เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1605 กักขังเชลย

บทที่ 1605 กักขังเชลย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1605 กักขังเชลย

เค้าโครงคร่าวๆของความจริงปรากฏขึ้นในใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

“ ท่ามกลางอสูรเหล่านี้ เป็นไปได้ที่จะมีอสูรปีแรกกําเนิดและไม่ใช่จํานวนน้อยๆ ฟางหยวนสามารถใช้ประโยชน์จากพวกมัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีมรดกที่แท้จริงของนิกายเงา ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ดักจับสมาชิกตระกูลของพวกเราเป็นหนึ่งในความสามารถของเขา”

จื่อชิวหยูหยุดก่อนกล่าวต่อด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น “ข้าเพียงไม่เข้าใจบางสิ่ง หากมิติช่องว่างถูกวางลง เป็นธรรมดาที่คนนอกจะไม่สามารถตรวจสอบ แต่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ซ่อนอยู่ เซี่ยชาและลั่วเว่ยหยินจะไม่ตระหนักถึงมันได้อย่างไร?”

ความสามารถในการปกปิดของค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาด้อยกว่าเส้นทางแห่งภูตผี เส้นทางแห่งห้วงมิติ หรือเส้นทางแห่งการโจรกรรม

เซี่ยชาตกลงสู่กับดักและต้องต่อสู้กับฝูงอสูรปีก่อนจะถูกจับเป็นเชลยเพราะอาณาจักรแห่งความฝัน สิ่งนี้สามารถเข้าใจได้

อย่างไรก็ตาม..

สิ่งที่ผิดปกติที่สุดคือเหตุใดพวกเขาถึงไม่พบสิ่งใดและตกลงสู่กับดักของฟางหยวนตั้งแต่แรก

กระทั่งจื่อชิวหยูปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกลยังรู้สึกสับสน

ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีปกปิดค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่มันเป็นเรื่องยาก

จื่อชิวหยูไม่เคยได้ยินว่ามีค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถซ่อนตัวจากผู้อมตะระดับแปดถึงสองคน

“อาณาจักรแห่งความฝันกําลังสลายไป มีบางคนอยู่ข้างใน!” บางคนอุทาน

การเปลี่ยนแปลงของอาณาจักรแห่งความฝันดึงดูดความสนใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทันที

ในไม่ช้าร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เขาก็คือลั่วเว่ยหยิน!

เขาวางมือทั้งสองข้างไว้บนหน้าอก ดวงตาปิดสนิทและไม่เคลื่อนไหว

แต่หลังจากอาณาจักรแห่งความฝันสลายไปจนหมด เขาก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

“พวกเจ้า” การแสดงออกของลั่วเว่ยหยินเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นวูหยงและคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็กวาดตามองไปรอบๆและอุทาน “โอ้ ไม่!”

“ท่านลั่วเว่ยหยิน โปรดอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย!”

“ถูกต้อง ผู้อมตะของตระกูลข้าตกอยู่ในมือของฟางหยวนจริงๆงั้นหรือ?”

“เดี๋ยว! เรายังไม่สามารถยืนยันตัวตนของเขา!”

“เรามาพิสูจน์ตัวตนของเขากันก่อน ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิธีหลบหนีจากอาณาจักรแห่งความฝัน” วูหยงกล่าวขณะที่จื่อชิวหยูเงียบ

จากนั้นวูหยงกับจื่อชิวหยูก็ปิดล้อมลั่วเว่ยหยินเอาไว้

ลั่วเว่ยหยินตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “เชิญ”

ผู้อมตะภาคใต้มีวิธีการตรวจสอบเฉพาะตัว นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ได้ใช้เพียงวิธีเดียว

หลังจากไม่นานการแสดงออกของวูหยงและคนอื่นๆก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย พวกเขาสามารถยืนยันว่าลัวเว่ยหยินผู้นี้ไม่ใช่ฟางหยวนที่ปลอมตัวมา

หลังจากนั้นยั่วเว่ยหยินก็เล่าสิ่งที่เขารู้ให้ทุกคนทราบ

เมื่อเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้กลายเป็นซีดเผือด พวกเขาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ลั่วเว่ยหยินถอนหายใจ “ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าไม่มีท่าไม้ตายสายโจมตีและทําได้เพียงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น หากข้าไม่มีวิธีปกป้องตนเองจากอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าอาจตกอยู่ในมือของฟางหยวนเช่นกัน”

“ลืมมันไปเถอะ เราจะกลับกันก่อน” จูหยงชําเลืองตามองลั่วเว่ยหยินอย่างลึกซึ้งก่อนที่เขาจะสะบัดแขนเสื้อและเข้าไปในบ้านไม้ไผ่สายลม

ไม่นานหลังจากกลุ่มผู้อมตะภาคใต้จากไป แสงลึกลับก็พุ่งเข้ามาและกลายเป็นจวินเฉินกวงแห่งวังสวรรค์

จวินเฉินกวงตรวจสอบร่องรอยในสนามรบและขมวดคิ้วพึมพํา “ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ลึกลับมาก มันไม่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งภูตผี เส้นทางแห่งห้วงมิติ หรือ เส้นทางแห่งการโจรกรรม มันไม่ใช่ค่ายกลวิญญาณอมตะที่หลอมรวมหลายเส้นทางแต่เป็นเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันกลับสามารถปกปิดตัวเองจนถึงระดับที่เซี่ยชาและลั่วเว่ยหยินไม่สามารถสัมผัสได้”

ผู้อมตะระดับแปดล้วนมีรากฐานที่ลึกล้ำ

ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเซี่ย เซี่ยชาย่อมมีวิธีการมากมาย ขณะที่ลั่วเว่ยหยินเป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพ แต่ทั้งคู่กลับไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของค่ายกลวิญญาณอมตะและทําให้กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกลงสู่กับดัก

จวินเฉินกวงตรวจสอบหลายครั้งและยืนยันว่าไม่มีเบาะแสอื่นก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

ค่ายกลวิญญาณอมตะในรูปลักษณ์ของปราสาทขนาดใหญ่ที่เรืองแสงสีเงินลอยอยู่ในสวรรค์เขียวน้อย

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงาลอยอยู่รอบๆค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ พวกเขากําลังเฝ้ามองเชลยที่อยู่ภายในอย่างใกล้ชิด

เชลยเหล่านี้คือกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ที่ถูกฟางหยวนซุ่มโจมตีและจับกุม ไม่ว่าจะเป็นเฉิงหูจาง ไท่ชิวจง หยางกู่ และผู้อมตะระดับเจ็ดคนอื่นๆ พวกเขาถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาของพวกเขาปิดขณะที่พวกเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

เชลยที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อมตะระดับแปดเซี่ยชา

กายาแห่งความฝันจะถูกกัดกร่อนเมื่อพวกมันอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เมื่อพวกมันออกมา พวกมันสามารถฟื้นตัวทันที แต่ร่างกายของผู้อมตะแตกต่างออกไป แม้ร่างกายของพวกเขาจะออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันเรียบร้อยแล้วแต่ดวงวิญญาณของพวกเขาอาจยังไม่สามารถออกมา

นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนสามารถจับเชลยเหล่านี้และนําพวกเขาเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ในยุคปัจจุบันท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายเก่าไม่ส่งผลกระทบต่ออาณาจักรแห่งความฝัน กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยดวงตาสวรรค์ยังสลายตัวเมื่อมันติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

ผู้อมตะจะพบกับความยากลําบากหากต้องเผชิญหน้ากับอาณาจักรแห่งความฝัน

แต่ฟางหยวนมีวิธีพิเศษ นั่นคือกายาแห่งความฝัน

เขาใช้กายาแห่งความฝันเพื่อเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและนําร่างของผู้อมตะภาคใต้ออกมาก่อนจะเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขา

จากนั้นอาณาจักรแห่งความฝันในสนามรบก็ถูกเปลี่ยนเป็นกายาแห่งความฝันอีกครั้งและถูกนํากลับมา

นี่ทําให้เขาสามารถเก็บกวาดสนามรบได้อย่างรวดเร็วก่อนจะจากมา

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม้เราจะใช้อาณาจักรแห่งความฝันกักขังผู้อมตะเหล่านี้ มันก็ยังมีความเสี่ยงสูง หากบางคนตื่นขึ้นและสร้างความเสียหายให้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

สําหรับผู้อมตะ มิติช่องว่างของพวกเขาเป็นรากฐานที่สําคัญ การนําผู้อมตะเหล่านี้เข้ามามีความเสี่ยงสูงมาก

“ทักษะหนึ่งปกครองโลก ในปัจจุบันผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่สามารถต่อต้านอาณาจักรแห่งความฝัน กระทั่งผู้อมตะระดับแปดก็ยังพบกับหายนะหากเผชิญหน้ากับอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าต้องฉวยโอกาสนี้ขโมยวิญญาณอมตะและทรัพยากรของพวกเขา จากนั้นข้าจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณแยกดวงวิญญาณของพวกเขาออกจากร่าง มีเพียงวิธีนี้ข้าถึงจะปลอดภัย”

ฟางหยวนคิดต่อไปถึงลั่วเว่ยหยิน

คนผู้นี้ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันแต่กายาแห่งความฝันกลับไม่สามารถเข้าใกล้เขาและนําร่างของเขาออกมา

ชัดเจนว่าเขามีทักษะบางอย่างบนเส้นทางแห่งความฝัน!

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ฟางหยวนถูกลั่วเว่ยหยินซุ่มโจมตีและตกลงสู่กับดักสามชาติภพ นั่นเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันเช่นกัน

ลั่วเว่ยหยินไม่ได้เป็นเพียงผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพแต่เขายังมีความสามารถล้ำยุคและมีวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันอย่างน้อยสองวิธี นี่เกือบเท่ากับฟางหยวน

วิธีบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนมีเพียงท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝัน และท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนวิญญาณในความฝัน

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องยอมแพ้ในการจับกุมลั่วเว่ยหยิน แม้เขาจะสามารถนําร่างของลั่วเว่ยหยินออกมา แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง ผู้ใดจะรู้ว่าคนผู้นี้ยังมีวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันใดอยู่อีก ในกรณีที่เขาตื่นขึ้นในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะกลายเป็นการนําหมาป่าเข้าบ้านและไม่สามารถขับไล่ออกไป

“เห้อ…ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันหนึ่งผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเหล่านี้จะกลายเป็นเชลยของเรา” เทพธิดาเมี่ยวหยินถอนหายใจ

แม้นางจะเป็นหนึ่งในเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้แต่นางก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและถูกคุกคามโดยฝ่ายธรรมะมาตลอด นางมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งต่อผู้คนเหล่านี้

“น่าเสียดายที่น้องสาวกระต่ายขาวเสียชีวิต เห้อ…” เทพธิดาเมี่ยวหยินกล่าวด้วยความโศกเศร้า

หลังจากเข้าร่วมกับนิกายเงา นางสนิทกับเทพธิดากระต่ายขาวมากเพราะนางชอบความตรงไปตรงมาของฝ่ายหลัง

เทพธิดากระต่ายขาวได้รับมรดกเสือดําและจะกลายเป็นนางเสือดําที่มีการบ่มเพาะระดับเจ็ดในสถานการณ์คับขัน น่าเสียดายที่นางเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายอมตะพัดฤดูร้อนของเซี่ยชา นางไม่มีเวลาตอบสนองและเสียชีวิตทันที

ฟางหยวนไม่สามารถช่วยนาง หลังจากทั้งหมดวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้าก็เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกและไม่สามารถกู้คืนชีวิต

กระทั่งร่างหลักของฟางหยวนก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในขณะนี้

มีเพียงไป่หนิงปิงที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

ในช่วงเวลาสําคัญนางกลายร่างเป็นไปเซียง แม้ร่างกายของนางจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแต่ร่างไปเซียงสามารถฟื้นฟูตัวเองจากเศษชิ้นส่วนที่เหลืออยู่

นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะที่เคยสั่นคลอนภาคใต้มาแล้ว

อย่างไรก็ตามการแสดงออกในปัจจุบันของไป่หนิงปิงก็ไม่น่าดูนัก

นางมองเชลยและคิดกับตนเอง กระทั่งข้าจะใช้ร่างไปเซียง ข้าก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากอาณาจักรแห่งความฝัน แปลก เหตุใดฟางหยวนไม่ใช้วิธีนี้จัดการข้า เขามีวิธีจัดการข้อตกลงพันธมิตรแล้วงั้นหรือ? หากข้าเป็นเขา…”

ไป่หนิงปิงรู้สึกถึงแรงกดดัน

ท้ายที่สุดนางก็ไม่ใช่สมาชิกนิกายเงา นอกจากนั้นตอนนี้นางยังอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน นี่เหมือนกับอยู่ในฐานทัพใหญ่ของผู้อื่น

โดยเฉพาะพลังการต่อสู้และวิธีการต่างๆที่ทรงพลังของฟางหยวน มันยิ่งกดดันไป่หนิงปิงมากขึ้นไปอีก

“เอาล่ะ อิงอู๋เซี่ย เจ้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะให้เจ้ายืมวิญญาณ ช่วงนี้เจ้าจะเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นรีบใช้กายาแห่งความฝันและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะนําวิญญาณสู่ความฝันเพื่อทําให้คนเหล่านี้นอนหลับต่อไป”

“จิตวิญญาณค่ายกลปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้ดี หากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับค่ายกลวิญญาณอมตะ แจ้งข้าทันที”

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนออกคําสั่ง

“รับทราบ ท่านผู้นํา”

“เข้าใจแล้ว นายท่าน”

ด้วยการดูแลของอิงอู๋เซี่ยและจิตวิญญาณค่ายกล มันเพียงพอแล้วที่จะทําให้ฟางหยวนรู้สึกผ่อนคลายลง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท