข้าใจสถานการณ์แต่พวกเขาไม่มีเวลาและสมาธิในการทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

คนที่มีโอกาสทําลายค่ายกลวิญญาณนี้มีเพียงลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา

“ก๊าก…”

อย่างไรก็ตามเวลานี้อสูรประกาแรกกําเนิดถูกล่อลวงเข้ามาแล้ว

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง ลั่วเว่ยหยินต้องการเคลื่อนไหว แต่ไท่ชิวจงกลับก้าวออกมา “ให้เราจัดการกับมัน พวกท่านทั้งสองควรทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ นั่นเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดที่สุด!”

ไท่ชิวจงและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคนเผชิญหน้ากับอสูรประกาแรกกําเนิด ด้วยความร่วมมือทําให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับอสูรประกาแรกกําเนิดได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

“มีแกนกลางอยู่ที่นั่น!” ดวงตาของเซี่ยชาส่องประกายขึ้นขณะที่นางชี้นิ้วออกไป ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดยิงลําแสงลึกลับออกไปและทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ค่ายกลวิญญาณอมตะเกิดการสั่นสะเทือนก่อนที่มันจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้รู้สึกสนุกสนาน มีแกนกลางอยู่จริงขณะที่เซี่ยซาสามารถทําตามความคาดหวังของพวกเขา

ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “ พลังอํานาจที่แท้จริงของค่ายกลวิญญาณอมตะกําลังจะแสดงออกมาแล้ว”

จุดที่แกนกลางถูกทําลายสร้างเกลียวแสงสองเกลียวขึ้นก่อนที่อสูรปีจํานวนมากจะพุ่งออกมา

กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง

“โฮก…”

ด้วยเสียงคํารามที่ดุร้าย อสูรปีขาลแรกกําเนิดกระโดดเข้าสู่สนามรบ

“ปล่อยข้า!” ลั่วเว่ยหยินเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก มือของเขากลายเป็นมือยักษ์สีเหลืองพุ่งเข้าคว้าจับอสูรปีขาลแรกกําเนิดเอาไว้ทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท