เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1612 สระแก่นแท้ปี

บทที่ 1612 สระแก่นแท้ปี

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1612 สระแก่นแท้ปี

แสงอรุณที่สว่างไสวหมุนวนอยู่ในฝ่ามือของฟางหยวน

ฟางหยวน อิงอู่เชี่ย และคนอื่นๆเตรียมพร้อมแล้ว

“เริ่มได้” ฟางหยวนกล่าว ทันใดนั้นกลิ่นอายของวิญญาณจํานวนมากก็พลุ่งพล่านขึ้นขณะที่แสงเกลียวอรุณทรัพยากรอมตะระดับแปดระเบิดออกไปเป็นระยะทางหนึ่งร้อยลี้

หลังจากนั้นอิงอู่เชี่ยและคนอื่นๆก็หยุดการกระจายตัวของแสงเกลียวอรุณ

ฟางหยวนรู้สึกถึงกระแสลมจากเกลียวคลื่นที่อยู่ตรงกลาง

เมื่อเห็นสมาชิกนิกายเงาประสบความสําเร็จในการสร้างเสถียรภาพให้แก่แสงเกลียวอรุณฟางหยวนก็นําแสงเกลียวอรุณชิ้นที่สองออกมาและทําซ้ํากระบวนการเดิมอีกครั้ง

แสงเกลียวอรุณกระจายออกไปในรัศมีหนึ่งร้อย

หลังจากนั้นเขาก็นําวารีสมบัติเจ็ดประการออกมา

มันเป็นก้อนวารีสีฟ้าอ่อนที่มีอัญมณีล้ําค่าหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นทอง เงิน ไข่มุก หรือหยกอยู่ภายใน

เป็นเพียงเวลานี้ที่อัญมณีเหล่านั้นถูกดึงออกมาจากก้อนน้ําและกระจายออกไปรอบๆ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนเป็นผู้สนับสนุนขั้นตอนต่อไปขณะที่ร่างหลักของเขารับหน้าที่หลัก เนื่องจากร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกเขาไม่สามารถแบกรับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เกินไป

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดและสามารถสั่งผัสถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้น

พลังงานอมตะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วในกระบวนการนี้

แสงสีขาวส่องลงมาที่วารีสมบัติเจ็ดประการและทําให้มันเริ่มเดือดพล่าน

อัญมณีที่กระจายออกไปถูกหลอมละลายอย่างรวดเร็ว

หลังจากชั่วครู่วารีสมบัติเจ็ดประการก็กลายเป็นของแข็งและปลดปล่อยมวลอากาศเย็นออกมาปกคลุมพื้นที่รัศมีหนึ่งร้อยลี้เอาไว้ทั้งหมด

เมื่ออิงอู่เซียและคนอื่นๆเห็นสิ่งนี้ พวกเขารีบโยนหยกแปดทิศเข้าไปในหมอกหนาทึบ

ทุกอย่างดําเนินไปอย่างราบรื่น

หลายวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เสียงดังขึ้นในสระน้ําขนาดใหญ่ที่มีรัศมีหนึ่งร้อย

“นี่คือสระแก่นแท้ประดับแปดของข้า!”

เนื่องจากการเตรียมตัวที่เพียงพอและความได้เปรียบจากโชคของฟางหยวน เขาจึงประสบความสําเร็จในการสร้างสระแก่นแท้ปีในการทดลองครั้งแรก

หลังจากตรวจสอบหลายครั้งและไม่พบปัญหา ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเชื่อมต่อสระแก่นแท้ปีเข้ากับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

ตราบเท่าที่มิติช่องว่างของผู้อมตะมีการเคลื่อนไหวของเวลา พวกมันล้วนต้องมีสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาอยู่ภายใน

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลามักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ผู้อมตะต้องใช้วิธีที่เฉพาะเจาะจงบนเส้นทางแห่งกาลเพื่อจัดการกับมัน

“ซ่า..ซ่า..”

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาเชื่อมต่อกับสระแก่นแท้ปีอย่างรวดเร็วและทําให้ระดับผิวน้ําสูงขึ้นอย่างช้าๆ

หลังจากชั่วครู่สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาก็กลับคืนสู่สภาพเดิม

เพื่อสร้างสระแก่นแท้ปี ฟางหยวนและสมาชิกนิกายเงาต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันโดยไม่ได้หยุดพักและใช้พลังงานอมตะจํานวนมาก

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของฟางหยวนเฝ้าสังเกตสระแก่นแท้ปีขณะที่คนอื่นๆกลับไปพักผ่อน

เนื่องจากสระแก่นแท้ปีเชื่อมต่อกับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นการคงอยู่ของมันจึงถูกซ่อนไว้เช่นเดียวกับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

นอกจากมันจะเป็นแหล่งทรัพยากร มันยังเป็นเพื่อนอีกด้วย

ตัวอย่างเช่นการระบายน้ําในสระแก่นแท้ปีหรือการสะสมน้ําของมันอาจส่งผลกระทบต่อเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเพิ่มและลดความเร็วของเวลาภายในมิติช่องว่างแต่ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ต้องพึ่งพาพลังงานอมตะในการกระตุ้นใช้งานทุกครั้งนอกจากนี้พว กมันยังไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้อย่างไม่รู้สิ้นสุด

สระแก่นแท้ปีส่วนใหญ่บนโลกใบนี้เป็นสระแก่นแท้ปีระดับหกหรือระดับเจ็ด มันยากที่จะพบเห็นสระแก่นแท้ปีระดับแปด

ค่าใช้จ่ายของการสร้างสระแก่นแท้ประดับแปดสูงมาก มันต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลและต้องใช้วิธีพิเศษบนเส้นทางแห่งกาลเวลาอีกด้วย

อสูรปีเริ่มส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อตระหนักถึงการคงอยู่ของสระแก่นแท้ปี

ระดับน้ําในสระแก่นแท้ปียังค่อนข้างต่ํา มีเพียงอสูรปีเดียวดายเท่านั้นที่สามารถดําลงไปใต้น้ํา

พวกมันเกิด เติบโต และตายอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับพวกมันมากที่สุดก็คือสายธารแห่งกาลเวลา ขณะที่สระแก่นแท้ปีเป็นการเลียนแบบสภาพแวดล้อมของสายธารแห่งกาลเวลา มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อสูรูปีเหล่านี้จะมีความสุข

เมื่อเวลาผ่านไปสระแก่นแท้ปีก็ค่อยขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ไม่ว่าจะเป็นแสงเกลียวอรุณ วารีสมบัติเจ็ดประการ หรือหยกแปดทิศ พวกมันล้วนมีความยืดหยุนและสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่ง

เมื่อสระแก่นแท้ปีขยายออกไปอย่างเต็มที่ มันจะมีรัศมีนับหมื่น

สิ่งที่น่ายิ่งกว่าก็คือมันถูกซ่อนไว้เหมือนภาพลวงตาและไม่ได้ใช้พื้นที่ทับซ้อนกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงสามารถสร้างห่วงโซ่อาหารให้แก่อสรปีโดยไม่เกี่ยวข้องกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

แต่สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนพึงพอใจมากที่สุดคือสระแก่นแท้ปีสามารถกักขังอสูรปีและทําให้พวกมันไม่เคลื่อนที่ไปรอบๆ

การคงอยู่ของสระแก่นแท้ปีจะทําให้ฟางหยวนเลี้ยงอสูรปีได้มากขึ้น

ตายในสนามรบ

ฟางหยวนสามารถควบคุมอสูรปีแรกกําเนิดเพียงเจ็ดตัวเท่านั้น หากอสูรปีแรกกําเนิดเหล่านี้

ฟางหยวนจะไม่สามารถเติมเต็มพวกมัน

แต่หากฟางหยวนพบอสูรปีแรกกําเนิดตัวใหม่ เขาจะสามารถใช้สระแก่นแท้ปีเพื่อสะกดข่มมัน

สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในแผนการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาของเขา

หลังจากพักฟื้นมาแล้วระยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บของฟางหยวนก็หายเป็นปกติในที่สุด

“ถึงเวลาแยกดวงวิญญาณออกจากร่างของเชลยอมตะแล้ว จากนั้นก็ค้นวิญญาณทีละคน”

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ยังไม่หยุดรีดไถกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

อย่างไรก็ตามเขาพบการต่อต้านที่รุนแรงในครั้งนี้

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้รวมตัวกันเพื่อต่อต้านฟางหยวน

ต้นทุนของการสร้างสระแก่นแท้ปีสูงเกินไป การรีดไถครั้งก่อนของฟางหยวนทําให้กองกําลังเหล่านี้เลือดไหลออกมาบ้างแล้ว ฟางหยวนขอให้พวกเขาแสดงความจริงใจขณะที่ตัวเขาเองไม่ได้แสดงความจริงใจใดๆออกมา ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ครุ่นคิดและตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อกดดันฟางหยวน

หลายวันต่อมา

“หากเจ้าไม่แสดงความจริงใจ ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะไม่ส่งมอบทรัพยากรเพิ่มเติมให้เจ้า!”ผู้อมตะตระกูลเฉิงเป็นตัวแทนกองกําลังของภาคใต้ทั้งหมดในการเจรจากับฟางหยวน

เขากล่าวต่อ “กองกําลังของภาคใต้แสดงความจริงใจของเราแล้ว ตอนนี้ถึงคราวของเจ้าที่ต้องแสดงความจริงใจให้พวกเราเห็น จากนั้นพวกเราจะสามารถพูดคุยต่อ มิฉะนั้นแม้เจ้าจะสังหารผู้อมตะเหล่านั้น เราก็จะไม่ประนีประนอม!”

ฟางหยวนเย้ยหยัน “พวกเจ้าต้องการความจริงใจใดจากข้า ปล่อยตัวประกันบางส่วนง หรือ?”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงเร่งตอบกลับ “เราจะไม่เรียกร้องมากเกินไปด้วยการขอให้ปล่อยตัวประกันทันทีเราสามารถดําเนินการไปทีละขั้นเช่นวิญญาณอมตะ เจ้าไม่จําเป็นต้องใช้วิญญาณอมตะจํา นวนมาก เจ้าควรส่งวิญญาณอมตะให้เราก่อน ด้วยสิ่งนี้เราจะมอบทรัพยากรที่เจ้าต้องการ”

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่ใช่คนโง่ หากพวกเขาขอให้ฟางหยวนปล่อยตัวประกันบางส่วน ตระกูลที่ได้รับผู้อมตะของพวกเขากลับไปจะไม่มีความพยายามในการเจรจากับฟางหยวนอีกดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มด้วยการขอวิญญาณอมตะคืนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เป็นทรัพยากรในมิติช่องว่างของผู้อมตะร่างกายของผู้อมตะ และดวงวิญญาณของผู้อมตะเป็นลําดับสุดท้าย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท