เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1613 คุกคาม

บทที่ 1613 คุกคาม

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1613 คุกคาม

“พวกเจ้าต้องการวิญญาณอมตะกลับคืนงั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้” ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

พวกมันมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ ฟางหยวนครอบครองพวกมันหมายความว่าผู้อื่นจะไม่สามารถมีได้ ดังนั้นคุณค่าของวิญญาณอมตะจึงไม่สามารถประเมินค่า

แม้ฟางหยวนจะเคยขายวิญญาณอมตะเพื่อซื้อฝูงอินทรีย์มาก่อน แต่ในเวลานั้นเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและไม่มีทางเลือก

ฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะและเคล็ดลับการหลอมรวมมากมาย เขาสามารถใช้วิญญาณเกือบทั้งหมด

ปัญหามีเพียงเรื่องอาหาร

ฟางหยวนสามารถแก้ไขเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะที่เขามี สําหรับวิญญาณอมตะที่เขาพึ่งได้รับมีแหล่งอาหารของพวกมันอยู่ในมิติช่องว่างของผู้อมตะที่เป็นเจ้าของเดิมของพวกมัน

ผู้อมตะเหล่านี้เป็นไพ่ตายของแต่ละตระกูล พวกเขามีรากฐานที่ไม่ธรรมดา ตัวตนเช่นนี้จะไม่สามารถเลี้ยงดูวิญญาณอมตะของตนเองได้อย่างไร? ในทางตรงข้ามมันเป็นเพราะพวกเขาสามารถจัดหารเรื่องอาหารของวิญญาณอมตะได้ด้วยตนเอง ดังนั้นพลังการต่อสู้ของพวกเขาจึงมีเสถียรภาพและได้รับชื่อเสียงด้วยวิธีนี้

ปัจจุบันฟางหยวนอาจไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะได้มากนักแต่อนาคตจะเป็นอย่างไร?

อนาคตยังไม่แน่ชัด!

บนภูเขาอี้เทียนฟางหยวนสามารถพลิกสถานการณ์ไม่ใช่เพียงเพราะคําแนะนําจากเจตจํานงสวรรค์แต่กุญแจสําคัญคือเขาครอบครองวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณ

หากปราศจากวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาคงตายไปแล้วขณะที่นิกายเงาจะประสบความสําเร็จในการท้าทายสวรรค์

ความแตกต่างของการมีและไม่มีวิญญาณอมตะเหมือนสวรรค์กับพิภพ

ผู้ใดจะรู้ว่าในอนาคตวิญญาณอมตะบางดวงอาจสามารถช่วยฟางหยวนพลิกสถานการณ์เช่นเดียวกับวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณ

หากฟางหยวนขายวิญญาณอมตะบางดวงออกไป คนผู้หนึ่งอาจสามารถพลิกสถานการณ์เช่นฟางหยวนบนภูเขาอี้เทียน

ดังนั้นฟางหยวนจึงปฏิเสธข้อเสนอนี้โดยไม่ลังเล ผู้อมตะตระกูลเฉิงโกรธมาก “เช่นนั้นมาแลกเปลี่ยนวิญญาณ?”

ข้อเสนอนี้น่าสนใจ

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต้องการกู้คืนความสูญเสียอย่างรวดเร็วที่สุด ทุกคนตระหนักถึงความชั่วร้ายของฟางหยวน เขาสามารถฆ่าตัวประกันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเตรียมพร้อมสําหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

วิญญาณอมตะของตัวประกันมีความสําคัญต่อกองกําลังของพวกเขา เหตุผลเป็นเพราะพวกเขารู้วิธีใช้งานพวกมัน

ด้วยเหตุนี้กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงไม่เต็มใจละทิ้งวิญญาณอมตะบางดวง

วิญญาณอมตะเหล่านี้มีค่ามากเกินไปสําหรับพวกเขา มันคุ้มค่ากว่าที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนด้วยวิญญาณอมตะที่ไม่จําเป็น

ฟางหยวนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู ข้อตกลงนี้จะทําให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์ หลังจากทั้งหมดวิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของเชลยมีค่าไม่มากนักสําหรับฟางหยวน

“พวกเจ้าต้องการวิญญาณอมตะจากข้า แต่พวกเจ้าจะนําวิญญาณอมตะชนิดใดออกมาแลกเปลี่ยน?” ฟางหยวนถาม

ผู้อมตะตระกูลเฉิงเตรียมคําตอบไว้แล้ว เขาส่งรายชื่อวิญญาณอมตะให้ฟางหยวนผ่านสวรรค์สีเหลือง

ฟางหยวนกล่าว “ข้าต้องการเวลาตรวจสอบสักพัก ตอนนี้ข้าจะส่งรายการเหล่านี้ให้เจ้า”

“ฟางหยวน ขาบอกไปแล้ว เว้นเพียงเจ้าจะแสดงความจริงใจของเจ้า มิฉะนั้นฝ่า

ธรรมะของเราจะไม่ให้เจ้ารีดไถอีกต่อไป!” น้ําเสียงของผู้อมตะตระกูลเฉิงเปลี่ยนไปทันที

ฟางหยวนยิ้ม “พวกเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่เงื่อนไขของข้าคือพวกเจ้าต้องส่งทรัพากรอมตะที่อยู่ในรายการของข้าให้ข้าเป็นอันดับแรก จากนั้นพวกเจ้าจึงจะมีคุณสมบัติที่จะแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะกับข้า”

“ฟางหยวน อย่าให้มันมากเกินไป หากเจ้าทําเช่นนี้ เราจะไม่สามารถพูดคุยกันต่อ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะ “ผู้อมตะตระกูลเฉิงที่ข้าจับได้คือเฉิงหูจาง เจ้าคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นหากข้าขายเขาให้เฉิงเซียน?”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงเงียบเสียงลงทันที

ฝูเฉิงเซียนเป็นปีศาจอมตะระดับเจ็ดของภาคใต้ที่มีความเกลียดชังฝังลึกกับเฉิงหูจาง หลายครั้งที่เขาประกาศว่าเขาจะถลกผิวหนัง ฉีกเส้นเอ็น และบดกระดูกของฝ่ายหลัง

“ข้าเชื่อว่าผู้เฉิงเซียนจะซื้อเฉิงหูจางอย่างแน่นอน” ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ผ่อนคลาย

“ฟางหยวน เจ้ากล้างั้นหรือ!?” ผู้อมตะตระกูลเฉิงโกรธมาก

“ฮ่าฮ่าฮ่า เหตุใดจะไม่กล้า?” ฟางหยวนโต้กลับ “ข้ากล้ารุกรานวังสวรรค์ แล้วเหตุใดข้าต้องกลัวเพียงตระกูลเฉิง?”

“เจ้า!” ผู้อมตะตระกูลเฉิงไม่สามารถระงับความโกรธของตนเมื่อได้ยินคําตอบของฟางหยวน

ฟางหยวนกล่าวต่อ “อย่าประเมินตนเองสูงเกินไป เจ้าเป็นตัวแทนที่ได้รับคัดเลือกให้มาเจรจากับข้า แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทั้งหมดข้าขอยกตัวอย่างลั่วเฟยของตระกูลถั่ว บางทีข้าอาจฉีกเสื้อผ้าของนางออกทั้งหมดและโยนนางลงไปในบ่ออุจจาระหรือบางทีข้าอาจโยนนางเข้าไปในฝูงลิงยักษ์ตัวผู้ที่เต็มไปด้วยความเร้าร้อนและใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบันทึกฉากเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้ก่อนนํามันไปขายในสวรรค์สีเหลือง เจ้าคิดอย่างไร?”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงกัดฟันแน่นด้วยความรังเกียจ “ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจที่มีชื่อเสี ยง เจ้าครอบครองแม่น้ําหวนคืนมรดกของเทพปีศาจบัวแดง เทพปีศาจจิตวิญญาณ และอีกมากมาย ชื่อเขาเจ้าโด่งดังไปทั่วโลก เหตุใดเจ้าถึงไร้ยางอายและน่ารังเกียจนัก?”

“ไม่ ไม่ ไม่ เจ้าคิดผิด” ฟางหยวนสายศีรษะ “ข้าไม่ได้น่ารังเกียจแต่ทัศนคติของเจ้าไม่ถูกต้อง เจ้าพยายามยั่วยุข้า กระทั่งพยายามสร้างความบาดหมางระหว่างข้ากับกองกําลังอื่น ด้วยถ้อยคําของเจ้า มันจึงทําให้ตระกูลถั่วสาปแช่งและต่อต้านข้า เมื่อข้าหลงคารมของเจ้า ข้าจึงต้องแก้แค้นตระกูลถั่ว”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงไม่สามารถโต้แย้ง

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง “ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าตนเองสามารถเป็นตัวแทนของกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้อีกหรือไม่?”

หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะตระกูลเฉิงจึงเปิดปากกล่าวด้วยความเหนื่อยล้า “เอาล่ะ เจ้าชนะ ฟางหยวน ข้าจะนํารายการของเจ้ากลับไป แต่ข้าไม่สามารถรับรองคําตอบของพวกเขา”

ฟางหยวนหัวเราะ “ข้าไม่ต้องการคํารับรองจากเจ้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะให้คํารับรองแก่ ข้าแม้เจ้าจะทําได้ ข้าก็ไม่เชื่อเจ้า หลังจากกลับไปเจ้าสามารถบิดเบือนคํากล่าวของข้าและเติม เชื้อเพลิงลงไป โอ้ ถูกต้อง ข้าต้องการคําตอบที่น่าพอใจภายในสามวันมิฉะนั้นข้าจะขายเฉิงหู จางให้กับผู้เฉิงเชี่ยนเป็นอันดับแรก”

ผู้อมตะตระกูลเฉิงตื่นตระหนก “ฟางหยวน เจ้าทําเช่นนั้นไม่ได้!”

“ข้าขอปฏิเสธ!”

“ฟางหยวน? ฟางหยวน! บัดซบ!” ผู้อมตะตระกูลเฉิงไม่สามารถติดต่อฟางหยวนได้ อีกเส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเขาด้วยความโกรธ

ก่อนถึงขีดจํากัดสามวัน ฝายธรรมะของภาคใต้ก็ส่งมอบทรัพยากรทั้งหมดที่ฟางหยวนต้องการให้เขา

ด้วยตัวประกันที่อยู่ในมือ ฟางหยวนมีความได้เปรียบมากเกินไป

เขาเพียงต้องใช้อุบายที่น่ารังเกียจบางอย่างเพื่อทําลายชื่อเสียงนับหมื่นปีของฝ่ายธรรมะของภาคใต้และทําให้พวกเขากลายเป็นตัวตลกเท่านั้น

หลายปีที่ผ่านมามีบางกรณีที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตกอยู่ในมือของปิศาจอมตะ แต่ปีศาจอมตะบางส่วนไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนฟางหยวนขณะที่บางส่วนไม่มีมีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาหายาก กระทั่งกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ยังมีผู้อมตะบนเส้นทางสายนี้อยู่ไม่มากและต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งปัญญาบางคนเสมอ

สําหรับฟางหยวน ด้วยธรรมชาติที่โหดร้ายและความฉลาดแกมโกงของเขา ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับเงื่อนไขของเขาเท่านั้น

สิ่งสําคัญก็คือการรีดไถของฟางหยวนยังไม่ถึงขีดจํากัดที่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะไม่สามารถยอมรับ

หากมันถึงขีดจํากัด ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ย่อมไม่ตอบรับ

“ฟางหยวน เราพูดคุยกันได้แล้วใช่หรือไม่?” ผู้อมตะตระกูลเฉิงคนเดิมพบกับฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนยิ้ม “เจ้าช่างน่าสงสารนัก เจ้าไม่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนและได้รับงานที่ยากลําบากนี้อีกครั้ง”

ใบหน้าของผู้อมตะตระกูลเฉิงกลายเป็นมีดครื้ม ภารกิจนี้ทําลายชื่อเสียงของเขา แต่เขาจะทําสิ่งใดได้? เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดําเนินการ ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิงเลีอกเขาให้ทํางานนี้ด้วยตนเอง

“เอาล่ะ พวกเราทําตามเงื่อนไขแล้ว ตอนนี้” ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ ฟางหยวนก็ขัดจังหวะ

“ถึงคราวข้าแสดงความจริงใจแล้ว”

“มันคือสิ่งใด?”

ฟางหยวนยิ้ม “นี่คือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลระดับมนุษย์สําหรับตระกูลอี้ ข้าใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดสร้างมันขึ้นมา ดังนั้นมีเพียงผู้อมตะตระกูลอี้เท่านั้นที่สามารถปรับแต่งมัน แม้คนอื่นจะทดลองปรับแต่ง พวกเขาก็จะล้มเหลว แม้พวกเขาจะใช้วิธีพิเศษบางอย่าง สุดท้ายพวกเขาก็จะไม่ได้รับสิ่งใด”

“ไม่ต้องถามอีก นํากลับไปและเจ้าจะรู้”

“ฟางหยวน? ฟางหยวน! บัดซบ! เขาหายไปอีกครั้ง!” ผู้อมตะตระกูลเฉิงทําได้เพียงรับมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลจากฟางหยวนเท่านั้น

ตระกูลอี้เกรงว่านี่จะเป็นกับดักของฟางหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมกองกําลังอื่นมาพร้อมหน้า

หลังจากปรับแต่งวิญญาณ พวกเขาได้รับบางสิ่ง

ทุกคนเห็นผู้อมตะอี้หยาง

“อี้หยาง! นี่คืออี้หยางของตระกูลอี้!”

“โอ้ สวรรค์ คนชั่วฟางหยวนปล่อยตัวประกันออกมาจริงๆ!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ต่างประหลาดใจและมีความสุข ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“เดี๋ยว! อย่ามีความสุขเร็วนัก อาจมีปัญหากับอี้หยาง!” โดยไม่ต้องรอการแจ้งเตือนจากกองกําลังอื่น ตระกูลอี้เริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด

ผลลัพธ์ก็คืออี้หยางผู้นี้ไม่ใช่ตัวปลอม มันเป็นเพียงว่านี่ไม่ใช่อี้หยางที่สมบูรณ์ มันเป็นเพียงร่างกายของเขาเท่านั้น

ดวงวิญญาณของหยางยังอยู่ในมือของฟางหยวน

แต่การกระทําของฟางหยวนก็ทําให้ผู้อมตะภาคใต้เห็นความหวังที่จะไถ่ตัวเชลย ในการพบปะกับฟางหยวนครั้งต่อมา เขายอมรับโดยตรง “ข้าส่งคืนร่างของอี้หยางเพื่อรับผลประโยชน์มากขึ้น ผู้ใดจะสามารถบอกได้ว่าข้าจะไม่สามารถจับพวกเจ้าที่เหลือได้ในอนาคต ดังนั้นข้าจะไม่ทําลายชื่อเสียงของตนเอง อย่ากังวล ตราบเท่าที่พวกเจ้าสามารถจ่ายข้าก็สามารถปล่อยเชลยทั้งหมด”

“ฟางหยวน!” ผู้อมตะภาคใต้ไม่รู้ว่าควรตอบสนองเช่นไร

พวกเขามีความรู้สึกที่ซับซ้อน ทั้งมีความสุข โกรธ ขยะแขยง เกลียดชัง หวาดกลัว และหมดหนทาง

ฟางหยวนสามารถจับตัวผู้อมตะและหลบหนี ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่มีวิธีจัดการเขา

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ทั้งหมดถูกฟางหยวนคุกคาม กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังต้องระวังตัวเชี่ยชาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสําหรับเรื่องนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท