เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1606 ฤดูทั้งสี่

บทที่ 1606 ฤดูทั้งสี่

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1606 ฤดูทั้งสี่

หลายวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอยู่ที่ค่ายกลวิญญาณอมตะในสวรรค์สีเขียวน้อย

“ระวัง ข้าจะเริ่มแล้ว” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ทราบแล้ว” จิตวิญญาณค่ายกลพยักหน้า

ผู้อมตะอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาคืออิงอู่เซี่ยที่แสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

กายาแห่งความฝันเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและคว้าเท้าของเชียชาออกมา

กระบวนการทั้งหมดดําเนินไปอย่างระมัดระวัง

เซี่ยชายังหลับสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

ร่างกายครึ่งบนของเซี่ยชายังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันขณะที่ร่างกายครึ่งล่างถูกดึงออกมา

มิติช่องว่างของนางอยู่บริเวณท้องน้อง นี่เป็นเรื่องปกติ

ต่อมามันเป็นหน้าที่ของฟางหยวน เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะมือปีศาจปล้นวิญญาณที่เตรียมไว้

มือปีศาจปล้นวิญญาณบินเข้าไปหาเซียชา แต่ในจังหวะนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนร่างของนางกลับส่องประกายขึ้น

นี้เป็นวิธีป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่จะทํางานด้วยตัวมันเอง

วิธีนี้ไม่มีประโยชน์ต่ออาณาจักรแห่งความฝันแต่มือปีศาจปล้นวิญญาณก็ไม่สามารถทําสิ่งใดในอาณาจักรแห่งความฝันเช่นกัน

มีเพียงการนําเซียชาออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันเท่านั้น ฟางหยวนจึงจะสามารถขโมยวิญญาณอมตะของนาง

ฟางหยวนไม่แปลกใจที่เห็นมือปีศาจปล้นวิญญาณถูกขัดขวาง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพยายามขโมยวิญญาณอมตะของเซี่ยชา

การป้องกันของเซียชาไม่ธรรมดา แต่ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนสามารถอนุมานวิธีจัดการมันได้ในที่สุด

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอีกท่า

ท่าไม้ตายนี้ทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนร่างของเชียชาเลือนหายไปขณะที่มือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถเข้าสู่มิติช่องว่างของนาง

โชคดีที่การป้องกันของเซียชาไม่โดดเด่นเท่ากับผู้อมตะจากวังสวรรค์ มันควรจะเป็นการเตรียมการอย่างกะทันหันเพื่อต่อต้านมือปีศาจปล้นวิญญาณของข้า ด้วยเหตุนี้ข้าจึงสามารถทําลายมันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

การป้องกันของนางเป็นเพียงท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด มันไม่ใช่ปัญหาสําหรับฟางหยวน

“ในการซุ่มโจมตีกลุ่มผู้อมตะภาคใต้โดยใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เป็นแกนกลางไม่ได้รับความเสียหาย แต่วิญญาณระดับมนุษย์รวมถึงวิญญาณอมตะระดับหกบางดวงถูกทําลาย สิ่งนี้สร้างความเสียหายให้กับแผนการเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลาของข้า มาดูกันว่าข้าจะได้รับสิ่งใดบ้างจากเซี่ยชา”

ฟางหยวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ไม่นานหลังจากนั้นการแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป มือปีศาจปล้นวิญญาณกลับออกมาจากมิติช่องว่างของเซี่ยชาพร้อมกับบางสิ่งที่อยู่ในมือของมัน

ฟางหยวนไม่แปลกใจแต่มีความสุขที่ได้เห็นสิ่งนี้

อิงอู่เชี่ยอุทานด้วยความยินดี “ยอดเยี่ยม! สามารถขโมยวิญญาณอมตะระดับแปดได้ตั้งแต่ครั้งแรก!”

อย่างไรก็ตามจิตวิตวิญญาณค่ายกลกลับกล่าวด้วยความกังวล “นายท่าน มีบางสิ่งกระตุ้นดวงวิญญาณของเซี่ยชา”

การแสดงออกของร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลากลายเป็นเคร่งเครียด เขาควบคุมกายาแห่งความฝันและนําร่างของเซี่ยชากลับเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

กายาแห่งความฝันเฝ้าสังเกตเซี่ยชาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะกลับออกมาหลังจากเห็นนางยังนอนหลับสนิท

หากร่างกายครึ่งหนึ่งของผู้อมตะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะค่อยๆตื่นขึ้น

เซี่ยชาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เวลาจะสั้นลงมากสําหรับนาง

หลังจากแก้ไขสถานการณ์ของเซี่ยชาเรียบร้อยแล้ว ฟางหยวนและคนอื่นๆก็ตรวจสอบวิญญาณอมตะที่อยู่ในมือปีศาจปล้นวิญญาณ

วิญญาณอมตะดวงนี้กําลังดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือปีศาจปล้นวิญญาณได้รับการสนับสนุนจาก ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกภูตผี ก่อนหน้านี้มันยังสามารถขโมยวิญญาณอมตะป้ายคําสั่งอสูรวิญญาณระดับแปด ดังนั้นการขโมยวิญญาณอมตะระดับแปดจึงไม่ใช่ปัญหาสําหรับมัน

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็สามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะดวงนี้

กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมาไม่ธรรมดา ชัดเจนว่ามันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด!

แต่มันเป็นวิญญาณอมตะชนิดใด ฟางหยวนยังไม่แน่ใจ

เขาทําได้เพียงคาดเดา นี่อาจเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาระดับแปด ฤดูใบไม้ผลิ”

หากใช้งานวิญญาณอมตะดวงนี้เพียงลําพัง มันจะนําฤดูใบไม้ผลิมายังสถานที่นั้นๆ

ผู้ใช้วิญญาณจะเลี้ยงดู ใช้งาน และหลอมรวมวิญญาณทุกแง่มุมเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง เมื่อผู้อมตะ ได้รับวิญญาณอมตะที่ไม่รู้จัก พวกเขาต้องตรวจสอบและทดสอบมันอย่างต่อเนื่องเพื่อสรุปความสามารถของมัน แง่มุมนี้มักมีอันตรายที่ไม่สามารถคาดเดา

แต่ฟางหยวนไม่รีบร้อนตรวจสอบวิญญาณอมตะดวงนี้ เขามีวิธีที่น่าเชื่อถือมากกว่าในการค้นหาคําตอบที่ถูกต้อง

คําตอบนี้อยู่ในร่างของเซี่ยชา

ตราบเท่าที่เขาค้นวิญญาณของนาง ฟางหยวนจะเข้าใจทุกสิ่ง เขายังจะได้รับท่าไม้ตายอมตะของนางเช่นกรรกรรฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย

ฟางหยวนไม่รีบร้อนค้นวิญญาณของนางเช่นกัน จิตวิญญาณของเซี่ยชาได้รับการปกป้องโดยร่างกายของนาง มันไม่ง่ายที่จะค้นวิญญาณของผู้อมตะระดับแปด แต่ฟางหยวนวางแผนที่จะแยกดวงวิญญาณของนางออกจากร่างก่อนจะค้นวิญญาณของนาง

การแยกวิญญาณของเซี่ยชาเป็นเรื่องที่ยากลําบากเช่นกัน ฟางหยวนต้องเตรียมตัวเล็กน้อย

ก่อนหน้านั้นฟางหยวนต้องขโมยวิญญาณอมตะทั้งหมดจากมิติช่องว่างของเซี่ยชาเป็นอันดับแรก

ฟางหยวนจัดการเซี่ยชาด้วยวิธีการเดิมต่อไป

ครั้งที่สองมือปีศาจปล้นวิญญาณสามารถขโมยวิญญาณระดับห้าเท่านั้น ผลลัพธ์นี้แตกต่างจากครั้งแรกเป็นอย่างมาก

“ดูเหมือนผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายจะหมดลงแล้ว ความแตกต่างระหว่างโชคของข้ากับเซี่ยชาลดลงอย่างมาก” ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลที่ซ่อนอยู่อย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะระดับแปดล้วนมีโชคที่ไม่ธรรมดาและอาจมีวิธีเพิ่มโชคของตนเอง

ฟางหยวนพึ่งพามรดกที่ไม่สมบูรณ์บนเส้นทางแห่งโชคเพื่อครอบครองโชคที่สูงกว่าผู้อมตะระดับแปดทั่วไป แต่สิ่งนี้ยังไม่สามารถคุกคามฟงจิวเก้อรวมถึงฟงจินฮวง

เมื่อฟางหยวนเข้าใจเหตุผล เขาจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะปีแห่งโชคร้ายกับเซี่ยชาอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือปีศาจปล้นวิญญาณขโมยวิญญาณอมตะของนาง

สิบวันผ่านไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฟางหยวนได้รับวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมากรวมถึงวิญญาณอมตะสี่ดวงของเซี่ยชา

วิญญาณอมตะทั้งสี่เป็นชุดวิญญาณที่สมบูรณ์ พวกมันประกอบด้วยวิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิ วิญญาณอมตะฤดูร้อน วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ร่วง และวิญญาณอมตะฤดูหนาว

วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ผลิและวิญญาณอมตะฤดูร้อนเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดขณะที่วิญญาณอมตะฤดูใบไม้ร่วงและวิญญาณอมตะฤดูหนาวเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด

หลังจากประสบความสําเร็จในการขโมยวิญญาณอมตะทั้งสี่ มือปีศาจปล้นวิญญาณก็ขโมยได้เพียงวิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงคาดเดาว่าเซี่ยชามีวิญญาณอมตะเพียงสี่ดวงเท่านั้น

สิ่งนี้คล้ายกับสถานการณ์ของไห่ฟาน ไห่ฟานมีวิญญาณอมตะเพียงสามดวง ฟางหยวน ได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดเพียงดวงเดียวจากไห่ฟาน นั่นคือวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ํา อีกสองดวงเป็นวิญญาณบีอมตะระดับเจ็ดและวิญญาณอมตะราชินีมดระดับเจ็ด

แม้เซี่ยชาจะมีวิญญาณอมตะระดับแปดสองดวง แต่วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ําของไห่ฟานก็มีประโยชน์มาก มันสามารถสร้างวิญญาณปีได้อย่างไม่รู้จบสิ้น

ตอนนี้ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพิ่มขึ้นอีกสี่ดวง นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในเวลานี้

แต่เขายังต้องค้นวิญญาณของเซี่ยชาเพื่อเรียนรู้วิธีใช้งานพวกมัน

หลังจากยึดครองวิญญาณอมตะของเซี่ยชา แรงกดดันของเขาก็ลดลงอย่างมาก โดยปราศจากวิญญาณอมตะ แม้เซี่ยชาจะตื่นขึ้น นางก็เหมือนเสือที่ไร้กรงเล็บ พลังการต่อสู้ของนางจะตกต่ําลงอย่างมาก

ภารกิจหลักของฟางหยวนในช่วงเวลานี้คือการขโมยวิญญาณอมตะจากเชลยทั้งหมด

ภารกิจต่อไปคือการแยกดวงวิญญาณออกจากร่าง นอกจากนี้ยังต้องกําจัดเจตจํานง เนื่องจากเจตจํานงที่ถูกทิ้งไว้ในร่างกายสามารถเข้าแทนที่ดวงวิญญาณได้เป็นการชั่วคราว

ภารกิจสุดท้ายคือการนํามิติช่องว่างของพวกเขาออกมา

อย่างไรก็ตามฟางหยวนต้องชะลอภารกิจขโมยวิญญาณอมตะออกไป

พลังงานอมตะของเขากําลังจะหมด!

มันแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของการหมดลงก่อนหน้านี้แล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาต้องจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะ ต่อสู้ในศึกใหญ่ สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะอีกชุดในมิติช่องว่างจักรพรรดิ นอกจากนั้นเขายังต้องใช้กายาแห่งความฝัน มือปีศาจปล้นวิญญาณ และท่าไม้ตายอมตะอื่นๆซ้ําแล้วซ้ําอีก

นั่นทําให้พลังงานอมตะในคลังของเขาลดลงถึงระดับที่ไม่ปลอดภัย

ธุรกิจวิญญาณปียังน่าผิดหวังในสวรรค์สีเหลือง กระทั่งธุรกิจปลามังกรก็ยังไม่สามารถสนับสนุนค่าใช้จ่ายของเขา สําหรับภูเขาตงฮัน มันยังไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของฟางหยวน

เขาเย้ยหยัน “ฮ่าฮ่า ถึงเวลาที่กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต้องหลั่งเลือดแล้ว”

หลังจากนี้มันจะเป็นละครที่น่าสนใจอย่างแน่นอน

ไม่เพียงฟางหยวนจะรีดไถหินวิญญาณอมตะจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้แต่เขาจะรีดไถทรัพยากรอมตะจํานวนมหาศาลเพื่อเลี้ยงดูวิญญาณอมตะดวงใหม่ที่พึ่งได้รับทั้งหมด

หากปราศจากทรัพยากรในการบ่มเพาะ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร?

เข่นฆ่า กรรโชก ฉกชิง ปล้นสะดม และเผาทําลายเพื่อผลประโยชน์ นี่คือเส้นทางสายปีศาจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท