เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – บทที่ 1611 ความไม่สบายใจของจื่อเว่ย

บทที่ 1611 ความไม่สบายใจของจื่อเว่ย

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1611 ความไม่สบายใจของจื่อเว่ย

วังสวรรค์

วิหารจํานวนมากส่องประกายสว่างไสว

ในวิหารแห่งหนึ่ง เทพธิดาจื่อเว่ยเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆขณะที่แสงสีม่วงสะท้อนออกมา

จากดวงตาของนาง

นางขมวดคิ้วเล็กน้อยและพึมพํา “วิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติระเบิดตัวเอง”

หลังจากได้รับกระดานหมากรุกกลุ่มดาว เทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคปัจจุบัน ครั้งนี้นางส่งหลิวห่าวและจวินเฉินกวงออกไปจัดการฟางหยวน แล้วนางจะไม่เตรียมตัวสําหรับมือปีศาจปล้นวิญญาณของฟางหยวนได้อย่างไร?

มนุษย์จะฉลาดขึ้นด้วยการเรียนรู้จากความผิดพลาด ฟางหยวนขโมยวิญญาณท่องแดนอมตะจากฟงจิวเก้อภายใต้สายตาของเทพธิดาจื่อเว่ย แน่นอนว่านางจะไม่ทําผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง

“หยวนเฉียง” เทพธิดาจื่อเว่ยติดต่อผู้อมตะระดับแปดคนใหม่ที่พึ่งได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่วังสวรรค์

“ท่านหญิงจื่อเว่ย” หยวนเฉียงตูเร่งตอบกลับ

“ไปหลอมรวมวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ” เทพธิดาจื่อเว่ยออกคําสั่ง

การแสดงออกของหยวนเฉียงเปลี่ยนไป เขาเป็นคนเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ

คํากล่าวของเทพธิดาจื่อเว่ยหมายความว่าสถานการณ์ของหลิวห่าวไม่น่าจะดี

หลิวห่าวและหยวนเฉียงตูมาจากนิกายเดียวกัน หยวนเฉียงตู้ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจถาม “ท่านหญิงจื่อเว่ย หลิวห่าว…”

“เขาน่าจะถูกจับโดยฟางหยวนแต่ข้าอยากให้เขาถูกฆ่าโดยฟางหยวนมากกว่า” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ไม่แยแส

หยวนเฉียงตะลึงก่อนจะตระหนักถึงบางสิ่ง

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่ได้เกลียดชังหลิวห่าวและต้องการให้ฝ่ายหลังตาย แต่หากหลิวห่าวถูกจับเป็นเชลย นั่นหมายความว่าผู้อมตะภาคใต้คนอื่นๆถูกจับเช่นกัน

ในกรณีที่ฟางหยวนฆ่าหลิวห่าว ผู้อมตะภาคใต้คนอื่นๆก็ไม่น่าจะได้รับการยกเว้น ด้วยวิธีนี้ความเกลียดชังระหว่างฟางหยวนกับกองกําลังของภาคใต้จะยิ่งฝังลึก พวกเขาจะไม่สามารถประนีประนอมหรือร่วมมือ ภาคใต้ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนภูเขาอี้เทียน เช่นเดียวกับการต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝัน หากกลุ่มผู้อมตะระดับแนวหน้าของพวกเขาถูกสังหารโดยฟางหยวน รากฐานของพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างมาก ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาจะลดลงสู่จุดต่ําสุดของห้าภูมิภาค

เมื่อสงครามห้าภูมิภาคเริ่มขึ้น ภาคกลางจะสามารถโจมตีภาคใต้ได้อย่างง่ายดาย

หากภาคใต้ถูกกลืนกินโดยภาคกลาง ความแข็งแกร่งของภาคกลางจะเพิ่มขึ้นและเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกสามภูมิภาคที่เหลือ มิฉะนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเพราะการปิดล้อมของทั้งสี่ภูมิภาค

เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ การเสียสละของผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นหลิวห่าวก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

หลังจากเข้าใจเรื่องนี้ ความตกใจของหยวนเฉียงตู้ก็หายไป “ข้าจะไปหลอมรวมวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติทันที”

หยวนเฉียงเป็นผู้อมตะระดับแปด ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทาง แห่งการหลอมรวมของวังสวรรค์ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะหลอมรวมวิญญาณอมตะผนึกห้วงมิติ หรือวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ

อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยยังรู้สึกไม่สบายใจ

สําหรับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ความรู้สึกดังกล่าวเหมือนลางสังหรณ์

วิถีแห่งปัญญามีสามองค์ประกอบคือความคิด เจตจํานง และอารมณ์ความรู้สึก

อารมณ์ความรู้สึกของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีความหมายที่แตกต่างจากผู้อมตะทั่วไป

“ข้าคํานวณสิ่งใดผิด เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจ?” เทพธิดาจื่อเว่ยเริ่มอนุมานโดยหยิบยืมพลังอํานาจจากกระดานหมากรุกกลุ่มดาว

หลังจากชั่วครู่นางก็เปิดเปลือกตาขึ้นและเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความสงสัย

ผลการอนุมานยังเหมือนเดิม

“ฟางหยวนประสบความสําเร็จในการซุ่มโจมตีเพราะเขาสามารถล่อลวงผู้อมตะภาคใต้เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”

“นี่ไม่ใช่ความสําเร็จของเขาเองแต่เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของนิกายเงา ที่หยิบยืมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา”

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล เขาต้องใช้ทรัพยากรอมตะเพื่อสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะ

เมื่อบรรลุระดับปรมาจารย์เอก พวกเขาจะสามารถหยิบยืมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากสภาพแวดล้อม

นิกายเงาไม่ได้ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางสายนี้ พวกเขาค้นพบสาขาของสายธารแห่งกาลเวลามานานแล้ว และยังใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะปกปิดพวกมันเอาไว้

แม้ค่ายกลวิญญาณอมตะที่สร้างขึ้นจากการหยิบยืมร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากธรรมชาติไม่จําเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะแต่มันก็มีข้อเสีย

ข้อเสียของมันคือค่ายกลวิญญาณอมตะที่จัดตั้งขึ้นจะมีความสามารถเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างกัน ขณะที่ค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจัดตั้งได้ยากมาก

ในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะลักษณะนี้ นอกจากผู้อมตะต้องคิดถึงเป้าหมาย พวกเขายังต้องพิจารณาถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ของสถานที่แห่งนั้น ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ไม่สามารถปกปิดการคงอยู่ของค่ายกลวิญญาณอมตะ

ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้วิธีนี้เป็นครั้งที่สอง

เทพธิดาจื่อเว่ยจ่ายด้วยราคามหาศาลและใช้เบาะแสที่ได้รับจากจวินเฉินกวงเพื่ออนุมา นเกี่ยวกับเรื่องนี้

“โดยปราศจากค่ายกลวิญญาณอมตะที่สามารถผนึกพื้นที่ แม้ฟางหยวนจะจุดชนวนกายา แห่งความฝัน แต่การขยายตัวของอาณาจักรแห่งความฝันไม่เร็วนัก ผู้อมตะสามารถหลบหนีจาก มันได้อย่างง่ายดาย

“หากเขาใช้เขตแดนอมตะที่ไม่ใช่เส้นทางแห่งความฝัน มันจะเป็นสิ่งแรกที่ถูกอาณาจักรแห่งความฝันทําลาย”

“ดังนั้นกลยุทธ์เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวนจึงไม่เป็นภัยคุกคามมากนัก”

“แล้วเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจ? มันเป็นเพราะเทพปีศาจจิตวิญญาณงั้นหรือ?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เทพธิดาจื่อเว่ยก็เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งของวังสวรรค์

มันเป็นสถานที่ที่ภูเขาตงฮันระเบิดตัวเอง เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ที่นี่และใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮันรักษาตัวและซ่อนตัวเอง

แต่วังสวรรค์ไม่ขาดแคลนวิธีการ เทพธิดาจื่อเว่ยสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่ ปิดล้อมสถานที่แห่งนี้เอาไว้แล้ว

“เจ้ายังคิดต่อต้านอีกงั้นหรือ? น่าเสียดายที่เจ้าจะถูกบดขยี้ภายในสามวัน การกระทําของเจ้าเป็นเพียงเรื่องที่ไร้ประโยชน์” เทพธิดาจื่อเว่ยเย้ยหยันเทพปีศาจจิตวิญญาณ

แต่เทพปีศาจจิตวิญญาญเหมือนประติมากรรมหินที่ไม่ตอบสนอง

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้นขณะที่กระดานหมากรุกกลุ่มดาวในมือของนาง ปล่อยแสงสีน้ําเงินออกไปตรวจสอบค่ายกลวิญญาณทั้งหมดพร้อมกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ หลังจากตรวจสอบถึงสามครั้ง นางก็แน่ใจว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่สามารถต่อต้าน

“เทพปีศาจจิตวิญญาณไม่มีปัญหา ดูเหมือนความไม่สบายใจของข้าจะไม่ได้มาจากที่นี่ แล้วมันมาจากที่ใด? เดี๋ยว! อาจจะเป็น…”

การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนไป นางนึกถึงคนผู้หนึ่ง

นางออกเดินทางไปยังหุบเขาไร้นามแห่งหนึ่งในภาคกลางทันที

ท่ามกลางหุบเขาสีเขียว ราชันมังกรกําลังสั่งสอนและปกป้องฟงจินฮวงอยู่ที่น้ําตกแห่งภายใน

หุบเขาแห่งนี้

ฟงจินฮวง!

หากมีบางคนที่ทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยรู้สึกไม่สบายใจ มันอาจเป็นเมล็ดพันธุ์ของเทพอมตะผู้นี้

น้ําตกส่งเสียงคํารามและสร้างหมอกหนาทึบขึ้นรอบๆ

ฟงจินฮวงนั่งปิดเปลือกตาอยู่บนหินขนาดใหญ่ต่อหน้าอาณาจักรแห่งความฝัน

ผู้อมตะที่มีเขามังกรอยู่บนหน้าผากยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ

“ท่านราชันมังกร” เทพธิดาจื่อเว่ยเดินเข้าไปและโค้งคํานับ

ราชันมังกรพยักหน้าเบาๆและยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เทพธิดาจื่อเว่ยเงียบ

ในเวลาต่อมาฟงจินฮวงก็เปิดเปลือกตาขึ้นและชี้นิ้วออกไป

“เพล้ง!”

ท่าไม้ตายถูกกระตุ้นใช้งานขณะที่อาณาจักรแห่งความฝันแตกกระจายราวกับกระจกแตก มันพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

“ข้าประสบความสําเร็จในการเรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะทําลายความฝัน!” ฟงจินฮวงกรีดร้องด้วยความยินดี

ราชันมังกรพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเผยให้เห็นถึงความตกใจ ความก้าวหน้าของฟงจินฮวงบนเส้นทางแห่งความฝันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของนาง

ท่าไม้ตายอมตะหรือกระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า หากไม่ใช่เส้นทางแห่งความฝัน พวกมันจะไม่ส่งผลกระทบต่ออาณจักรแห่งความฝัน

แต่ผู้ใดจะคิดว่าท่าไม้ตายอมตะของฟงจินฮวงจะสามารถทําลายอาณาจักรแห่งความฝันได้โดยตรง

“ฮวงเอ๋อ เจ้าฝึกมาเกือบทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” ราชันมังกรมองฟงจินฮวงด้วยสายตาอบอุ่น

“ทราบแล้ว” ฟงจินฮวงรู้ว่าเทพธิดาจื่อเว่ยและราชันมังกรมีเรื่องที่ต้องหารือ ดังนั้นนางจึงจากไปอย่างเชื่อฟัง

หลังจากฟงจินฮวงจากไป ราชันมังกรจึงเปิดปากถาม “สิ่งใดนําเจ้ามาที่นี่?”

“ ข้ารู้สึกไม่สบายใจแต่หาสาเหตุไม่ได้” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ราชันมังกรขมวดคิ้ว “ด้วยความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเจ้า ความรู้สึกไม่สบายใจถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เจ้าไม่สามารถหาสาเหตุงั้นหรือ?”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า “ข้าอนุมานฟางหยวนและตรวจสอบเทพปีศาจจิตวิญญาณแล้ว แต่ยังไม่สามารถปลดปล่อยความรู้สึกนี้ ดังนั้นข้าจึงมาดูที่นี่”

ราชันมังกรยิ้ม “ตั้งแต่เจ้ามาที่นี่ เจ้าคิดอย่างไรกับสถานที่แห่งนี้

เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มตอบ “ข้ากังวลเกินไป ด้วยการชี้แนะของผู้อาวุโส ความก้าวหน้าของฟงจินฮวงเหนือจินตนาการของข้าไปไกลมาก”

ราชันมังกรส่ายศีรษะ “ข้าไม่มีพื้นฐานใดๆเกี่ยวกับเส้นทางแห่งความฝัน ฮวงเอ๋อประสบความสําเร็จเพราะพรสวรรค์ของตัวนางเอง ข้าเพียงปกป้องนางจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเท่านั้น”

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “เด็กผู้นี้เป็นความหวังของวังสวรรค์ที่จะรวบรวมห้าภูมิภาคเข้าด้วยกัน”

ราชันมังกรพยักหน้า “ข้ารู้ว่าความไม่สบายใจของเจ้ามาจากที่ใด?”

“โอ้ ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะด้วย”

“ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าต่ํากว่าเจ้ามาก แต่แหล่งที่มาของความไม่สบายใจมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง เมื่อมันไม่ใช่ฟางหยวน เทพปีศาจจิตวิญญาณ หรือฟงจินฮวง คนที่เหลือก็คือเทพปีศาจบัวแดง”

เทพปีศาจบัวแดง!

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “ท่านกําลังกล่าวถึงมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงงั้นหรือ?”

สามเทพปีศาจที่เคยโจมตีวังสวรรค์ในอดีตมีเพียงเทพปีศาจบัวแดงเท่านั้นที่สามารถทําร้ายวิญญาณชะตากรรม กระทั่งคนนอกยังตระหนักว่าผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง จะเป็นผู้สืบทอดภารกิจทําลายล้างวิญญาณชะตากรรม

“ความคืบหน้าในการค้นหา

ที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงเป็นอย่างไร?” ราชันมังกรถาม

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “วิหารอดีตปัจจุบันอยู่ในสายธารแห่งการเวลาตลอดเวลา ตราบเท่าที่ฟางหยวนเข้าไป เราจะรู้อย่างแน่นอน นาวานิรันดรใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วและจะเข้าสู่สายธารแห่ งกาลเวลาภายในสองสามวันนี้เพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง ข้ายังวางแผนที่จะสร้างรังกระเรียนใบไม้ร่วงและฉลามล่องคลื่น ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทั้งสี่ ไม่ว่าฟางหยวนจะเติบโตขึ้นมากเพียงใด เขาก็ต้องล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ต่อหน้าปราการที่ไม่สามารถก้าวข้าม!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท