เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1614 ค้นวิญญาณเชลย

บทที่ 1614 ค้นวิญญาณเชลย

บทที่ 1614 ค้นวิญญาณเชลย

คํากล่าวของฟางหยวนทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้โกรธและระวังตัวมากขึ้น แต่เขาบรรลุเป้าหมายในการโน้มน้าวแล้ว

แม้ความตรงไปตรงมานี้จะทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้สึกเกลียดชังฟางหยวนมากขึ้น แต่พวกเขาเลือกที่จะเชื่อในความจริงใจของฟางหยวน

ในความเป็นจริงพวกเขาเต็มใจที่จะเชื่อ

เนื่องจากการสูญเสียผู้อมตะจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่สําหรับพวกเขา

มันไม่สําคัญหากเป็นผู้อมตะระดับหกทั่วไป แต่เชลยที่อยู่ในมือของฟางหยวนคือผู้อมตะระดับเจ็ดและผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งตระกูลเซี่ย เซี่ยชา

การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งตระกูล

นิกายคฤหาสน์วิญญาณเคยสูญเสียฟงจิวเก้อ ในเวลานั้นมันดึงดูดความโลภของนิกายอื่น และทําให้นิกายคฤหาสน์วิญญาณตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทันที

นิกายโบราณทั้งสิบมีผู้นําคนเดียวกัน นั่นคือวังสวรรค์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาใกล้ชิดกว่าฝ่ายธรรมะของภาคใต้ แต่สถานการณ์เลวร้ายยังเกิดขึ้นกับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ หากเป็นฝ่ายธรรมะของภาคใต้ สถานการณ์ของพวกเขาจะยิ่งเลวร้ายมากกว่า สถานะของพวกเขาจะตกต่ําลงอย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นฝ่ายธรรมะของภาคใต้จึงไม่ต้องการสูญเสียผู้อมตะเหล่านั้น สิ่งที่ทําให้พวกเขากังวลก็คือพวกเขาเกรงว่าฟางหยวนจะฆ่าและปล่อยเชลยเพียงบางส่วน

เส้นโลหิตปฐพี่กําลังเคลื่อนไหว ทรัพยากรและวิญญาณอมตะปาทุกชนิดปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น มันทําให้กองกําลังของภาคใต้ต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงทรัพยากรเหล่านี้

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีกองกําลังจํานวนมาก เดิมที่พวกเขาก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งอยู่แล้ว เมื่อเส้นโลหิตปฐพีเคลื่อนไหว มันยิ่งทําให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นไปอีก

หากฟางหยวนฆ่าและปล่อยเชลยบางส่วน สมดุลเดิมระหว่างกองกําลังต่างๆจะถูกทําลาย สถานการณ์ทั้งหมดของภาคใต้จะกลายเป็นไร้เสถียรภาพ

เชลยที่ฟางหยวนฆ่าหรือปล่อยจะเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งหมด

พวกเขากลัวฟางหยวน แม้พวกเขาจะไม่ยอมรับแต่พวกเขาก็ต้องระวังตัวมากขึ้น

ฟางหยวนมองเห็นความตึงเครียดทางการเมืองของกองกําลังเหล่านี้อย่างชัดเจนและสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อรีดไถพวกเขา

“ฝ่ายธรรมะจะทําสิ่งต่างๆอย่างสง่างาม แต่พวกเขาจะไม่อ้อมค้อมหากต้องลงมือ เผ่าไห่ของภาคเหนือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เมื่อเผ่าไห่อ่อนแอลง ด้วยข้ออ้างในการซ่อนอาชญากรที่ทําลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง พวกเขาจึงถูกปิดล้อมโดยกองกําลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดทันที

เปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นข้า แม้เราจะกรรโชกทรัพย์มากเพียงใด เราก็ยังไม่สามารถแย่งชิงดินแดน เราไม่สามารถสร้างกองกําลังใหญ่ขึ้นมาเพื่อยึดครองพื้นที่เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ในทางกลับกัน กองกําลังฝ่ายธรรมะมีสมาชิกมากมาย พวกเขามีทั้งกําลังคนและความทะเยอทะยาน ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นภัยคุกคามมากกว่า”

ภาคใต้มีหลายกองกําลังแต่ขาดผู้นําที่มีอํานาจ หากข้าทําเช่นนี้ที่ภาคกลาง นิกายโบราณทั้งสิบจะไม่สนใจข้า!”

“ภาคใต้ ทะเลทรายตะวันตก และทะเลตะวันออกเต็มไปด้วยกองกําลังส่วนตัว ภาคใต้มีความขัดแย้งมากที่สุด เพราะเส้นโลหิตปฐพีกําลังเคลื่อนไหวสําหรับภาคเหนือ

รอยยิ้มขมขึ้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหยวน

เปรียบเทียบกับชีวิตแรก ถ้ําสวรรค์นิรันดรของภาคเหนือปรากฏตัวขึ้นล่วงหน้าและเริ่มหลอมรวมผู้อมตะภาคเหนือเข้าด้วยกัน

ก่อนหน้านี้แผนการของถ้ําสวรรค์นิรันดรถูกขัดขวางโดยวังสวรรค์ พวกเขาปลอมตัวเป็นฟางหยวน และสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษที่กําลังจะแต่งงานเข้าสู่ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ

แต่ไม่นานมานี้จุดยืนของถ้ําสวรรค์นิรันดรเกิดการเปลี่ยนแปลง

สาเหตุเป็นเพราะแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ถ้ําสวรรค์นิรันดรกลืนกินนิกายหยางหลาทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังกระทําการอย่างเปิดเผย ให้คนทั้งโลกรู้ว่าพวกเขาสามารถยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและมอบสถานะที่เท่าเทียมให้ฝ่ายหลัง ตามข้อตกลงของเทพอมตะตะวันเดือดกับบรรพชนผมยาว

การกระทํานี้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของพวกเขาเป็นอย่างมาก

โลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคเกิดการสั่นสะเทือน

ผู้อมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หยางหลาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดแต่ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังใจกว้างเปิดรับมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์ดีกว่าอย่างแน่นอน

ถ้ําสวรรค์นิรันดรประสบความสําเร็จในการยึดครองหัวใจของผู้คนอีกครั้ง ความคิดของผู้อมตะภาคเหนือเปลี่ยนไปทั้งหมด แผนการรับสมัครผู้บ่มเพาะสันโดษก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว มันแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ถ้ําสวรรค์นิรันดรโชคดีจริงๆที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขอความช่วยเหลือจากพวกเขา”

การเคลื่อนไหวของถ้ําสวรรค์นิรันดรจะสร้างปัญหาให้กับภาคกลางในสงครามห้าภูมิภาคอย่างแน่นอน

สําหรับตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตกและตระกูลชื่อของภาคใต้ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากฟางหยวนอย่างลับๆ

นี่ไม่ใช่ทั้งหมดแต่ฟางหยวนแสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามของวังสวรรค์ในสวรรค์สีเหลืองอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะทางผ่านดาราและการฟื้นตัวของวิญญาณชะตากรรม นอกจากนี้ยังมีการต่อสู้ที่แม่น้ําหวนคืน การต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน และการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ถูกฉายซ้ําๆอยู่อย่างเงียบๆ สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยาน และความปรารถนาที่จะกดขี่อีกสี่ภูมิภาคของวังสวรรค์อย่างชัดเจน

การกระทําดังกล่าวอาจดูเหมือนไม่ได้รับการตอบสนอง แต่ฟางหยวนเชื่อว่าไม่มีกองกําลังใหญ่ใดในสู่ภูมิภาคที่ไม่รังเกียจการกระทําของวังสวรรค์ พวกเขาเพียงหยุดตัวเองไว้ชั่วคราวเท่านั้น

นิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางยอมรับวังสวรรค์เป็นผู้นําเพราะสมาชิกของวังสวรรค์ส่วนใหญ่มาจากนิกายโบราณทั้งสิบ

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือสามารถยอมรับถ้ําสวรรค์นิรันดรเพราะพวกเขามีสายเลือดเดียวกันขณะที่ถ้ําสวรรค์นิรันดรเป็นถ้ําสวรรค์ของบรรพชนของพวกเขา

ภาคใต้ ทะเลทรายตะวันตก และทะเลตะวันออกเคยชินกับการใช้อํานาจในทางที่ผิด และไม่มีผู้ใดยินดีที่จะถูกควบคุมโดยกองกําลังอื่น นี่ทําให้พวกเขาไม่สามารถสร้างความร่วมมือ

วันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ท่าไม้ตายอมตะค้นวิญญญาณ!

ฟางหยวนคิดค้นท่าไม้ตายอมตะด้วยการใช้วิญญาณอมตะค้นวิญญาณระดับเจ็ดเป็นแกนกลาง ประสิทธิภาพของมันสูงกว่าการใช้วิญญาณอมตะค้นวิญญาณเพียงลําพังนับสิบเท่า

ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายนี้ ข้อมูลทุกประเภทจึงถูกดึงออกมาจากดวงวิญญาณของเชลยและไหลเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน

ฟางหยวนมองเห็นวิถีชีวิตของผู้อมตะแต่ละคนอย่างชัดเจน ความลับและเคล็ดลับในการบ่มเพาะของพวกเขา ข้อพิพาทภายในกองกําลัง และความลับอื่นๆอีกมากมาย

ฟางหยวนมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาคใต้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากนิกายเงา หรือการแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวูในฐานะวูไห่

ด้วยพื้นฐานดังกล่าวรวมกับข้อมูลที่ได้รับจากผู้อมตะเหล่านี้ มันทําให้ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ของภาคใต้ลึกซึ้งมากขึ้น

กระทั่งผู้อมตะระดับแปดเช่นวูหยงหรือจ่อชิวหยูก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดของภาคใต้อย่างละเอียด

“ดูเหมือนรายชื่อวิญญาณอมตะที่พวกเขามอบให้ข้าจะถูกต้อง เว้นเพียงพวกเขาจะปกปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้

กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะและมอบรายชื่อวิญญาณอมตะของพวกเขาให้แก่ฟางหยวน ตอนนี้ฟางหยวนสามารถทําความเข้าใจรากฐานของแต่ละกองกําลังทันทีโดยการค้นวิญญาณเชลย หากเชลยเหล่านี้เป็นผู้อมตะระดับหกหรือระดับเจ็ดทั่วไป ฟางหยวนอาจไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าว แต่โชคดีที่ผู้อมตะระดับเจ็ดเหล่านี้ล้วนเป็นตัวตนชั้นสูงของกองกําลังของพวกเขา ความแข็งแกร่งหมายถึงอํานาจ ดังนั้นทุกคนจึงเป็นเสาหลักของกองกําลังที่เต็มไปด้วยข้อมูลในเชิงลึก

ฟางหยวนไม่แปลกใจกับการซุกซ้อนข้อมูลของกองกําลังต่างๆ

เพราะเขารู้ว่าวิญญาณอมตะที่ไม่ถูกกล่าวถึงคือวิญญาณอมตะที่กองกําลังต่างๆไม่ต้องการแลกเปลี่ยน หากฟางหยวนต้องการแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะในรายการ เขาจะทําได้อย่างง่ายดาย

ในความเป็นจริงเขาต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณ

“ข้าต้องการสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นสําหรับพักผ่อนและพักฟื้นในสายธารแห่งกาลเวลา นอกจากนั้นการคงอยู่ของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะทําให้สมาชิกนิกายเงาสามารถเข้าร่วมในการต่อสู้และช่วยเหลือข้า”

ฟางหยวนสามารถปล่อยวิญญาณอมตะที่เขาไม่ต้องการออกไป ในอีกแง่มุมหนึ่ง หากฝ่ายธรรมะของภาคใต้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาจะสามารถต่อต้านวังสวรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ละทิ้งวิญญาณอมตะที่มีประโยชน์ต่อเขา

วิญญาณอมตะทุกดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกมันไม่สามารถประเมินค่า แต่สิ่งสําคัญคือภาพรวม!

วังสวรรค์

ค่ายกลวิญญาณอมตะส่งเสียงดังขณะที่เทพธิดาจื่อเว่ยมองภาพเหตุการณ์ที่เทพปีศาจจิตวิญญาณกําลังถือปลามังกรเหล็กไหลเอาไว้ในมือ

ฉากความทรงจําของเทพปีศาจจิตวิญญาณปรากฏขึ้นต่อหน้าเทพธิดาจื่อเว่ยในเวลานี้

นางเผยรอยยิ้ม “ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางอาหารนี้ วังสวรรค์จะสามารถผลิตปลามังกรเหล็กไหล ปลามังกรทองแดง ปลามังกรเงิน และปลามังกรทอง เราสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ในสวรรค์สีเหลือง เทพปีศาจจิตวิญญาณ การระเบิดภูเขาตงฮันทําให้เจ้าสามารถยึดเวลาตายออกไป แต่ตอนนี้เจ้าจะพึ่งพาสิ่งใดอีก?”

ดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกควบแน่นจนกลายเป็นดวงแสงสีดํา แต่เขายังเงียบราวกับสิ่งที่ตายไปแล้ว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท