เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1604 เชลย

บทที่ 1604 เชลย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1604 เชลย

ภูเขาเต็มไปด้วยปาสีเขียว ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ

ทันใดนั้นแสงลึกลับพลันส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะกลายเป็นชายร่างสูงผู้หนึ่ง

คนผู้นี้มีคิ้วสีขาวบางและยาว เส้นผมส่องประกาย ดวงตาปิดสนิท เขาอยู่ในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ที่ไม่มีคราบฝุ่นแม้แต่จุดเดียว

กลิ่นอายของเขาไม่ยิ่งใหญ่มากนักแต่รูปลักษณ์ทําให้เขาดูราวกับเทพเจ้า

นี่คือจวินเฉินกวง ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งแสงและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของหนึ่งในสิบนิกายโบราณ เขาพึ่งถูกคัดเลือกเข้าสู่วังสวรรค์โดยเทพธิดาจื่อเว่ย

“หลิวห่าวหายตัวไปที่นี่” ดวงตาของจวินเฉินกวงปิดแต่ราวกับเขาสามารถมองเห็นโลกทั้งใบได้อย่างชัดเจน

ไม่นานเขาก็พบร่องรอยของการต่อสู้

“มันดูไม่ดีสําหรับหลิวห่าว มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นที่นี่ โชคไม่ดีที่หลิวห่าวไม่ได้ส่งข้อความขอกําลังเสริมใดๆ มันอาจเป็นเพราะค่ายกลวิญญาณอมตะหรือเขตแดนอมตะ”

จวินเฉินกวงขมวดคิ้วลึก

หลิวห่าวเป็นสายลับของวังสวรรค์ที่แฝงตัวเข้าสู่ภาคใต้โดยความช่วยเหลือของวูหยง เขานําวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติมาด้วยโดยมีวิญญาณท่องแดนอมตะของฟางหยวนวนเป็นเป้าหมาย

สําหรับจวินเฉินกวง เขาได้รับภารกิจจากเทพธิดาจื่อเว่ยให้ซุ่มดูอยู่ห่างๆ หากฟางหยวนได้รับบาดเจ็บและพยายามหลบหนี จวินเฉินกวงต้องไล่ล่าและลอบสังหารฟางหยวน

“กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่ไล่ล่าฟางหยวนเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ จากกองกําลังต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถรักษาชีวิตของตนแม้ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแรกกําเนิด”

ไท่ชิวจงของตระกูลไท่มีความสําเร็จที่น่าประทับใจ เขาจับและสังหารปีศาจอมตะของภาคใต้มามากกว่าสิบคน ปีศาจอมตะของภาคใต้จะสั่นกลัวเพียงเมื่อได้ยินชื่อของเขา

เฉิงหูจางของตระกูลเฉิงบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางแห่งไม้ เขามีวิธีบ่มเพาะสองเส้นทางที่ไม่ขัดแย้งกันเช่นเดียวกับจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดชั้นแนวหน้าของตระกูลเฉิง

หยางกู่ของตระกูลหยางเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับสูงบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของภาคใต้ ครั้งหนึ่งเขาเคยทําลายรังของสัตว์อสูรบรรพกาลด้วยตัวเขาเพียงลําพัง เขายังประสบความสําเร็จในการหลบหนีจากการไล่ล่าของสัตว์อสูรแรกกําเนิด

ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้ถือเป็นชนชั้นสูงของภาคใต้ ทุกคนล้วนเป็นไพ่ตายของกองกําลังของตนทั้งสิ้น

“ยังไม่ต้องกล่าวถึงคนกลุ่มนี้แต่ยังมีผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพและผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย เซี่ยชา!”

คนทั้งสองเป็นผู้อมตะระดับแปด!

จวินเฉินกวงถอนหายใจ

ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ของคนกลุ่มนี้ทําให้จวินเฉินกวงรู้สึกไว้วางใจขณะที่เขาลอบเข้าใกล้อย่างเงียบๆ

จวินเฉินกวงต้องระวังการตรวจสอบของถั่วเว่ยหยินและเซี่ยชา หากเขาถูกค้นพบ มันจะสร้างความเข้าใจผิด ดังนั้นเขาจึงต้องติดตามอยู่ในระยะไกล

“สองผู้อมตะระดับแปดและผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคน พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและมีวิธีการมากมายในการต่อสู้กับฟางหยวน แต่พวกเขากลับแพ้! มันไม่ได้เป็นเพียงการสูญเสียแต่มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์!”

จวินเฉินกวงส่ายศีรษะซ้ำๆ

“ฟางหยวนน่าจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝัน” ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบร่องรอยของอาณาจักรแห่งความฝัน นั่นทําให้เขายิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนมากขึ้น “นอกจากอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนไม่มีวิธีอื่นที่จะทําให้เกิดผลลัพธ์นี้ คือ?”

ขณะที่จวินเฉินกวงกําลังตรวจสอบสนามรบอย่างระมัดระวัง เขากลับหันหน้าไปทางทิศใต้อย่างกะทันหัน

จากการตรวจสอบ เขาพบคฤหาสน์วิญญาณอมตะกําลังพุ่งเข้ามา

จวินเฉินกวงไม่จําเป็นต้องตรวจสอบกลิ่นอาย เขาแน่ใจว่ามันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของคนใต้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้รวดเร็วมากแต่มันยังต้องใช้เวลาอีกนานก่อนจะมาถึงที่นี่ จวินเฉินกวงรู้ว่าตนเองต้องออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที

หากเขาถูกค้นพบ มันจะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากจวินเฉินกวงจากไป คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็มาถึง

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณที่ดูเหมือนบ้านหลังเล็กๆ

บ้านสองชั้นสร้างขึ้นจากไม่ไผ่ มีน้ำค้างหยดลงมาจากใบไผ่สีเขียว

มันก็คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดบ้านไม่ไผ่สายลม!

วูหยงใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตระกูลวูและทําให้พวกเขาสามารถยึดครองตําแหน่งกองกําลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ต่อไป

ประตูบ้านไม้ไผ่สายลมเปิดออกขณะที่ผู้อมตะระดับแปดบินออกมา

เขาเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาธรรมดา คิ้วของเขาเชิดขึ้นเล็กน้อยทําให้เขาดูดุดันและมืดมน

เขาคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลวคนปัจจุบัน วูหยง หลังจากนั้นอีกคนก็บินตามวูหยงออกมา

คนผู้นี้เป็นชายชราที่มีโหนกแก้มสูง เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นกันและยังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลจือ จื่อชิวหยู

นอกจากนั้นยังมีกลุ่มผู้อมตะระดับเจ็ดอีกหลายคนตามออกมาจากบ้านไม่ไผ่สายลม พวกเขามาจากตระกูลต่างๆ ทุกคนล้วนแสดงออกด้วยความกังวล

“พวกเขาหายไปที่นี่!” ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลปากลายเป็นมืดครื้ม

“ตรวจสอบที่เกิดเหตุเร็วเข้า ตระกูลของข้าไม่สามารถติดต่อผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของเรา” ผู้อมตะตระกูลเซี่ยรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

จากนั้นท่าไม้ตายสายตรวจสอบทุกชนิดก็ถูกกระตุ้นใช้งาน สถานที่แห่งนี้ถูกค้นหลายสิบรอบ

ทุกคนรวมถึงสองผู้อมตะระดับแปดมีการแสดงออกที่เคร่งเครียด

“มีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่”

“มีร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอมตะและเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด

“มีอาณาจักรแห่งความฝันเช่นกัน” บางคนค้นพบร่องรอยของอาณาจักรแห่งความฝัน

เช่นเดียวกับจวินเฉินกวง กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ถูกดึงดูดโดยอาณาจักรแห่งความฝัน นอกจากอาณาจักรแห่งความฝัน ร่องรอยอื่นไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง เบาะแสเดียวที่พวกเขามีคืออาณาจักรแห่งความฝัน

“ระวังตัวด้วย” กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ค่อยๆแยกย้ายกันออกไปปิดล้อมอาณาจักรแห่งความฝันเล็กๆแห่งนี้

“อาณาจักรแห่งความฝันกําลังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง” บางคนอุทาน

ทุกคนสังเกตเห็นเช่นเดียวกัน

ไม่นานหลังจากนั้นวิญญาณหลายดวงก็หลุดออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันที่หดตัวลง

ผู้อมตะภาคใต้จับพวกมันและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

พวกมันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์ มีข้อความบางอย่างถูกทิ้งไว้ภายใน

มันเป็นเนื้อหาที่เรียบง่ายแต่มันทําให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไปทันที

“สหายคนใต้ ข้าขอแจ้งให้พวกเจ้าทราบว่าตอนนี้ผู้อมตะของพวกเจ้าอยู่ในมือข้า ฟางหยวน หากพวกเจ้าต้องการไถ่ตัวพวกเขา โปรดรอการติดต่อกลับจากข้า”

“นี่ นี่ นี่” บางคนรู้สึกพูดไม่ออก ร่างกายของเขาเริ่มสั่นขณะถือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้ในมือ

“ หลอกลวง! นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? กองกําลังที่เราจัดตั้งขึ้นถูกฟางหยวนจับงั้นหรือ? ยืม!” บางคนส่ายศีรษะและปฏิเสธที่จะเชื่อ “นี่เป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่!”

“แต่พวกเราไม่สามารถติดต่อพวกเขา” บางคนโต้แย้ง

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกอยู่ในความเงียบ

พวกเขาหยุดนิ่งราวกับรูปปั้น “นิ้ว…”

สายลมทําให้หนวดสีขาวของชื่อชิวหยูสั่นเล็กน้อย

ใบหน้าของวูหยงกลายเป็นซีดขาว เขาปิดเปลือกตาลงก่อนจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ

มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

และความจริงก็บังคับให้พวกเขาต้องยอมรับ

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ส่งผู้อมตะจํานวนมากออกไล่ล่าฟางหยวน อย่างไรก็ตามนอกจากพวกเขาจะไม่สามารถสังหารฟางหยวน พวกเขายังถูกฟางหยวนจับเป็นเชลย!

นี่เป็นการตบหน้าฝ่ายธรรมะของภาคใต้ครั้งใหญ่

การตบนี้ทําให้พวกเขารู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“เมื่อเราไม่สามารถติดต่อเซี่ยชาและคนอื่นๆ เขารีบรวบรวมกําลังเสริมและออกเดินทางมาที่นี่ทันที ท่านจื่อ ท่านคิดว่านี่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาหรือไม่?” วูหยงทําลายความเงียบด้วยเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย

คํากล่าวของเขาค่อนข้างคลุมเครือแต่ทุกคนเข้าใจว่าวูหยงหมายถึงสิ่งใด

จื่อชิวหยูพยักหน้าช้าๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรารู้จักความแข็งแกร่งของฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงาเป็นอย่างดี เรายังประเมินพวกเขาอย่างระมัดระวัง ด้วยความแข็งแกร่งของเซี่ยซาและคนอื่นๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกจับโดยฟางหยวนภายในระยะเวลาสั้นๆ มีร่องรอยของค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ซับซ้อนจนน่าตกใจอยู่ที่นี่จริงๆ”

จื่อชิวหยูเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่สามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะได้ด้วยการหยิบยืมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในสภาพแวดล้อม ฟางหยวนเก็บกวาดสนามรบแล้วแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทําความสะอาดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจํานวนมากจึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

พิจารณาการเคลื่อนไหวและจํานวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ถูกทิ้งไว้ จื่อชิวหยูแน่ใจว่าเคยมีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาถูกจัดตั้งไว้ที่นี่

วูหยงพยักหน้าเล็กน้อย “ควรจะเป็นเช่นนั้น ถั่วเว่ยหยินและเซี่ยชาเป็นผู้อมตะระดับแปด มันไม่ง่ายที่จะจัดการคนทั้งสอง เว้นเพียงมันจะเป็นเขตแดนอมตะระดับเก้าหรือค่ายกลวิญญาณอมตะระดับแปด แม้เราจะรีบมาที่นี่แต่เวลาในค่ายกลวิญญาณอมตะอาจผ่านไปนานแล้ว”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงเปิดปากกล่าวในเวลานี้ “จากข้อมูลที่วังสวรรค์เปิดเผยในสวรรค์สีเหลือง ข้าจําได้ว่าฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่สามารถเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลาและล่อลวงอสูรปีให้เข้าสู่สนามรบ”

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะภาตใต้กลายเป็นมืดครึมเมื่อได้ยินถ้อยคําเหล่านี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท