เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1621 หอคอยดวงประทีป

บทที่ 1621 หอคอยดวงประทีป

บทที่ 1621 หอคอยดวงประทีป

หลายเดือนต่อมา

ภาคใต้ หุบเขาไร้นาม

“ฮ่า!” ผู้อมตะหญิงระดับหกปาเต๋ตะโกนเสียงดังพร้อมกับกลิ่นอายที่ปะทุขึ้น นางยกมือรับน้ําหนักหลายพันกิโลกรัมด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงและร่างกายที่สั่นเทา

“เร็ว!” ปาเต๋ากระตุ้น

ผู้อมตะที่ยืนอยู่ด้านข้างเร่งใช้ท่าไม้ตาย

เขาคือผู้อมตะระดับหกหนุ่มของตระกูลไท่ ไท่อี้ บุตรชายของไท่หูจง เสาไฟสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในจังหวะนี้ผู้อมตะชราที่ยืนอยู่บนก้อนเมฆเร่งโบกมือและหยุดเสาไฟสีแดงเอาไว้

เสาไฟสีแดงสลายไปและเผยให้เห็นหอคอยเจ็ดชั้นที่มีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นอย่างเงียบๆอยู่บนชั้นสูงสุด

“สําเร็จ!” ไท่อี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

ผู้อมตะชราค่อยๆบินลงมา

นี่เป็นกลุ่มเล็กๆที่ได้รับมอบหมายให้สร้างหอคอยดวงประทีป

กลุ่มสามคนประกอบด้วยผู้อมตะตระกูลไท่ ไท่อี้ ซึ่งเป็นผู้นําในการสร้างหอคอยดวงประทีปขณะที่ผู้อมตะตระกูลปา ปาเต๋า คอยให้การสนับสนุนและผู้อมตะชราทําหน้าที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณ

ยังมีกลุ่มเล็กๆเช่นนี้อีกนับสิบกลุ่ม หลังจากกองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ตกลงสร้างความร่วมมือ กลุ่มเล็กๆเหล่านี้จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างหอคอยดวงประทีปทั่วทั้งภาคใต้

“หอคอยดวงประทีปคู่ควรกับการเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะสัญลักษณ์ของตระกูลไก่อย่างแท้จริง ไม่น่าเชื่อที่คฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์จะสามารถขนส่งผู้อมตะ!” ผู้อมตะชราถอนหายใจขณะมองหอคอยดวงประทีประดับมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้า

ไท่อี้ช่วยปาเต๋าให้ยืนขึ้นและตอบผู้อมตะชรา “ความน่ากลัวของหอคอยดวงประทีปคือยิ่งมีหอคอยดวงประทีประดับมนุษย์สาขาย่อยอยู่มากเท่าใด มันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเพื่อให้ได้ รับพลังอํานาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจําเป็นต้องมีหอคอยดวงประทีประดับมนุษย์สาขาย่อย อย่างน้อยหนึ่งร้อยหลัง ตอนนี้มีหอคอยดวงประทีประดับมนุษย์อยู่ในภาคใต้มากกว่าหนึ่งพันหลัง มันสามารถขนส่งผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เพื่อขนส่งผู้อมตะระดับแปด เราต้องการอย่างน้อยหนึ่งหมื่นหลัง”

“ขอบคุณสําหรับการไขข้อสงสัยของข้า” ผู้อมตะชรากล่าว

ไท่อี้และผู้อมตะชราชําเลืองมองกันด้วยรอยยิ้ม

หากเป็นก่อนหน้า ความลับของหอคอยดวงประทีปไม่สามารถบอกคนนอก แต่หลังจากฝ่ายธรรมะของภาคใต้ร่วมใจเป็นหนึ่ง ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไป

“หากเรามีหอคอยดวงประทีปในสายธารแห่งกาลเวลา ฝ่ายธรรมะของเราจะสามารถนํากําลังเสริมไปช่วยท่านปู่ของข้าได้ทันเวลา” ปาเต๋าพึมพํา

“ปาเต๋า เรายังมีความหวัง ผู้อมตะตระกูลอี้ถูกปล่อยตัวแล้ว ปีศาจฟางหยวนต้องการทรัพยากรมากขึ้น เขาต้องปล่อยตัวประกันอย่างแน่นอน” ผู้อมตะชราปลอบโยน

ไท่อี้ไม่กล่าวสิ่งใดแต่จิตใจของเขากําลังว้าวุ่น สถานการณ์ของเขาคล้ายกับปาเต๋า บิดาของเขาไท่หูจงถูกจับโดยฟางหยวน

เขาโกรธและเกลียดชังฟางหยวน แต่เขาต้องยอมรับว่าหากฟางหยวนไม่จับผู้อมตะภาคใต้ และทําให้ฝ่ายธรรมะของภาคใต้เจ็บปวด กองกําลังพันธมิตรของภาคใต้จะไม่เกิดขึ้น

ระหว่างความสุขกับความเจ็บปวด สิ่งหลังสามารถกระตุ้นหัวใจของผู้คนได้ง่ายกว่า

บางครั้งไท่อี้ก็รู้สึกว่าสถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าขัน แผนการสร้างหอคอยดวงประทีปเป็นความฝันของตระกูลไทมาอย่างยาวนานแต่มันประสบความสําเร็จเพราะจักรพรรดิปีศาจฟางหยวน แน่นอนว่ายังมีเหตุผลสําคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือยุคที่ยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง แต่ไม่ว่าอย่างไรการกระทําของฟางหยวนก็มีบทบาทมากที่สุด

“ครืน”

เป็นเพียงเวลานี้ที่หอคอยดวงประทีปเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ผู้อมตะชราขมวดคิ้วและมองไปที่ไท่อี้

ปาเต๋ามองไท่อี้เช่นกัน

นางมีส่วนร่วมในการสร้างหอคอยดวงประทีปหลายแห่งแต่นางไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน บางทีมันอาจมีข้อบกพร่องบางอย่าง?

แต่คิ้วของไท่อี้กลับขมวดลึกยิ่งกว่าคนทั้งสอง “อย่ากังวล สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะหอคอยดวงประทีปหลังนี้มีปัญหา แต่มันเป็นเพราะหอคอยดวงประทีปบางแห่งที่กระจายอยู่ในภาคใต้ถูกทําลาย!”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น” ผู้อมตะชราผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ปาเต่สูดหายใจลึก

เหตุการณ์นี้อยู่ในความคาดหมายของฝ่ายธรรมะ แม้หอคอยดวงประทีปจะได้รับการอนุมัติ ให้สร้างขึ้นโดยฝ่ายธรรมะของภาคใต้แต่โลกผู้อมตะของภาคใต้ยังมีปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ

หอคอยดวงประทีปอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลไท่ มันเป็นประโยชน์กับพวกเขาซึ่งมีความขัดแย้งกับปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ

มีความเป็นไปได้สูงที่หอคอยดวงประทีปจะถูกทําลายโดยผู้อมตะเหล่านั้นเมื่อพวกเขาค้นพบ

“ตรวจสอบว่าผู้ใดโจมตี เราจะฆ่าพวกเขาเพื่อเป็นการแจ้งเตือนคนอื่นๆ!” เจตนาสังหารของผู้อมตะชราปะทุขึ้น นี่เป็นวิธีหนึ่งที่กองกําลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้หารือเพื่อจัดการกับเรื่อง ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาหอคอยดวงประทีปก็ทําให้คนทั้งสามรู้สึกตกใจอีกครั้ง

“ครีนครืน….ครืน…”

หอคอยดวงประทีปเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“นี่หมายความว่าหอคอยดวงประทีปจํานวนมากถูกทําลายลงอย่างต่อเนื่องงั้นหรือ?”

ปาเต่ําและผู้อมตะชรามองไท่อี้อีกครั้ง

ครั้งนี้กระทั่งไท่อี้ยังพึมพําด้วยความตกใจ “แปลก หอคอยดวงประทีปมีปัญหาหรือไม่?”

แต่หลังจากนั้นข้อสงสัยของพวกเขาก็หายไป

การแสดงออกของผู้อมตะทั้งสามเปลี่ยนแปลงไป เพราะพวกเขาได้รับข่าวที่น่าอัศจรรย์ในเวลาเดียวกัน

การทําลายหอคอยดวงประทีปอย่างบ้าคลั่งเกิดจากคนเพียงผู้เดียว เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากปีศาจที่ชั่วร้ายและไม่อาจให้อภัย ฟางหยวน!

“ฟางหยวนมีวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่โดดเด่น มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะสามารถอนุมานตําแหน่งของหอคอยดวงประทีปเหล่านี้ นอกจากนั้นเขายังมีวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆได้อย่างอิสระ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสามารถทําสิ่งนี้” การแสดงออกของไท่อี้กลายเป็นมืดมน

“บัดซบ! วังสวรรค์ช่างไร้ความสามารถนัก พวกเขาปล่อยให้ฟางหยวนขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะ!” ปาเต่กําหมัดแน่นด้วยความโกรธ

ผู้อมตะชรากล่าวอย่างระมัดระวัง “เราควรกลับตระกูลทันที เนื่องจากฟางหยวนกําลังเคลื่อนไหว ที่นี่จึงไม่ปลอดภัย”

ไท่อี้และปาเต๋ายิ่งเครียดเมื่อนึกถึงวิธีการของฟางหยวน

ในเวลาเดียวกัน วูหยง จื่อชิวหยู และผู้นําคนอื่นๆเร่งเปิดประชุมเป็นการด่วน

“ฟางหยวนสังเกตเห็นภัยคุกคามของหอคอยดวงประทีป ดังนั้นเขาจึงเริ่มทําลายพวกมัน!” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลไท่กล่าว

“อืม ปล่อยให้เขาทําลาย การสร้างหอคอยดวงประทีปค่อนข้างยากและต้องใช้ผู้อมตะเป็นผู้ดําเนินการ แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นด้วยวิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น ต้นทุนของพวกมันค่อนข้างต่ํา เราจะปล่อยให้เขาทําลายพวกมัน” ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิงหัวเราะเสียงเย็น

อย่างไรก็ตามวหยงกลับขมวดคิ้ว เขาเข้าใจฟางหยวนมากกว่าคนอื่นๆเล็กน้อย “ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์ เราไม่สามารถดูถูกเขา ข้ารู้สึกว่าการกระทําของเขามีความหมายลึกซึ้ง มันไม่ง่ายเช่นที่คิด”

คํากล่าวของวูหยงดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

หนึ่งในนั้นกล่าว “เป็นไปได้หรือไม่ว่าฟางหยวนจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใหญ่ที่ภาคใต้และ หนึ่งในหอคอยดวงประทีปอยู่ใกล้กับสถานที่ที่เขาเลือก ดังนั้นเขาจึงดําเนินการทําลายหอคอยดวงประทีปจํานวนมากเพื่อสร้างความสับสน

“สมเหตุสมผล!”

“เร็วเข้า รวบรวมผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่ออนุมาน!”

“ตราบเท่าที่ฟางหยวนเคลื่อนไหว เขาจะทิ้งเบาะแสทุกชนิดเอาไว้เบื้องหลัง ตอนนี้เขากําลังสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ เราจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นจากการอนุมานอย่างแน่นอน”

หลังจากอนุมาน พวกเขาได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้พบตําแหน่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดสามแห่ง

“ตรวจสอบต่อไป!”

“ทั้งสามพื้นที่ต้องได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา”

คําสั่งที่คล้ายคลึงกันถูกส่งต่อไปในโลกของผู้อมตะภาคใต้ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงและเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ครู่ต่อมาข่าวที่น่าตกใจก็มาถึงพวกเขา มีความผิดปกติของปราณสวรรค์พิภพเกิดขึ้นบนเทือกเขาห้าภูมิภาค!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท