เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1608 ทักษะการเรียกค่าไถ่

บทที่ 1608 ทักษะการเรียกค่าไถ่

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1608 ทักษะการเรียกค่าไถ่

เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนกําลังยุ่งอยู่กับสิ่งใด

การมีผู้อมตะภาคใต้อยู่ในกํามือทําให้เขาสามารถทําทุกสิ่ง

เขามีตัวประกันที่ล้ำค่า เขาสามารถรีดไถได้ตามต้องการ

แต่ฟางหยวนระวังตัวมากและไม่หักโหมเกินไป เขาเริ่มต้นรีดไถเพียงสามกองกําลัง

ตระกูลเซี่ยเป็นเป้าหมายหลักอย่างไม่สามารถปฏิเสธ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ยเป็นผู้อมตะระดับแปด นางเป็นเสาหลักของตระกูล เป็นธรรมดาที่ตระกูลเซียจะไม่สามารถสูญเสียนาง มิฉะนั้นกองกําลังของพวกเขาจะหดตัวลงเจ็ดสิบถึงแปดสิบส่วน

ตระกูลอี้เป็นกองกําลังที่สอง

เนื่องจากผู้อมตะตระกูลอี้ที่ตกเป็นเชลยของฟางหยวนคืออี้หยาง

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเจ็ดที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลอี้ ทุกคนยังมองโลกในแง่ดีว่าเขามีคุณสมบัติที่จะก้าวเข้าสู่ระดับแปด สิ่งสําคัญที่สุดคือเขามีสายเลือดใกล้ชิดกับผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลอี้และเป็นผู้สืบทอดที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่ง

ระหว่างสงครามห้าภูมิภาคในชีวิตแรกของฟางหยวนเกิดความขัดแย้งภายในอย่างไม่รู้จบสิ้นที่ภาคใต้ อี้หยางถูกวางแผนต่อต้านและตกอยู่ในมือของตระกูลเฉิง ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลอี้ไม่ลังเลที่จะจ่ายราคามหาศาลเพื่อนําตัวอี้หยางกลับไป

ดังนั้นฟางหยวนจึงค่อนข้างคาดหวังกับการเรียกค่าไถ่ตระกูลอี้

อันดับสามคือตระกูลจื่อ

ผู้อมตะที่ตกเป็นเชลยของฟางหยวนคือผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลจื่อซึ่งเป็นตําแหน่งที่สําคัญมาก นอกจากนั้นจื่อชิวหยูก็เคยทําธุรกรรมกับฟางหยวนมาก่อนหน้านี้ ด้วยงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝัน เป็นเรื่องปกติที่ตระกูลจื่อจประนีประนอม

ฟางหยวนเข้าใจความคิดของมนุษย์เป็นอย่างดี เป้าหมายในการกรรโชกครั้งแรกของเขาไม่ใช่ตระกูลวที่เกลียดชังเขาอย่างสุดซึ้งหรือตระกูลไปที่เกลียดชังผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายปิศาจอย่างสุดใจ

ตราบเท่าที่สามกองกําลังแรกยอมแพ้ มันจะกลายเป็นเรื่องง่ายสําหรับฟางหยวนที่จะรีดไถกองกําลังอื่น

ด้วยตัวอย่างที่ชัดเจน กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกต่อไป

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

สวรรค์สีเขียวน้อย ค่ายกลวิญญาณอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณ!

มือปีศาจปล้นวิญญาณบินเข้าสู่มิติช่องว่างของหยางและนําวิญญาณอมตะระดับเจ็ดกลับออกมา

อิงอู๋เซี่ยและจิตวิญญาณค่ายกลเฝ้ามองจากด้านข้างอย่างเงียบๆ

พวกเขาไม่แปลกใจกับภาพนี้อีกต่อไป

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนปล้นสะดมวิญญาณอมตะของเชลยออกมาเป็นจํานวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังปล้นวิญญาณอมตะระดับแปดสองดวงมาจากเซี่ยชา หากเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิระดับแปดและวิญญาณอมตะฤดูร้อนระดับแปด วิญญาณอมตะดวงอื่นก็ดูไม่โดดเด่นนัก

ฟางหยวนสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะอีกหลังหนึ่งเพื่อปรับแต่งวิญญาณอมตะ

ค่ายกลวิญญาณอมตะหลังนี้ใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเป็นแกนกลางและใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะหลอมรวมปัญญาเป็นรากฐาน

ค่ายกลวิญญาณอมตะหลอมรวมปัญญาถูกสร้างขึ้นโดยใช้แสงแห่งปัญญาพร้อมกับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามและวิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาเพื่อปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ หากมีเจตจํานงของฝ่ายตรงข้าม ผลลัพธ์จะยิ่งโดดเด่นมากขึ้น ฟางหยวนเคยใช้เจตจํานงปลอมของโม่เหยาเพื่อสนับสนุนการปรับแต่งวิญญาณอมตะที่ได้รับมาจากร่างผีดิบอมตะของโป้ชิงรวมถึงวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณซึ่งมีความสําคัญในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนมาแล้ว

ปัจจุบันฟางหยวนยังใช้แสงแห่งปัญญาเป็นแกนกลาง ดังนั้นค่ายกลวิญญาณอ มตะหลอมรวมปัญญาจึงก้าวเข้าสู่ระดับใหม่

วิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า มันสามารถกําหราบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฟางหยวน ผลลัพธ์ของมันยิ่งโดดเด่นมากขึ้น

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ประสบความสําเร็จในการปรับแต่งวิญญาณอมตะที่พึ่งขโมยมา

นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่มีลักษณะเหมือนหยดน้ำสีฟ้าที่มีปีกสีขาว

ฟางหยวนจํามันได้ วิญญาณอมตะดวงนี้ถูกเรียกว่าวิญญาณอมตะท่องมิติ มรดกของนิกายเงาบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับมันเอาไว้ เดิมทีวิญญาณอมตะดวงนี้ถูกจับมาจากร่างของม้าบินแรกกําเนิด

ฟางหยวนเก็บวิญญาณอมตะท่องมิติเอาไว้ เขาไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติขณะที่ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของเขาก็อยู่ในระดับสามัญเท่านั้น นอกจากนั้นเขาก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่ไม่มาก

อย่างไรก็ตามเขามีมรดกที่แท้จริงมากเกินไป หากเขาต้องการใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา

ปัญหาเรื่องการขาดแคลนหินวิญญาณอมตะถูกแก้ไขแล้ว

หินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อนของตระกูลเชี่ยเหมือนน้ำทิพย์ที่ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์

หินวิญญาณอมตะหนึ่งล้านก้อนหมายถึงองุ่นเขียวอมตะหนึ่งล้านผลและเท่ากับลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งหมื่นผล นี่เป็นลูกพลัมแดงอมตะจํานวนมากที่สุดเท่าที่ฟางหยวนเคยสะสมไว้ในคลังของเขา

ฟางหยวนยังใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณต่อไปแต่เขาไม่สามารถขโมยวิญญาณอมตะออกมาจากร่างของหยางได้อีก

เขาโยนหยางกลับเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝันและนําผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลจื่อออกมา

ฟางหยวนเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล

เขาจะนําวิญญาณอมตะทั้งหมดของเชลยออกมาและเก็บไว้ในกระเป๋าของตน

สําหรับร่างกายของพวกเขา ฟางหยวนต้องปล่อยไปบางส่วน

การเรียกค่าไถ่ก็เหมือนกับการทําธุรกรรมประเภทหนึ่ง ตราบเท่าที่ผู้ขายมีอํานาจเพียง พอ ผู้ซื้อก็ไม่สามารถทําสิ่งใด ผู้ซื้อและผู้ขายต้องให้ความสนใจกับชื่อเสียง หากเขาไม่ปล่อยตัวประกัน แผนเรียกค่าไถของเขาจะดําเนินต่อไปได้อย่างไร

ฟางหยวนตั้งใจปล่อยตัวผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่สองของตระกูลจื่อและหยางของตระกูล

ก่อนหน้านี้เขาทําธุรกรรมกับตระกูลจื่อและตั้งใจสนับสนุนตระกูลจื่อเพื่อต่อต้านวังสวรรค์ แต่ครั้งนี้เขาไม่ลังเลที่จะรีดไถทั้งสองตระกูลจนถึงขีดสุด

อย่างไรก็ตามราคาของตัวประกันมีขีดจํากัด

กองกําลังฝ่ายธรรมะเหล่านี้สามารถอยู่ในอํานาจมาถึงปัจจุบัน นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่คนโง่

หากฟางหยวนเรียกร้องค่าตอบแทนสูงกว่าค่าตัวของผู้อมตะ พวกเขาจะไม่ทําธุรกรรมนี้

กล่าวได้ว่าการเรียกค่าไถ่ถือเป็นทักษะประเภทหนึ่ง

หลายวันต่อมาฟางหยวนได้รับหินวิญญาณอมตะอีกหนึ่งล้านสองแสนก้อน

นี่คือค่าไถแรกจากตระกูล

ในความเป็นจริงค่าตัวของหยางไม่สามารถเปรียบเทียบกับเซี่ยชา แต่ตระกูลอี้มั่งคั่งมาก อย่างน้อยพวกเขาก็ร่ํารวยกว่าตระกูลเซี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถจ่ายราคานี้

โดยทั่วไปกองกําลังใหญ่มักสํารองหินวิญญาณอมตะไว้ประมาณหนึ่งล้านก้อนเสมอ

นั่นคือเหตุผลสําคัญที่ทําให้ฟางหยวนได้รับหินวิญญาณอมตะจํานวนดังกล่าว

ขั้นแรกทําให้พวกเขายอมแพ้ ต่อมาข่มขู่พวกเขาให้มากขึ้นและค่อยๆขูดเลือดขูดเนื้อพวกเขาออกมา นี่คือทักษะการรีดไถ่ของฟางหยวน

“แม้ข้าจะสามารถจับผู้อมตะภาคใต้ แต่ข้ายังไม่รู้ว่าวังสวรรค์เตรียมสิ่งใดไว้ในสายธารแห่งกาลเวลาบ้าง”

ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

ค่ายกลวิญญาณอมตะปีแห่งความตายไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดการผู้อมตะภาคใต้เท่านั้น แต่ฟางหยวนยังต้องการใช้มันเป็นเหยื่อล่อให้วังสวรรค์เคลื่อนไหวอีกด้วย

หากวังสวรรค์ซุ่มโจมตีและเห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น พวกเขาสามารถนํากําลังเสริมออกมาจากสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อโจมตีฟางหยวน

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบฟางหยวนกลับไม่พบการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์

แผนการของเขาไร้ประโยชน์ในเรื่องนี้ นั่นทําให้เขารู้สึกระแวงและสงสัยมากขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท