เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1603 พัดฤดูร้อน

บทที่ 1603 พัดฤดูร้อน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1603 พัดฤดูร้อน

อสูรปีจํานวนมากเข้าสู่สนามรบและต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มผู้อมตะภาคใต้แทบอาเจียนจากการฆ่าอสูรปีที่ไหลบ่าออกมาจากราวเขื่อนแตก ท่าไม้ตายที่พวกเขาเตรียมไว้ใช้กับฟางหยวนถูกนํามาใช้กับอสูรปีเหล่านี้ขณะที่พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก

ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายสร้างขึ้นจากสามค่ายกลวิญญาณอมตะขณะเดียวกันมันก็ได้รับการสนับสนุนจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาและอยู่ภายใต้การควบคุมของฟางหยวนกับคนอื่นๆ พลังอํานาจอันยิ่งใหญ่นี้ทําให้กลุ่มผู้อมตะภาคใต้รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

ครู่ต่อมากระทั่งลั่วเว่ยหยินยังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ไม่เพียงเขาต้องต่อสู้กับอสูรปีแรกกําเนิดสองตัวแต่เขายังต้องช่วยกลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นครั้งคราวอีกด้วย

ทุกครั้งที่อสูรปีแรกกําเนิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ฟางหยวนจะนํามันออกมาและกดขี่มัน หลังจากนั้นอสูรปีแรกกําเนิดตัวใหม่ก็จะถูกล่อลวงเข้าสู่สนามรบ

ลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ขณะที่การต่อสู้ดําเนินไปอย่างดุเดือด

แต่พวกเขายังมีความคืบหน้า ในช่วงเวลานี้เซี่ยชาพบแกนกลางอีกสองแกนและสามารถทําลายพวกมัน แกนกลางทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนเป็นเกลียวแสง หลังจากทั้งหมดค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายในปัจจุบันสามารถรักษาเกลียวแสงเอาไว้เพียงสามแห่งเท่านั้น นี่คือขีดจํากัดของมัน

การต่อสู้ดําเนินไปตลอดทั้งวัน

ฟางหยวนได้รับทาสอสูรปีแรกกําเนิดเจ็ดตัวขณะที่เซี่ยชาทําลายแกนกลางของค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าแกน

ตอนนี้ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายไม่แข็งแรงเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

“ถึงเวลาแล้ว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

มือปีศาจพุ่งออกจากปากของอสูรบีบรรพกาล ไปชิวจงถูกขโมยวิญญาณอมตะโดยไม่ทันตั้งตัว

“วิญญาณอมตะระดับเจ็ดของข้า!” เขากระอักเลือดคําโตออกมาและได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีเนื่องจากการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะล้มเหลว อย่างไรก็ตามเขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่าที่ถูกฟางหยวนขโมยวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลว ไม่เลว วิญญาณอมตะใบมีดระดับเจ็ด” ฟางหยวนหัวเราะอย่างมีความสุข วิญญาณอมตะใบมีดเป็นวิญญาณที่เขาต้องการในเวลานี้เพราะมันเป็นหนึ่งในแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะตัดเวลา

“สหายตระกูลไท อดทนไว้ ข้ากําลังจะไปช่วย!” เฉิงหูจางและคนอื่นๆเห็นไท่ชิวจงถูกโจมตีและต้องการเข้าไปช่วย

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น

เขาไม่ได้ฆ่าไท่ชิวจงเพราะเขาต้องการเห็นสิ่งนี้

“โอ้ ไม่!”

“นี่คือการซุ่มโจมตี!”

“ พวกเราถูกหลอก!”

ผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมดที่เข้ามาช่วยไท่ชิวจงถูกขโมยวิญญาณอมตะ

“ทุกคนระวังให้ดี อสูรปบางตัวตกเป็นทาสของฟางหยวนแล้ว พวกมันอันตรายมาก!” เฉิงหูจางตะโกนเตือนคนอื่นๆโดยไม่มีเวลาคร่ำครวญถึงการสูญเสียวิญญาณอมตะของตน

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่การต่อสู้พึ่งเริ่มต้น ในช่วงเวลานั้นกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ยังเต็มไปด้วยพลังงาน มือปีศาจปล้นวิญญาณจะไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขา แต่ตอนนี้พลังการต่อสู้และสมาธิของทุกคนลดลงอย่างมาก ดังนั้นมือปีศาจปล้นวิญญาณจึงสามารถโจมตีพวกเขา

ฟางหยวนวางแผน ปกปิด และซ่อนมือปีศาจปล้นวิญญาณไว้ในปากของอสูรปบรรพกาลตั้งแต่แรก

เหตุการณ์นี้ทําให้กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตื่นตระหนกและระวังตัวมากขึ้น นั่นทําให้พวกเขากลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

ฟางหยวนยังสงบนิ่งและดําเนินการตามแผนของเขาต่อไป

ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้ก็เข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดอีกครั้ง พวกเขาต่อสู้มาอย่างยาวนานและแทบจะไม่สามารถรักษาพลังการต่อสู้ของตนเองเอาไว้

ฟางหยวนรอโอกาสของเขาอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อผู้อมตะภาคใต้อ่อนแอลง พวกเขาจะถูกขโมยวิญญาณอมตะอีกครั้ง

เดิมทีฟางหยวนสามารถใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณได้ครั้งละมือเท่านั้น แต่หลังจากฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เขาสามารถใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณสามมือพร้อมกัน

ต่างจากเขตแดนอมตะเช่นดวงดาวสีม่วงแห่งชีวิตที่พังทลายที่พลังอํานาจของมือปีศาจปล้นวิญญาณจะถูกสะกดข่ม ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อมือปีศาจปล้นวิญญาณ แม้มันจะไม่แข็งแกร่งขึ้น แต่พลังอํานาจของมันก็ไม่ลดลง

ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายถูกนํามาใช้ในค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตาย ขณะเดียวกันโชคของฟางหยวนก็ยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้เหล่านี้จึงถูกขโมยวิญญาณอมตะดวงสําคัญที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายอมตะของพวกเขาหรือเป็นวิญญาณอมตะที่ฟางหยวนต้องการ

หลังจากถูกขโมยวิญญาณอมตะอีกครั้ง กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองที่รุนแรงและได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

น่าเสียดายที่ลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชามีการป้องกันที่ไร้ที่ติ พวกเขาสามารถทําลายมือปีศาจปล้นวิญญาณที่พุ่งเข้ามาหา ทั้งสองกระทั่งมีพลังงานเหลือพอที่จะยื่นมือเข้าช่วยผู้อมตะระดับเจ็บคนอื่นๆ โดยเฉพาะลั่วเว่ยหยิน แม้เขาจะไม่มีท่าไม้ตายสายโจมตีแต่เขามีทักษะในการป้องกันที่ยอดเยี่ยม หากไม่ใช่เพราะเขา ผู้อมตะหลายคนอาจตายไปแล้ว

ฟางหยวนยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝัน

ท่าไม้ตายนี้ถูกเปิดเผยมานานแล้ว ผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคมีวิธีป้องกันมัน สิ่งสําคัญที่สุดคือหากมันล้มเหลว ฟางหยวนจะถูกลากเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังในการใช้งานมัน

เว้นเพียงเขาจะเลียนแบบอิงอู่เซียโดยพึ่งพากายาแห่งความฝันเพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายนี้ ในกรณีนั้นแม้เขาจะล้มเหลว มันก็ไม่เป็นปัญหา

ไม่มีท่าไม้ตายที่อยู่ยงคงกระพัน เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจะสามารถตอบโต้ มือปีศาจปล้นวิญญาณจะพบปัญหานี้ในที่สุด เว้นเพียงฟางหยวนจะพัฒนามันในอนาคต

ด้วยความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้าย สถานการณ์จึงผลิกกลับไปทางฟางหยวน

เป็นเพียงเวลานี้ที่เซี่ยชาตะโกนเสียงดัง “พังพินาศไปซะ!”

สายลมกรรโชกแรงหมุนวนขึ้นรอบตัวนางพร้อมกับสายฟ้า ที่แลบลั่น ทั้งสองหลอมรวมกันและก่อตัวเป็นพัดขนาดใหญ่อยู่ในมือของนาง

เซี่ยชาสะบัดพัดที่อยู่ในมือและทําลายแกนกลางที่ฟางหยวนดูแลอยู่ ตําแหน่งของเขาถูกเปิดเผยทันที แม้เขาจะอยู่ภายใต้การปกป้องของทาสอสูรปีแรกกําเนิดสามตัวและกองทัพอสูรปี แต่ความคิดที่เหลืออยู่ของเขาไม่เพียงพอให้เขากระตุ้นใช้เกราะหวนคืน นั่นทําให้เขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีนี้

เซี่ยชาสะบัดพัดไปทางซ้าย ไปหนิงปิงตระหนักถึงภัยคุกคามร้ายแรง นางเปลี่ยนร่างเป็นไป่เซียงก่อนที่ร่างของนางจะถูกทําลายลงในพริบตา

เซี่ยชาสะบัดพัดไปทางขวา เทพธิดากระต่ายขาวไม่สามารถหลบได้ทันเวลา แกนกลางที่นางดูแลอยู่ถูกทําลายขณะที่ร่างกายของนางระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เทพธิดากระต่ายขาวตาย ณ จุดเกิดเหตุ!

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทําให้ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อน!

การโจมตีสามครั้งของพัดฤดูร้อนทําให้ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายแทบพังทลายลงขณะที่กลุ่มของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและล้มตาย

เซี่ยชาสูดหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนที่พัดในมือของนางจะสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง

หากถูกโจมตีด้วยพัดฤดูร้อนต่อไป กลุ่มของฟางหยวนจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

“ผู้ใดจะคิดว่าเซี่ยชาจะสามารถอนุมานค่ายกลวิญญาณปีแห่งความตายได้อย่างรวดเร็ว นางทําลายแกนกลางสามแกนได้ในครั้งเดียว หากข้าไม่ใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณสร้างแรงกดดันให้กับพวกนาง นางอาจไม่ใช้วิธีที่รุนแรงเช่นนี้!” หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น

พลังการต่อสู้ของเซี่ยชาเหนือกว่าข้อมูลของนิกายเงา ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของนางอาจไม่ได้อยู่ในระดับปรมาจารย์เอกเท่านั้นและยังมีความเป็นไปได้ที่นางจะมีความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลเช่นกัน แต่ผู้ใดจะรู้เกี่ยวกับมัน หลังจากทั้งหมดผู้อมตะระดับแปดจะถูกเปิดเผยโดยง่ายได้อย่างไร?

ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายเป็นค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปดที่แท้จริง ฟางหยวนสามารถใช้มันดักจับกลุ่มผู้อมตะภาคใต้รวมถึงผู้อมตะระดับแปดลั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา

นี่คือความพิเศษบนเส้นทางแห่งค่ายกล

ตราบเท่าที่ค่ายกลวิญญาณถูกจัดตั้ง มันจะสามารถต่อต้านศัตรูจํานวนมากและอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าออกมา

แต่จุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณก็คือเมื่อศัตรูเข้าใจมัน พวกเขาจะสามารถทําลายมันได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้มิติพิเศษเริ่มพังทําลายลงแล้ว กลุ่มผู้อมตะภาคใต้สามารถมองเห็นวิญญาณที่อยู่รอบๆ ได้ด้วยตาเปล่า

“ฟางหยวน ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!” หลิวห่าวตะโกนด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ

ด้วยพลังอํานาจของวิญญาณอมตะดวงนี้ ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะได้ในบริเวณนี้

“ตอนนี้แม้เจ้าจะหลบหนีไปยังสายธารแห่งกาลเวลา ข้าก็สามารถตามไปฆ่าเจ้าที่นั่น!” เซี่ยชาสะบัดพัดในมือและเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจ

“หลบหนีงั้นหรือ? เหตุใดข้าต้องหลบหนี?” กระทั่งในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ดวงตาของฟางหยวนก็ยังส่องประกายสว่างไสว

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึงเมื่ออสูรบีบรรพกาลที่อยู่รอบๆแข็งค้างราวกับประติมากรรมหินขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันราวกับสายลมพัดออกมาจากร่างของพวกมันและปกคลุมพื้นที่เอาไว้อย่างรวดเร็ว

ทุกคนพยายามหลบเลี่ยง

เปลือกตาของเซี่ยชากระตุก นางเร่งโบกพัดที่อยู่ในมือ

แต่ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังของนางกลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน

บางคนพยายามหลบหนีด้วยความตื่นตระหนกแต่ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายยังไม่พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ พวกเขายังติดอยู่ที่นี่

อาณาจักรแห่งความฝันปิดล้อมเซี่ยชาและคนอื่นๆเอาไว้ขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายก็ถูกมันกัดกร่อนไปพร้อมกัน

ในไม่ช้าค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายก็จมอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

สนามรบที่เคยเสียงดังเงียบลงทันที

กระทั่งกองทัพอสูรปีก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน

“นี่คือพลังอํานาจของเส้นทางแห่งความฝัน!” เทพธิดาเมี่ยวหยินอ้าปากค้าง

“ไม่แปลกใจเลยที่กองกําลังทั้งหมดต้องการสํารวจและค้นคว้าเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน” ไปหนิงบิงที่ฟื้นขึ้นในร่างของไปเชียงกล่าว

แต่น่าเสียดายที่เทพธิดากระต่ายขาวเสียชีวิตในการต่อสู้

ทักษะเดียวปกครองโลก!

เส้นทางแห่งความฝันเป็นเส้นทางใหม่เช่นเดียวกับเส้นทางแห่งการโจรกรรม เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง และเส้นทางแห่งโชคในอดีต ปัจจุบันยังมีไม่ผู้ใดสามารถตอบโต้หรือต่อต้านมัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท